4 พ.ค. 68 ที่สถานีขนส่งจังหวัดขอนแก่นแห่งเก่า จ.ขอนแก่น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ลงพื้นที่ปราศรัยช่วย เบญจมาภรณ์ ศรีละบุตร ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น
พิธา กล่าวว่า คิดฮอดหลาย ๆ ตื่นเต้นเหลือเกินที่ได้มาเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องชาวขอนแก่น วันนี้มาแบบรวดเดียวจบ 4 เหตุผล ว่าทำไมพี่น้องชาวขอนแก่นต้องเลือกผู้สมัครจากพรรคประชาชน
ได้แก่ เหตุผลแรก เป็นเพราะตัวผู้สมัครที่เป็นวิศวกร เป็นนายก อดีต สจ. อย่างนู้นอย่างนี้กันมานาน ถึงเวลาที่คนขอนแก่นจะได้บอกว่านายกเป็นวิศวกร ไม่ธรรมดา
พิธา กล่าวว่า พอได้คุยกับผู้สมัคร ทำให้รู้เลยว่าดีเอ็นเอเป็นคนทำงาน ลงพื้นที่ตลอด 2 ปี เพราะฉะนั้น ขยันถึกทนแน่นอน พิธาฟันธง ย้ำว่ามีข้อดีที่เทศบาลนครขอนแก่นจะได้นายกที่มีความรู้ด้านวิศวกรรม เพราะงบประมาณที่เทศบาลได้มากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ข้าราชการเอามาหลอกให้เซ็นง่าย ๆ ไม่ได้ เพราะอ่านแบบเป็น ถือเป็นข้อดีที่เรามีผู้นำเป็นวิศวกร
นายพิธากล่าวต่อว่า เหตุผลข้อสอง ประทับใจนโยบายที่ชัดเจน อยากบอกว่าปัญหาของคนขอนแก่นสามารถแก้ด้วยคนขอนแก่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซ่อมถนน บริหารขยะ บำบัดน้ำ การสร้างมันสมองของคนให้เข้ามา เรื่องพวกนี้สามารถทำได้แน่นอน
พิธาระบุว่า เหตุผลที่สาม เป็นเหตุผลที่พรรคอื่นไม่มี คือถ้าเลือกพรรคประชาชนจะได้ ส.ส. อีก 3 คน มาช่วยทำงานด้วย คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เพราะทำงานกันอย่างไร้รอยต่อ ระหว่างนายกเทศบาลกับ ส.ส.
โดยพิธา กล่าวต่อว่า ปัญหาของประเทศไทยตอนนี้มี 2 แบบ แบบที่อยู่บนโต๊ะและใต้โต๊ะ ปัญหาที่อยู่บนโต๊ะตอนนี้ทั่วโลกตีกันหมด เราต้องไปเจรจากับเขาบนโต๊ะเจรจาว่าเศรษฐกิจของเราจะเป็นอย่างไร อ้าว กลายเป็นว่าเศรษฐกิจของเราตอนนี้โตช้ากว่าลาว เวียดนาม พม่าแล้วนะ ไม่รู้ว่าเขาแบนผมไป 10 ปี กลับมาประเทศไทยจะอยู่อันดับเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นคุณต้องการรัฐบาลที่แก้ไขปัญหาบนโต๊ะเจรจา และแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันใต้โต๊ะ
ดูตึกถล่มที่ กทม. คนญี่ปุ่นบอกว่าแผ่นดินไหวไม่ตกใจ ตกใจที่คอร์รัปชันของบ้านเรานี่แหละ มันแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยจะไปต่อไม่ได้แล้ว ถ้าประชาชนไม่ออกมาร่วมมือ
ส่วนเหตุผลสุดท้าย พิธากล่าวว่า หากเลือกพรรคประชาชนจะได้พรรคอันดับหนึ่งของประเทศไทยในตอนนี้ แม้จะถูกตัดสิทธิ พรรคประชาชนก็ยังมี ส.ส. เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยอยู่ดี จะได้คนเก่ง ๆ จากทั่วประเทศไทยมาจัดการ เชื่อว่าคนขอนแก่นมีศักดิ์ศรี ซื้อไม่ได้ แล้วกลับมาฉลองกัน ตนเดินทางหาความรู้ทั่วประเทศ อีก 9 ปี กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดของประเทศไทย
