ตัวแทนพรรคประชาชน ไม่หวั่นศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.ปราจีนบุรี

ยังคงเป็นประเด็นร้อนสำหรับความเคลื่อนไหวในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ปราจีนบุรี หลังจากเกิดเหตุยิง นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ “สจ.โต้ง”  ขณะที่ น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ภรรยา สจ.โต้ง ประกาศลงสมัครรับเลือกตั้ง นายกอบจ.ในนามพรรคเพื่อไทยนั้น

ล่าสุด พรรคประชาชน เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครชิงนายก อบจ.อีก 6 จังหวัด โดยหนึ่งในนั้นคือ ปราจีนบุรี โดยมีชื่อ นายจำรูญ สวยดี เป็นว่าที่ผู้สมัครในนามพรรคประชาชน

FB / พรรคประชาชน

เตือน “โนโรไวรัส”ระบาดหลังพบปนเปื้อนน้ำในงานกีฬาสีโรงเรียนป่วยรวม 1,436 ราย

“เบี้ยผู้สูงอายุ 2568” เช็กวันโอนเข้าบัญชี และอัตราการจ่ายเบี้ยตามเกณฑ์อายุ

กองทัพ "หมูเด้ง" บุก! ลูกเล่นใหม่สุดน่ารักจาก Google

โดย นายจำรูญ กล่าวถึงศึกชิงเก้าอี้นายก อบจ.ปราจีนบุรี หลัง สจ.จอย ประกาศจะลงชิงชัยด้วยนั้นว่า ไม่ได้กังวลอะไรและมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องช่วงชิงกันด้วยผลงาน ทั้งนี้ตนเองเป็นคนจังหวัดปราจีนบุรี เติบโตและมีที่ทำมาหากิน ก็เพราะแผ่นดินปราจีนบุรี และในการเลือกตั้งครั้งนี้เตรียมตัวนาน 1 ปีกว่า โดยนโยบาลหลักที่อยากนำมาพัฒนาพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี เป็นเรื่องของการขาดแคลนน้ำในภาคเกษตรกร โดยเฉพาะผลไม้ที่เป็นแหล่งรายได้ให้กับชาวปราจีนบุรี และแก้ไขปัญหาความแออัดในโรงพยาบาล

ส่วนปัญหาของการใช้อำนาจของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นั้น นายจำรูญ มองว่าเป็นปัญหาที่มีอยู่ทุกจังหวัด ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องใส่ใจ และแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง แต่ในส่วนของตนเองในนามว่าที่ผู้สมัครตัวแทนจากพรรคประชาชน มีความตั้งใจอยากให้พี่น้องชาวปราจีนบุรี มั่นใจเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น และบอกว่าที่ผ่านมาแม้พรรคประชาชน ไม่ได้อยู่ในกลุ่มบ้านใหญ่ในจังหวัดปราจีนบุรี แต่ผลการเลือกตั้งล่าสุดเมื่อปี 2566 กลับได้รับความไว้วางใจจากชาวปราจีนบุรีถึง 93,975 คะแนน จนทำให้เป็นพรรคที่มี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อมาเป็นอันดับ 1 ดังนั้นไม่ได้มีความจำเป็นว่าต้องกลัวผู้สมัครคนอื่น

เมื่อถามถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ประกาศว่าพร้อมจะสนับสนุน สจ.จอย ในการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น นายจำรูญ มองว่าเป็นเรื่องปกติ และทุกคนมีสิทธิที่จะสนับสนุนใครก็ได้

เมื่อถามว่า มีอาวุธอะไรจะไปสู้กับฝ่าย สจ.จอย บ้าง นายจำรูญ บอกว่า การเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแล้ว สังคมต้องการสิ่งใหม่ๆมากขึ้น การใช้พวกพ้องทำเพื่อผลประโยชน์ตนควรต้องหมดไป และควรสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ เพื่อประโยชน์ของประชาชน