นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่แพร่ในโลกออนไลน์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยรายชื่อนักการเมืองไทย 7 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา ว่า เรื่องดังกล่าวมาจากเพจออนไลน์ และขณะนี้ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งหากมีรายชื่อหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการ กระทำผิดจริง ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้น
พร้อมเปิดเผยว่า ในการหารือกับ อี แจ-มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นนี้เลย
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล เกาหลีใต้ ติดตามข้อมูลจากทางการเกาหลีใต้โดยตรง ก่อนที่ตนจะเดินทางเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่ประเทศเกาหลีใต้ในอีกสองสัปดาห์
ขณะที่ความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ หลังรัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงาน ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่ามีการจับกุมผู้ต้องสงสัยแล้ว 37 ราย และวันที่ 20 ตุลาคมนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568 โดยจะมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งเป็นการต่อ ยอดจากที่เขาได้ทำไว้อยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การแก้ปัญหาสแกมเมอร์จะต้องเป็น “วาระระดับภูมิภาค” พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยจะให้ความร่วมมือกับทุกประเทศในการปราบปรามอย่างจริงจัง
ส่วนมาตรการเดิม เช่น การตัดไฟฟ้าและสัญญาณอินเทอร์เน็ตบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา นายอนุทินระบุว่า ดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนกรณีบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคาร Sino-Thai Tower นายกรัฐมนตรีกล่าวสั้น ๆ ว่า “เขาตอบแล้ว อย่าถามนำ” ก่อนเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที