23 ก.พ. 68 เวลา 13.00 น. ณ โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีเหตุการณ์ตากใบที่ยังมีความรู้สึกคาใจของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งคดีสิ้นสุดลงหมดอายุความ 20 ปี โดยไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมายได้ว่า
“เรื่องตากใบ ตอนผมเป็นนายกฯ ผมมีความตั้งใจห่วงใยพี่น้อง 100% แต่การทำงานมีความผิดพลาดได้บ้าง ถ้าผมมีอะไรผิดพลาด ที่ไม่เป็นที่พอใจ ก็ขออภัยด้วย เพื่อเราจะได้หันกลับมาช่วยกันแก้ปัญหาด้วยกัน”
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า “พี่น้องมุสลิมมีสิ่งที่สำคัญมาก ถูกสอนมาว่า ความเข้าใจ เกรงใจ รักสันติสุข การให้อภัย เพราะฉะนั้นเมื่อเราขออภัยในสิ่งที่ผมอาจจะทำสิ่งที่ไม่ถูกใจหรือผิดพลาดบ้าง ผมต้องขออภัยด้วย”
นอกจากนี้ นายทักษิณ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียนครั้งนี้ว่า มีความตั้งใจที่อยากเห็นสันติสุขเกิดขึ้น ซึ่งจากบทบาทที่ปรึกษาประธานอาเซียน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ตนอยากเห็นความร่วมมือในพื้นที่และความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านเป็นหัวใจสำคัญ ในการคืนสันติสุขให้กับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้
ซึ่งในพื้นที่ต้องมีการพูดคุยกันให้เข้าใจ ตนได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้นำประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย ก็ได้มีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง ทุกคนอยากเห็นประเทศไทยและอยากเห็นอาเซียนเป็นที่มีความสงบสุข ทุกคนร่วมมือกันหมด ตนมีความรู้สึกว่าเป็นการร่วมมือที่ไม่เคยได้รับมาก่อนเหมือนครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าเราน่าจะแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ดีกว่าจากความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เมื่อถามว่าเรื่องที่จะนำไปหารือกับในประเทศอาเซียนนั้นมีเรื่องใดบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า ส่วนใหญ่คือเรื่องของบุคคล 2 สัญชาติ ซึ่งไม่ผิดอะไรเป็นการข้ามไปข้ามมา เพื่อทำมาหากิน และไปเยี่ยมเยียนกัน แต่การข้ามไปข้ามมาในเชิงของการก่อการร้ายในประเทศแล้วไปหลบซ่อนนั้นเราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
เมื่อถามถึงเรื่องของการนิรโทษกรรม นายทักษิณ กล่าวว่า เราต้องคุยกันก่อน หากเราคุยกันจบแล้วทุกสิ่งทุกอย่างสามารถปรับได้หมดว่าเราจะทำอย่างไรถึงจะให้คนที่มีความผิดไปแล้วและสำนึกผิดได้กลับมาประเทศไทยอย่างเดิม แต่ก็ต้องมีการพูดคุยกันอยู่อีกหลายขั้นตอนอยู่
เมื่อถามต่อว่ามองอย่างไรกับการที่รัฐบาลมีการทบทวนที่จะใช้นโยบาย 66/2523 นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นแนวที่เคยใช้สมัยก่อนก็ได้ผลดี แต่วันนี้อาจจะมีการพูดคุยกันในหลาย ๆ ฝ่ายแล้วก็ปรับให้เป็นไปได้ทุกอย่างเป็นไปได้
เมื่อถามอีกว่าหลังจากไม่ได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มานานมีเป้าหมายอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า 20 กว่าปีก็อยากจะกลับมาเห็นว่าความรู้สึกของคนที่นี่เป็นอย่างไร ทัศนคติที่จะเห็นความปรองดองสันติสุขเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร วันนี้เท่าที่ดูแล้วฟูขึ้นเยอะ ยิ่งตนไปประสานงานกับต่างประเทศด้วยมั่นใจว่ามันเป็นสิ่งที่หาข้อยุติได้ และรู้สึกดีใจเหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
เมื่อถามว่า พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มองว่านายทักษิณเป็นแสงสว่างสุดท้าย และต้องรออีกนานแค่ไหน นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่ต้องรอภายในปีนี้จะเห็นสัญลักษณ์ที่ดีขึ้นเยอะและปีหน้าน่าจะจบ
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า การเดินทางมาครั้งนี้ตนมาใน 3 บทบาท ทั้งเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้สนับสนุนรัฐบาลเพื่อไทยที่มีลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี ตนมีความรู้สึกว่ายังทำงานไม่จบ อยากจะเห็นสันติสุขใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยากจะเห็นตรงนี้ให้จบ โดยการเอาประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสมัยก่อนที่เคยทำไปมาแชร์กันว่าเราควรปรับอย่างไร เพราะวันนี้ทัศนคติของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เบาลงเยอะ เข้าใจขึ้นเยอะ
เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะเห็นความชัดเจนในการตั้งคณะพูดคุยหรือการเดินหน้าต่อในการดำเนินการคืนสันติสุขให้กับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ภายในปีนี้ทุกอย่างคงเห็นได้ชัดขึ้นเพราะอดีตรองประธานาธิบดีของประเทศอินโดนีเซีย นายยูซูฟ คัลลา ก็อาสามาช่วย และมีคนอาสาเข้ามาช่วยจากหลาย ๆ ที่ด้วย
เมื่อถามต่อว่าส่วนตัวจะมีการเข้าพูดคุยด้วยตนเองหรือไม่นั้น นายทักษิณ กล่าวว่า แน่นอน ตนจะพยายามอยู่ห่าง ๆ และให้คำแนะนำ แต่ว่าเจ้าหน้าที่เขาก็ต้องทำงานของเขาโดยตรง
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าตัวเองจะเข้าไปอยู่ในคณะการพูดคุย นายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่ครับ ผมแก่แล้ว” ส่วนจะมีการถอนกำลังทหารออกหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เราอย่าเพิ่งพูดไปไกล หลังจากวันนี้ที่มีการพูดคุยกันอะไรที่จำเป็นก็อยู่ต่อไป อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ควรอยู่