เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 21 ส.ส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมกันเข้าชื่อทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง “ข้อเสนอการปรับคณะรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ” โดยเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า “รัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังขาดความรู้ความสามารถในการบริหารงาน รวมถึงการผลักดันนโยบายและการสร้างผลงานของรัฐมนตรี ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับประเด็นด้านจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติโดยเฉพาะในกรณีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งปรากฏเป็นข่าวในหลายกรณี อันอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลโดยรวม
กรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายการกระทำอันขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 186 และ 184 ซึ่งว่าด้วยการใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติงานของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรอิสระที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ตลอดจนประเด็นที่อาจเข้าข่ายการกระทำอันขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 ซึ่งว่าด้วยการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อันอาจส่งผลต่อสถานภาพและคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงเห็นว่า คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความสุจริตอันเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งถือเป็นหลักคุณธรรมพื้นฐาน และเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งของการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ด้วยกลไกภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติในปัจจุบันที่ไม่สามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในการสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ที่เหมาะสม มาช่วยขับเคลื่อนในการแก้ปัญหาให้กับรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำได้
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติตามรายชื่อแนบท้ายจึงได้หารือร่วมกัน โดยยึดหลักความห่วงใยต่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ จึงใคร่ขอเสนอให้ท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณาปรับเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติในทุกตำแหน่ง เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีเอกภาพ มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในภาวะวิกฤตเช่นปัจจุบันได้อย่างแท้จริง”