เรียกได้ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ยืนอยู่บนเส้นด้ายอีกครั้ง เมื่อมีผู้มาร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย กำลังกระทำการอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ประเด็นนี้ทำให้เกิดการคาดการณ์กันอีกครั้งว่า จะทำให้พรรคเพื่อไทยถูกยุบหรือนายกฯ แพทองธารถูกเด้งจากตำแหน่งหรือไม่ และ 6 ประเด็นที่นำมาร้องนั้น ฟังขึ้นหรือไม่ หรือเป้าหมายจริง ๆ มีเพียงหนึ่งเดียว
ปลายทางของ “เพื่อไทย” สภาพเดียวกับ “ก้าวไกล”
เรามาดูกันก่อนว่า ทั้ง 6 ประเด็นที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร นำเอกสารทั้งคำร้องและพยานหลักฐาน 5,080 แผ่น เมายื่นศาลรัฐธรรมนูญนั้น โดยสรุปสั้น ๆ แล้วมีอะไรบ้าง
- ไม่ยอมรับโทษในเรือนจำแม้แต่วันเดียว (กรณีชั้น 14)
- สมคบ ฮุน เซน พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เอื้อประโยชน์กัมพูชา
- ร่วมกับพรรคก้าวไกลเสนอแก้รัฐธรรมนูญ
- เจรจาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
- ขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
- รัฐบาลนำสิ่งที่ทักษิณโชว์วิสัยทัศน์ไปทำเป็นนโยบาย
รวมข้อมูลพร้อมพิกัดบูธ “สัปดาห์งานหนังสือแห่งชาติ 2567” ครั้งที่ 29
ซึ่ง คุณสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เปิดเผยในรายการเข้มข่าวเย็น ช่วง Exclusive Talk ทางช่อง PPTV HD 36 วันที่ 10 ต.ค. 67 ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ เป็นสิ่งที่ตนเคยเตือนหลายครั้งแล้ว ว่าอย่าทำผิดกฎหมาย ไม่อย่างนั้นกระเทือนรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร
แต่เมื่อนายทักษิณไม่หยุด ประชาชนอย่างนายธีรยุทธ ซึ่งไม่ได้ค่างจ้างใด ๆ จึงต้องมาตรวจสอบเอง เพราะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ไม่ยอมทำงาน ทั้งฝั่งพรรคฝ่ายค้านในสภาเอง รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
คุณสามารถบอกว่า การลงมือของนายธีรยุทธครั้งนี้อาจยังไม่ส่งผลให้มีการยุบพรรคเพื่อไทยได้ ต้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาว่า ให้เลิกการกระทำนั้นเสีย ก็อาจเอาคำร้องไปยื่น กกต. ต่อ และจะนำไปสู่กระบวนการยุบพรรคเหมือนที่ก้าวไกลเจอ
“คำร้องนี้ยุบพรรคไม่ได้ เพราะคุณธีรยุทธไม่ใช่หน่วยงานรัฐ ไม่ใช่นายทะเบียนพรรคการเมือง แต่เป็นภาพเดียวกันกับตอนพรรคก้าวไกล” รองโฆษก พปชร. กล่าว
เขายังบอกว่า เป็นเรื่องน่าเสียกายแทนภาคประชาชน เพราะแทนที่จะเห็นกลไลรัฐตรวจสอบ เช่นการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ปรากฏว่านายธีรยุทธต้องมาทำเอง
ส่วนเรื่องที่ตอนแรก นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. จะแถลง แต่กลายเป็นนายธีรยุทธแทนนั้น คุณสามารถบอกว่า ไม่มีใครรู้ว่าเรื่อง นายไพบูลย์รู้คนเดียว โดยอาจจะได้คุยกับนายธีรยุทธ จึงรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่นายไพบูลย์ไม่ได้กระทำการใด ๆ ในนามพรรคเลยในเรื่องนี้
คำร้อง 6 ประเด็น หัวใจสำคัญมีแค่ประเด็นเดียว?
