24 ก.พ. 68 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม เปิดเผยในรายการเปิดโต๊ะข่าว PPTV HD36 ถึงประเด็นการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมขออภัยกับเหตุสลายการชุมนุมตากใบ และตั้งเป้าแก้ปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สิ้นสุดภายในปี 2569
นายกัณวีร์ ระบุว่า คำขออภัยของนายทักษิณครั้งนี้ในนามที่ปรึกษาประธานอาเซียนไม่ใช่ครั้งแรก
นายกัณวีร์ กล่าวต่อว่า การขออภัยไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากการทำงานมีผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา แต่ปัญหาเรื่องนี้ที่ขออภัยแล้วบอกว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จริง ๆ ไม่ใช่ ถือเป็นเรื่องใหญ่
20 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้นายทักษิณไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ช่วงสุดท้ายนี้เป็นช่วงที่พรรคเพื่อไทยมีอำนาจ ดังนั้น การที่คดีตากใบจะหมดอายุความ 20 ปีไปช่วงนั้น ระยะเวลาไม่กี่เดือนที่เข้ามา จริง ๆ แล้ว ปีครึ่งนั้นมันเงียบไปมากในช่วงที่ตากใบเกิดปัญหาขึ้น โดยเฉพาะที่ทางศาลรับฟ้องก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังมีการหัวเราะของทางพรรคเพื่อไทย เช่น นายภูมิธรรม ที่บอกว่า ขนาดจะเรียกคนเข้ามาประชุมยังไม่รู้จะเรียกอย่างไรเลย
ฉะนั้น การเดินทางลงใต้ของนายทักษิณในครั้งนี้ ทั้งในเรื่องทำไมถึงพยายามในการใช้เวลา 1 ปีนี้แก้ไขปัญหาให้ได้ เพราะเป็นนัยที่จะบอกว่าอาเซียนจะเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาการสร้างสันติภาพในพื้นที่ เพราะกรอบตรงกับระยะเวลาของประธานอาเซียน คือ อันวาร์ อิบราฮิม จึงพยายามใช้กรอบของอาเซียนเข้ามาแก้ไขปัญหา
แต่อาเซียนมีปัญหาเรื่องหลักการสำคัญ คือ หลักการ Non Interference หรือ การไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่ว่าจะเป็นการเมืองการปกครองแบบไหน คุณจะมาใช้อาเซียนในการแก้ไขปัญหาได้อย่างไร อาเซียนไม่ใช่กลไกเครื่องจักรสำคัญในการสร้างสันติภาพจริง ๆ โดยทางปฏิบัติ แต่คือกรอบความร่วมมือในระดับภูมิภาค ซึ่งการที่นายทักษิณพยายามจะใช้กรอบอาเซียนแก้ไขปัญหา ตนคิดว่าผิดจุด และไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ๆ
นายกัณวีร์กล่าวต่อว่า ประเทศมาเลเซียมีอิทธิพลสูง นายทักษิณมาถูกทางแล้ว แค่ผิดจุด การดึงอดีตรองประธานาธิบดีมาเลเซียมาเกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการรวบรวมไม่ใช่แค่มาเลเซียอย่างเดียว แต่เริ่มกระจายไป ขณะเดียวกัน ปัญหาของนายทักษิณที่ตกหล่มอยู่กับ อันวาร์ คือ ใช้ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลในการแก้ไขปัญหา
การนำอดีตรองประธาณาธิบดีมาเลเซียมาเกี่ยวนั้นดีแต่คุณต้องใช้กลไกอย่าพึ่งตัวบุคคล เพราะหากคนนั้นเป็นอะไรไป กลไกจะเดินไม่ได้ ตนจึงพยายามมุ่งเน้นว่าเราสร้างโครงสร้างขึ้นมาในการแก้ไขการรักษาสันติภาพให้ได้อย่างแท้จริง
เมื่อ 23 ก.พ. 68 นายทักษิณลงพื้นที่ไปบอกว่า รากเหง้าปัญหาคือเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ใน 3 จังหวัด รวมถึงยาเสพติด ที่ต้องแก้ไข ปราบปราม ซึ่งพูดแบบเดียวกันกับ 20 ปีที่ผ่านมา ทำไมไม่พูดเรื่องความร่วมมือของพี่น้องประชาชนในการสร้างสันติภาพ และการลิดรอนสิทธิมนุษยชนที่ถูกกดทับ ตนจึงถอดรหัสได้ว่า ยังเหมือนเดิมกับ 20 ปีที่แล้ว เป็นอย่างไรปีนี้ก็เป็นอย่างนั้น ถ้าผู้นำการสร้างสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ นายทักษิณ ชินวัตร
นอกจากนี้ การพูดคุยกันของนายทักษิณและอันวาร์ หากทำได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ นายกัณวีร์ตอบว่า เราไม่เคยที่จะไม่พูดคุยไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ตาม ความสัมพันธ์ทวิภาคีของเราอยู่ในระดับที่ดีกับมาเลเซียเสมอมา ฉะนั้น เราต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้เพราะเรื่องเกิดขึ้นในประเทศเรา เราต้องดึงการมีส่วนร่วมของประชาชนขึ้นมา เอาสิ่งใหม่ ๆ ว่าประชาชนจะมานำเรื่องการสร้างสันติภาพอย่างไร จะได้รับการยอมรับจากพี่น้องประชาชน ซึ่งที่นายทักษิณลงพื้นที่ไปจนถึงวันนี้ ยังไม่มีตัวชี้วัดไหนในเชิงบวกเลยว่ามีอะไรที่ดีเกิดขึ้นกับประชาชน
ส่วนประเด็นการขออภัยของนายทักษิณ พอจะแตะหัวใจคนในพื้นที่ได้ไหม นายกัณวีร์กล่าวว่า พี่น้องประชาชนเขามองอยู่ โดยเฉพาะเรื่องตากใบ ฉะนั้น การขออภัยเป็นคำพูดของคนที่เชื่อถือได้ไหมในสายตาประชาชน ตนก็ไม่แน่ใจ ครอบครัวของคนที่สูญเสียก็ยังไม่ได้รับการเยียวยา ถือเป็นบาดแผลให้กับคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นส่วนใหญ่ อนุสาวรีย์นกเลือดก็ยังคงไม่มีการล้างเลือดออกจากตรงนั้น จนถึงวันนี้ ประชาชนยังถูกกีดกันให้อยู่รอบนอกของการสร้างสันติภาพในพื้นที่
ทั้งนี้ นายกัณวีร์ทิ้งท้ายว่า หากยังเป็นแบบนี้ เชื่อมั่นว่าไม่จบและอาจไม่เกิดด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการพูดคุย ซึ่งตนดูแล้วน่าจะเป็น พล.ต.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่จะเป็นผู้นำฝ่ายเจรจาพูดคุยของฝ่ายไทย
ส่วนเหตุการณ์ระเบิดในวันที่นายทักษิณลงพื้นที่ นายกัณวีร์มองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่าคนยังขาดความเชื่อมั่นในตัวนายทักษิณที่จะลงไปแก้ปัญหาและไม่เกินคาดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ตนก็ไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น ต้องดูต่อไปว่ารัฐบาลชุดนี้ที่นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ไม่ใช่ ทักษิณ ชินวัตร จะมีแนวทางและนโยบายแก้ไขปัญหาเรื่องการสร้างสันติภาพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไรต่อไป