นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงนโยบายของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่สร้างความเสียหายต่อประชาชนจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องนี้ และยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่เพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 341/2568
เรื่องแต่งตั้ง “คณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการการทำงานของทุกหน่วยงาน ทั้งตำรวจ หน่วยข่าวความมั่นคง กระทรวงดิจิทัลฯ กระทรวงยุติธรรม และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานด้วยตนเอง เพื่อแสดงถึงความจริงจังของรัฐบาล ในการจัดการอาชญากรรมออนไลน์อย่างเด็ดขาด
“นี่คือการส่งสัญญาณชัดเจนว่ารัฐบาลไม่เพิกเฉย ปัญหานี้กระทบต่อประชาชนโดยตรง และกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ นายกรัฐมนตรีจึงเลือกที่จะรับผิดชอบโดยตรง ไม่ปล่อยให้เป็นเพียงหน้าที่ของหน่วยใดหน่วยหนึ่ง แต่ให้ทุกภาคส่วนมาทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ” นายสิริพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกจิรภพ ภูริเดช และผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ พลตำรวจโทเขมชาติ ชูศรี เป็นกรรมการร่วม ขณะที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและกระบวนการยุติธรรมจะได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากหน่วยงานภาครัฐทุกด้าน เพื่อเร่งติดตาม ตรวจสอบ และดำเนินคดีต่อเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ทั้งในและนอกประเทศ
นายสิริพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า การปิดด่าน อย่างไม่มีกำหนด สามารถสร้างความบอบช้ำ ทางเศรษฐกิจ ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมาตรการนี้ได้ผล โดยเราจะดำเนินการปิดด่านไปจนกว่าทางกัมพูชา จะยอมรับเงื่อนไข 4 ข้อของไทย ที่รวมถึงการปราบขบวนการสแกมเมอร์ด้วย จะเห็นว่า เรานำปัญหานี้ เข้าไปอยู่ในทุกวงเจรจา ล่าสุด ที่การหารือกันที่ สปป. ลาว เราก็ได้นำเรื่องนี้ขึ้นไปประชุมด้วย ย้ำว่า หลังจากตั้งคณะกรรมการดังกล่าว รัฐบาลจะเร่งขับเคลื่อนมาตรการปราบปรามในทุกมิติ ทั้งด้านกฎหมาย เทคโนโลยี และความร่วมมือระหว่างประเทศ
“นายกรัฐมนตรีไม่ได้เพียงสั่งการ แต่ลงมือทำจริง และติดตามเองทุกระยะ จะมีการประชุมนัดแรก 20 ตุลาคม 2568 นี้ ขอย้ำว่า นี่คือเรื่องของความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และศักดิ์ศรีของคนไทยทุกคน” นายสิริพงศ์ กล่าว