จากผลการเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ไปเพียง 4,000 กว่าคะแนน ล่าสุดนายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็น 1 ในคนที่ลงพื้นที่ไปช่วยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ เปิดใจกับพีพีทีวีว่า ส่วนตัวก็ชื่นชมนายชินวรณ์ ที่ตัดสินใจลงสมัคร แม้จะรู้ว่าเสี่ยง และโอกาสน้อย คนไปช่วยหาเสียงก็ไม่มีใครอยากลงพื้นที่ แต่นายชินวรณ์ก็สู้ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า เขต 8 ถือว่า ไม่ใช่พื้นที่ดั้งเดิมของนายชินวรณ์ แต่เป็นพื้นที่ของลูกสาว และมีเรื่องของการยิงกระสุนในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง
โดยนายชวน เล่าย้อนไปถึงการลงพื้นที่ช่วยนายชินวรณ์ หาเสียง และปราศัยตลอดทั้ง 5 วัน โดยเฉพาะวันที่ 24 เมษายน ที่เห็นภาพประชาชนออกมาฟังปราศัยจำนวนมาก แต่พอวันที่ 25 เมษายน เมื่อเดินทางกลับมาที่กรุงเทพ ปรากฎว่า ได้รับไลน์จากคนในพื้นที่ว่า มีการจ่ายเงินแล้วในพื้นที่อำเภอช้างกลาง
ส่วนผลการเลือกตั้งในครั้งนี้จะสะท้อนภาพการเมืองภาพใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ นายชวน บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์เสียงนั้นลดลงตั้งแต่การเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงหลัง 2 สมัยที่ผ่านมา คะแนนนิยมก็เริ่มลดตามลำดับ แต่ถ้าหากจะให้ตัวเองนั้นพยาการณ์ถึงการเลือกตั้งสมัยหน้า ก็คงไม่สามารถพยากรณ์ได้ เพราะไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคแล้ว ตอนนี้เป็นเหมือนแรงงานคนหนึ่ง ที่ช่วยตามกำลังความสามารถ แต่ถ้าหากต้องช่วยด้วยวิธีการซื้อเสียง ก็คงไม่เอา
นายชวน ยังระบุว่า ก่อนหน้านี้นายชินวรณ์ ได้ขอให้ลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงที่นครศรีธรรมราช จึงได้ถามกลับว่า ให้ไปช่วยนั้นไปช่วยแบบใด พอนายชินวรณ์ บอกว่า เป็นการหาเสียงแบบที่ท่านชวน คือการปราศัย และไม่มีการซื้อเสียง ก็เลยยินดีที่จะไปช่วยเดินหาเสียงด้วย ซึ่งตัวเองก็คิดว่า คงจะได้คะแนนเยอะกว่านี้ แต่เมื่อได้รับข้อมูลว่า มีการยิงกระสุนแล้ว ก็เชื่อว่า ทั้ง 2 พรรคคงยิงกันแหลก
เมื่อถามว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า นายหัวชวนสิ้นมนต์ขลังแล้วหรือไม่ นายชวน ตอบว่า ตอนนี้ตัวเองไม่ได้เป็นหัวหน้า คนภาคใต้บางส่วนก็ยอมรับว่า เมื่อไม่ได้มีตัวเองเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว ก็ไม่มีความผูกพัน และต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์อีก ซึ่งเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป หัวหน้าพรรคเปลี่ยนมาแล้ว 4-5 คน ความผูกพันก็น้อยลงไป ที่ผ่านมาคนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ก็เพราะมีความหวังว่า ตัวเองจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาให้ แต่จนถึงขณะนี้ แม้จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมื่อ “นายชวน” ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ส่วนที่มีคนบางกลุ่มที่บอกว่า เดี๋ยวนี้คนฉลาดขึ้น จะใช้เงินอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องมีนโยบายด้วย // นายชวน ระบุว่า ก็แล้วแต่คนจะคิด แต่ยืนยันว่า คนสมัยก่อนก็ไม่ได้โง่ และที่ผ่านมาพรรคการเมืองใช้เงินน้อยมาก และมีช่วงหลังที่เยอะมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็เหมือนกับเป็นความชอบธรรมว่า หากมีการซื้อเสียง แล้วจับไม่ได้ ก็ถือว่า ไม่ผิด ประกอบกับกกต.ก็ไม่สามารถดำเนินการให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมได้ ทำได้อย่างเดียวคือ ทำให้การเลือกตั้งจบ
พร้อมย้ำว่า หากการเมือง ได้สส.มาโดยสุจริต ก็จะได้รัฐบาลที่สุจริต แต่ถ้าหากได้เสียงข้างมากมาจากระบบที่โกง ก็จะได้รัฐบาลโกงเข้ามาหาผลประโยชน์ ซึ่งทุกครั้งที่มีการลงทุนในการเลือกตั้งนั้น คงไม่เอาคืนจากเงินเดือนสส.เดือนละ 100,000 บาท แต่พรรคการเมืองใช้จุดนี้ต่างหากในการเข้าไปหาผลประโยชน์