ผ่านมาร่วมเดือน คดีฝรั่งเตะหมอ ที่หาดยามู จังหวัดภูเก็ต ช่วยปลุกกระแสคนในพื้นที่และคนทั้งประเทศให้ตระหนักถึงปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะที่ซุกอยู่ใต้พรมมานานหลายสิบปีโดยไม่ได้รับการแก้ไข
เฉพาะที่วิลล่าของฝรั่งต้นเรื่อง แม้จะมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่สาธารณะไปแล้ว แต่ก็ยังมีวิลล่าอีก 31 หลังที่ส่อเค้าว่าจะมีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะเช่นกัน
ล่าสุด นายสุวัฒน์ เสาวรัญ ผู้อำนวยการสำนัก ป.ป.ช.ประจำจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เทศบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ทำการรังวัดแนวเขตวิลล่า ทั้ง 31 หลังที่หาดยามู เสร็จสิ้นแล้ว เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หากพบว่ามีสิ่งก่อสร้างใดรุกล้ำพื้นที่สาธารณะก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
การตรวจสอบไม่ได้มีเพียง การรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ เท่านั้น แต่ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดภูเก็ต ขยายผลตรวจสอบไปถึงเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ด้วย
เดิมพื้นที่ดังกล่าวมีเอกสารสิทธิ์เป็นแบบ ส.ค.1 เนื้อที่ 98 ไร่ แต่ในช่วง หลายสิบปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนโฉนดเป็น น.ส.3 และน.ส.3 ก. ปรากฏว่ามีเนื้อที่ 106 ไร่ คำถามคือ มีที่ดินเพิ่มขึ้นมาได้อย่างไร
เรื่องการบุกรุกพื้นที่สาธารณะในจังหวัดภูเก็ต ไม่ได้มีแค่ที่หาดยามูที่เดียว ข้อมูที่ ป.ป.ช.ภูเก็ต ได้รับมาพบปัญหาอีกหลายจุด เช่น หาดแหลมหงา หาดแหลมกา หาดพาราไดซ์ หาดแหลมสิงห์ หาดนุ้ย หาดเลพัง
ด้าน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ระบุว่า ปัญหาเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ภูเก็ตเป็นเรื่องที่สะสมมาหลายสิบปีและยังมีอีกมาก ที่สำคัญคือการทำหน้าที่และศักยภาพของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ซึ่งจะเป็นคำตอบของการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะและออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบในจังหวัดภูเก็ต เป็นปัญหาระดับชาติที่เรื้อรังและซุกอยู่ใต้พรมมานาน ก็ได้แต่หวังว่า การจัดการปัญหาครั้งนี้จะจริงจัง ไม่เป็นแบบไฟไหม้ฟางเหมือนที่ผ่าน ๆ มา.
อิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านแล้ว! ล้างแค้นถูกโดรน-ขีปนาวุธถล่ม