ด้าน คุณวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ บอกว่า รู้สึกเหมือนกำลังดูหนังม้วนเดิม ขณะที่ประชาชนกำลังเจอน้ำท่วม ปัญหาเศรษฐกิจ แต่กลับต้องมาเจอการร้องเรียนที่แม้จะดูมีหลายประเด็น แต่ใจความจริง ๆ มีแค่ข้อเดียว
โดยมองว่า การนัด 10 เดือน 10 ทำให้นึกว่าเป็นอีเวนต์ช้อปปิ้งลดแลกแจกแถม ถ้า 6 ข้อสำคัญที่ร้องมาเป็นเรื่องผลประโยชน์บ้านเมืองจริง ไม่ต้องนัดล่วงหน้ามาเฉลย มันกลายเป็นการตลาดทางการเมืองเกินไป แถลงเลย อาจมีคนช่วยร้องด้วยซ้ำ
“แกะกันทีละประเด็น หลายประเด็นเก่ามาก เรื่อง MOU กัมพูชา ตั้งแต่เกือบ 20 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ยุคเสื้อเหลือง ก่อนเขาพระวิหารอีก ... ใครติดตามการเมืองมานานจะรู้ เสื้อเหลืองสมัยหนึ่งใช้เรื่องนี้โจมตี แต่ต้องดูว่ามันเป็นความตกลงเบื้องต้น ถ้าจะเปลี่ยนเขตแดน เชื่อในกระทรวงการต่างประเทศของเราว่าคงไม่ปล่อยใครไปเซ็นอะไร มันต้องมีเงื่อนไขพิจารณา ผ่านสภา” คุณวีรพัฒน์บอก
นักกฎหมายอิสระกล่าวว่า “ส่วนเรื่องคุณทักษิณป่วยจริงไม่จริง เอาเวชระเบียน เอาแพทย์ เอาพยาน มาชี้แจง ถ้าคุณธีรยุทธมีเวชระเบียนว่าคุณทักษิณไม่ป่วย แพทย์บอกไม่ป่วย จัดการเลย เรื่องใหญ่ แต่เท่าที่เข้าใจ แพทย์ชี้แจงแล้ว ไม่น่าเป็นประเด็น และไม่มีหลักฐานไปยื่น ศาลจะย้อนเวลาไปดูเองได้หรืออย่างไร”
คุณวีรพัฒน์ย้ำว่า เรื่องชั้น 14 ไปร้องได้ แต่ไม่ใช่ร้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคเพื่อไทย และสว่นตัวมองว่าเป้าหมายการร้องมีแค่ข้อเดียวคือข้อ 5 ที่เกี่ยวกับพรรค พปชร. ไม่ได้ร่วมรัฐบาล
“ตลกมาก เหตุที่ต้องยุบเพราะบอกว่าคุณทักษิณบงการให้ พปชร. ไม่ได้ร่วมรัฐบาล อย่างนั้นถ้า พปชร. ยังได้ร่วมอยู่จะออกมาร้องหรือไม่ นี่คือเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองไม่ลงรอย ถ้ายังอยู่พรรคร่วมไม่ร้องหรอก เดี๋ยวมีปัญหา ประชาชนเขามองออกว่าข้อ 5 คือที่มาที่ไปทั้งหมด” นักกฎหมายอิสระกล่าว
เขาเสริมว่า ถ้าจะฟ้อง ทำไมไม่ฟ้องตั้งแต่ พปชร. ยังร่วมรัฐบาล เพราะเรื่อง MOU คุยกันมานามากแล้ว วิสัยทัศน์ก็ไม่ได้เพิ่งมาแสดง ถ้านายธีรยุทธอยากร้องก็ร้องได้นานแล้ว แต่มาร้องหลัง พปชร. หลุดพรรคร่วมทำให้มองว่าแปลก
คุณวีรพัมน์บอกว่า “ถ้า พล.อ.ประวิตร ยังมีคนอยู่ในรัฐบาล ยังมีคนคุมกระทรวง เป็นไปได้หรือที่จะมีคำร้อง แต่นี่มีกระบวนการที่เคยใช้มาแล้วเห็นผลกับพรรคก้าวไกล วิธีต่อสู้ปกติของนักการเมืองต้องใช้ฝีมือ นโยบาย ไอเดีย ผลงาน แต่เขาไม่มี ไม่รู้จะสู้ยังไง เลยต้องใช้นิติสงคราม”
คุณสามารถแย้งว่า เรื่องที่นายธีรยุทธร้องไม่ได้ร้องมั่วซั่ว เพราะ MOU กัมพูชา อันนี้หนัก เป็นาการเจรจาพื้นที่ที่อาจทำให้เสียเกาะกูด คนเจรจามีความผิด เพราะนี่เป็นอำนาจอธิปไตยของพระมหากษัตริย์ ต้องผ่านรัฐสภา นายทักษิณไปคุยเองถือว่าผิด
“เขากำลังพูดเรื่องเกาะกูด เสียไปเรื่องเล็กหรือ และคุณทักษิณไปคุย MOU ไม่ใช่ในนามคุณทักษิณ แต่ในนามนายกฯ” คุณสามารถกล่าว
ส่วนเรื่องชั้น 14 รองโฆษก พปชร. ย้ำว่า ควรถูกตรวจสอบ และมองว่าที่ต้องไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพราะระบบศาลยุติธรรมเป็นระบบกล่าวหา แต่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนหาพยานหลักฐานได้ ถ้าเราไม่มีก็หวังพึ่งพาศาลได้
