"ของหลวง" ใช้ผิดวิธี ถูกตีตราทุจริต มีสิทธิ์ติดคุก

“ของหลวง” หรือ ทรัพย์สินของรัฐ ทรัพยากรของรัฐ ซึ่งจะต้องใช้ไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่ทรัพย์สินหรือทรัพยากรที่เจ้าหน้าที่ของรัฐคนนึ่งคนใด จะนำไปใช้ในนามส่วนตัว หรือใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนได้

แต่ที่ผ่านมา ยังมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนที่มักเข้าใจว่าการใช้ทรัพย์สินของราชการ หรือของหลวงไปใช้ เป็นการส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องปกติวิสัย เล็กน้อยๆ ที่สามารถทำได้ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์เพราะผลจากการใช้ของหลวงอาจทำให้ได้รับความผิดและโทษตามระเบียบ กฎหมาย อย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น

พีพีทีวี

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งหลาย จึงควรต้องตระหนักและแยกแยะให้ได้ว่า “ของหลวงไม่ใช่ของเรา” ดังนั้นการจะใช้ทรัพย์สินของรัฐ หรือทรัพยากรของรัฐได้ต้องมีวัตถุประสงค์เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นหลักเท่านั้น หากนำไปใช้ส่วนตัวมีโทษถึงจำคุกได้

โดยการนำของหลวงไปใช้ประโยชน์ส่วนตน นับเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญและเป็นบทเรียนสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องตระหนักรู้ในการแยกแยะประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนเห็นว่าการใช้ของหลวงเป็นเรื่องปกติเล็กน้อย และไม่ให้ความสำคัญ ยังคงปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้อง หรือปฏิบัติตามความเข้าใจผิดโดยถือเอาความสะดวกของตนเอง ดังนั้นการใช้อำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ หรือการใช้ทรัพย์สินของราชการ เป็นสิ่งที่พึงระมัดระวังอย่างยิ่ง หากเกิดการกระทำที่ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวมแล้ว อาจต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับกรณีศึกษา ซึ่งที่ผ่านมา เคยมีเจ้าหน้าที่รัฐ มีความผิดจากการใช้ของหลวงหลายต่อหลายกรณี

 

ใช้รถส่วนกลางเสมือนรถประจำตำแหน่ง

ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดแห่งหนึ่งนำรถส่วนกลางซึ่งเป็นทรัพย์ของสถานพินิจฯ ไปใช้ประโยชน์ รับส่งจำเลยระหว่างที่พักกับที่ทำงานเป็นประจำ และสั่งให้พนักงานขับรถนำรถยนต์ส่วนกลางพาไปทำธุระส่วนตัวในวันเสาร์และอาทิตย์ จึงเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่สถานพินิจฯ

เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และยังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 จึงมีพิพากษาว่า ผู้อำนวยการสถานพินิจฯรายดังกล่าวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) มีโทษจำคุก 5 ปี

 

ใช้รถหลวงเพื่อประโยชน์ส่วนตัว

นายกเทศมนตรีแห่งหนึ่ง นำรถส่วนกลางไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว โดยสั่งให้คนขับรถบรรทุก 6 ล้อ รถส่วนกลางให้ไปบรรทุกเศษไม้และกิ่งไม้ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งเพื่อขนไปทิ้งในที่สาธารณะ ซึ่งหมู่บ้านจัดสรรดังกล่าวพี่สาวนายกเทศมนตรีเป็นผู้จัดการ และเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลมิใช่พื้นที่สาธารณะ และอยู่นอกเขตพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลเมือง และสั่งให้นำรถบรรทุกส่วนกลางไปบรรทุกประตูเหล็ก ซึ่งเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 พิพากษาว่า นายกเทศมนตรีคนดังกล่าวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 กรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักที่สุด ฐานใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยทุจริต รวมจำคุก 9 ปี 12 เดือน

 

ใช้ทรัพยากรหลวงเพื่อประโยชน์ส่วนตน

นายกเทศมนตรีแห่งหนึ่ง ใช้กระสอบบรรจุทราย คนงาน และรถของเทศบาลเพื่อประโยชน์ส่วนตน ขณะดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายสั่งอนุญาตและอนุมัติเกี่ยวกับราชการของเทศบาล โดยได้โทรศัพท์สั่งหัวหน้าฝ่ายป้องกันและรักษาความสงบเรียบร้อยของเทศบาล ให้ขนกระสอบบรรจุทรายของเทศบาลที่จัดซื้อมาเพื่อป้องกันน้ำท่วมในเขตเทศบาล ไปที่บ้านของตัวเองเพื่อใช้ป้องกันน้ำท่วมบ้าน จำนวน 40 กระสอบ โดยใช้คนขับรถกระบะของเทศบาล พร้อมนำพนักงานเทศบาล จำนวน 3 คน ในการช่วยกันขนกระสอบทรายไปวางเป็นแนวป้องกันน้ำท่วมหน้าประตูบ้าน

ศาลฎีกาพิพากษาว่า นายกเทศมนตรีสั่งการให้ใช้รถยนต์ของเทศบาลขนทรายไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกิดความเสียหายแก่เทศบาล เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) จำคุก 8 เดือน

 

เบียดบังเงินหลวงใช้ประโยชน์ส่วนตัว

เบียดบังเงินอาหารกลางวันของโรงเรียนไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว โดยผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง อาศัยตำแหน่งหน้าที่เบียดบังเงินโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนไปเป็นของตนโดยทุจริต รวมจำนวน 904,060.18 บาท ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้พิจารณาสำนวนและพยานหลักฐานแล้วจึงพิพากษาว่า เป็นการกระทำที่ขาดคุณธรรม จริยธรรมและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีแก่ข้าราชการทั่วไป  จึงไม่รอการลงโทษ

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ลงโทษจำคุก 50 ปี และให้คืนเงินที่ได้เบียดบังไปให้แก่โรงเรียน

 

แม้โทษของการใช้ของหลวงในกรณีศึกษา จะหนักเบาแตกต่างกันไปตามแต่กรณี แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐพึงตระหนักจากการใช้ของหลวง ก็คือวัตถุประสงค์เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นหลักเท่านั้น หากนำไปใช้ส่วนตัวเมื่อใด ก็จะมีโทษถึงจำคุกได้

รู้จัก “ลาบูบู้” อาร์ตทอยฟันแหลม แรร์ไอเทมที่หลายคนตามหา

รวบอาจารย์น๊อตตี้ ใบ้หวย คาไลฟ์สด ขณะกำลังนำประชาชนทำพิธี

ชวนรู้จัก “เมียวดี” พื้นที่ค้าชายแดนไทย-เมียนมา หลังกลุ่มชาติพันธุ์ยึด

เช็กโปรแกรมบอล ผลบอลสดแบบเรียลไทม์ ‼️
✅ ได้แล้วที่เว็บไซต์ พีพีทีวี ตามลิงก์นี้เลย
>> http://pptv36.tv/1hWR <<
ไทยลีก พรีเมียร์ลีก และลีกใหญ่ยุโรปครบๆ