อีกจังหวัดหนึ่งที่ พิธา ไปช่วยผู้สมัครนายกเทศมนตรีคือ ที่ จ.อุดรธานี ที่ลานกิจกรรมหลังพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี ริมหนองประจักษ์ศิลปาคม เทศบาลนครอุดรธานี ได้มีการจัดเวทีปราศรัยหาเสียงของ คณิศร ขุริรัง ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี หมายเลข 3 ในนามพรรคประชาชน โดยมีผู้บริหาร และ สส.พรรคประชาชน เดินทางมาร่วมปราศรัยบนเวที สร้างสีสันให้กับแฟนคลับที่มารอรับฟังการปราศรัยประมาณ 500 คน
ซึ่งสีสันของเวทีเริ่มเกิดขึ้นขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เริ่มขึ้นเวที มีแฟนคลับตามให้กำลังใจและมอบดอกดาวเรืองให้บนเวที
ต่อจากนั้นเวลา 18.30 น. พิธาในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ได้ขึ้นเวทีปราศรัยข้างกับนายคณิศร สร้างเสียงฮืฮาให้กับแฟนคลับระหว่างปราศรัย มีประชาชนที่มาวิ่งออกกำลังกายหยุดถ่ายรูปบนเวทีเป็นระยะ โดยใช้เวลาปราศรัยประมาณ 20 นาที ก่อนเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินนานาชาติอุดรธานีกลับ กทม.
ต่อมา พิธา ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวทีว่า การปราศรัยอยู่ที่ จ.ขอนแก่น แค่อยากจะบอกว่าจะกลับไปพัฒนาตัวเองให้เยอะ เพื่ออีก 9 ปี จะได้มีความรู้มากกว่าเดิม ทันโลกมากว่าเดิม เพราะปีนี้อายุก็ 45 ปีแล้ว กลับมาอีกทีก็ปาเข้าไป 55 ปีแล้ว โลกก็คงเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร และเดินทางไปหาความรู้ในหลาย ๆ ที่ แต่ก็จะประจำอยู่ที่บอสตัน เหมือนเดิม เหมือนปีที่แล้ว ก็ยังจะเซ็นสัญญาขยายเพิ่มอีก 1 ปี
อย่างตอนนี้มีสงครามการค้า ตนก็อยู่กับคนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็จะนำกลับมาให้เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนคนไทยเพิ่มขึ้น ให้คนไทยได้มีความรู้ ความเก่งอยู่เสมอ
พิธา ให้สัมภาษณ์อีกว่า ที่สำคัญคือจุดเเข็งของเขา คือความคิดความอ่าน และวิสัยทัศน์ของเขา สั้น ๆ เลยก็คือ ต้องการให้เมืองอุดรธานี เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุก ๆ คน รวมถึงแรงงานที่จากไปทำงานอยู่ต่างประเทศจำนวนมาก เช่น เกาหลีใต้ อิสราเอล และไต้หวัน
ได้กลับมาทำงานที่บ้านเกิด ตนมาอุดรธานีทีไร ก็จะนึกถึงเพลงซาอุดร ของวงคาราบาว เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ซาอุดรจนถึงผีน้อย ก็คงยังเป็นเรื่องแบบนั้นอยู่ ก็หวังว่านายกเล็กคนใหม่ ให้เมืองอุดร 46 ตร.กม. เป็นเมืองที่น่าอยู่ทุกด้านสำหรับทุกคน