คุรสามารถบอกว่า “อย่างเรื่องเวชระเบียน ส่งเรื่อง ป.ป.ช. แล้ว ถามหากล้องวงจร ก็ไม่ได้เสียที แต่ถ้าเรื่องนี้ถึงศาลรัฐธรรมนูญ สามารถเบิกพยานเบิกหลักฐานได้ กระบวนการจะได้สิ้น ทุกอย่างจะได้ถูกพิสูจน์”
หรือการที่นายทักษิณเรียกพรรคร่วมรัฐบาลประชุมบ้านจันทร์ส่องหล้าวันที่อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่ง ก็เป็นเรื่องที่มีน้ำหนักว่าเป็นการครอบงำพรรค ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อเนื่องไปยังข้อ 5 ที่คุณวีรพัฒ์บอกว่าเป็นเป้าหมายหลัก
“เลอะเทอะ ต้องดูสิว่าข้อ 4-5 มันต่อเนื่องกัน ข้อ 4 บอกว่าคุณทักษิณเรียกพรรคร่วมรัฐบาลไปบ้านจันทร์ส่องหล้า คุณทักษิณมีอำนาจอะไร ... ข้อ 5 เกิดเพราะคุณทักษิณบอกไม่เอาวงษ์สุวรรณ นายกฯ แพทองธารตอนแรกบอกเอาหมด ปรากฏผ่าครึ่ง จึงต้องไปสืบว่าครอบงำพรรคหรือไม่” คุณสามารถกล่าว
ขณะที่เรื่องเปิดบ้านหารือพรรคร่วมรัฐบาล คุณวีรพัฒน์ถามว่า จะให้เขาคุยที่บ้านไหนถึงจะพอใจ บ้านป่ารอต่อหรือ? มองว่านายกฯ แพทองธารเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โตมาในบ้านจันทร์ส่องหล้า นัดไปที่นั่นมีเหตุผล
คุณสามารถแย้งว่า ถ้าเจอที่บ้านจันทร์ส่องหล้าในเวลาปกติไม่ผิด แต่นี่เจอเพราะจัดตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องแปลก นายทักษิณไม่มีสถานะอำนาจใดจะมาเรียกพรรคร่วมรัฐบาลได้ ที่สำคัญ นายกฯ แพทองธารไม่ได้อยู่ในบ้านจันทร์ส่องหล้าในเวลานั้น การที่หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลไปนั้นเข้าไปหาใคร ในเมื่อหัวหน้าพรรคเจ้าของบ้านอยู่ต่างประเทศ
“เวลาทำอะไรต้องดูกฎหมาย ถ้าทำผิดแล้วห้ามตรวจสอบ เลอะเทอะ พรรคต้องปราศจากการครอบงำ ห้ามมีนายทุนพรรค” คุณสามารถกล่าว
ต้องร้องเพราะ “พรรคประชาชน” ไม่ทำหน้าที่?
รองโฆษก พปชร. บอกว่า วันนี้คำถามสำคัญคือ ประเด็นทั้ง 6 ข้อนี้นายทักษิณทำจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบ แต่กระบวนการผ่านสภาสังเกตเห็นว่า ผ่านมา 3 สมัยแล้วยังไม่มีเห็นมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ สภาบอด ไม่เห็นฝ่ายค้านทำอะไร แต่นายธีรยุทธไม่ใช่ สส. ด้วยซ้ำ เป็นชาวบ้าน ต้องมาเขียนหนังสือ 5 ร้อยแผ่น ปรินท์ 10 ชุด นับถือหัวใจมาก
คุณสามารถกล่าวว่า “มีอำนาจมืดทำให้กลไกบอด เชื่อว่าศาลเป็นที่พึ่งเดียว ... เรื่องเหล่านี้สภาต้องเป็นคนทำ ทำไมสมัย พล.อ.ประยุทธ์ 4 ปีฝ่ายค้านยื่นตั้ง 8 ครั้ง วันนี้ปีครึ่งยังไม่เห็นเลย ฝ่ายค้านต้องตรวจสอบสภา เพิ่งเห็นรัฐบาลนี้ไม่มีการตรวจสอบ ถ้าไม่พึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะให้พึ่งทหารหรือ”
คุณวีรพัฒน์แย้งว่า ถามว่าทำไมฝ่ายค้านไม่อภิปราย ก็ดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับพรรคฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลถูกยุบเพราะมีคนร้องเรียนจากกลไกที่ผิดธรรมชาติ ทั้งที่พรรคก้าวไกลทำงานแข็งขันมาก พร้อมจับผิด เมื่อกลายมาเป็นพรรคประชาชนก็กำลังอยู่ในช่วงตั้งหลักใหม่