วันที่ "ไมค์ พิรัชต์" ไปถึง 'ฮอลลีวูด'
เผยแพร่
ปรับปรุงล่าสุด
ทุกคนย่อมมีความฝัน แต่หลายคนอาจจะคิดว่ามันไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง แต่สำหรับ “ไมค์ – พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” เขาวาดฝันด้วยใจ..และไปให้ถึงด้วยความพยายาม

ย้อนกลับไปสิบปว่าปี เด็กชายพิรัชต์ เคยบอกกับตัวเองว่าอยากไป “ฮอลลีวูด” ใครๆต่างพากันยิ้มและหัวเราะว่าจะไปได้เหรอ แต่ ณ วันนี้ เขาได้เล่นหนังฮอลลีวูดเรื่องแรกสมความตั้งใจ
“เพียร์ซ บรอสแนน” พระเอก “เจมส์ บอนด์ 007” นักแสดงระดับโลกส่งพลังบวกให้ตั้งแต่ร่วมงานกันครั้งแรก เจอกันครั้งแรกบอกเลยว่าเขาเป็นคนที่มี พลังบวกสูง คือพอเราได้เข้าไปทักทายเขาครั้งแรก เขามองตาเรา เขาบอกว่ายินดีที่ได้ร่วมงาน โปรเจคนี้มันต้องดี แบบสู้ๆ ทุกวันเขาก็จะเป็นแบบนี้ เป็นพลังบวกให้กับนักแสดงคนอื่นๆทุกๆคน ซึ่งมันก็ทำให้เราเห็นเขาเป็นตัวอย่างว่า โห...นี่คือนักแสดงตัวใหญ่ ยิ่งตัวใหญ่เขายิ่งดีกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทีมงาน ใครต่างๆนานา
“ไมค์ พิรัชต์” เล่นหนังฮอลลีวูด ประกบ “เพียร์ซ บรอสแนน”
การทำงานต่างแดน การลองถูกลองผิด ทำให้ลืมไปแล้วว่าเด็กๆเคยฝันไว้อะไรไว้ รู้เพียงแค่ว่าสักวันต้องไป ‘ฮอลลีวูด’ ให้ได้ แต่ทุกวันนี้ไปได้ถึงหน้าประตู ตอนนี้ก็เคาะประตูก๊อกๆอยู่ ( ยิ้ม ) เพราะว่ามันเป็นเรื่องแรก เราไม่รู้ว่าตลาดเขาจะเปิดรับเราหรือเปล่า หรือจะมีเรื่องอื่นต่อหรือเปล่า จริงๆขึ้นอยู่กับดวงด้วยส่วนหนึ่ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับความมุมานะพยายามทำตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง เส้นทางมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรือว่าอะไรที่สวยงามอยู่แล้ว มันก็มีความลำบาก แต่ว่าอยู่ที่เราจะคิดมากกับมันหรือเปล่า เราจะแพ้กับมันไหม แล้วเราจะสู้ต่อหรือเปล่า ทุกอย่างจริงๆจากประสบการณ์ตัวเองแล้ว ทุกอย่างมันอยู่ในหัวเราเองหมดเลยจะประสบความสำเร็จหรือว่าเราล้มเหลว
คำติที่มากกว่าคำชมในอดีต ผลักดันให้มีวันนี้ เมื่อมองกลับไปรู้สึกว่า ก็ไม่ผิดหรอกที่เขาไม่เชื่อ คือจริงๆสมัยก่อนไมค์ก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรทั้งสิ้น เป็นคนที่เกิดมาไร้ซึ่งพรสวรรค์ ภาษาอังกฤษก็พูดไม่ได้ การแสดงก็แสดงแปลกๆ ก่อนหน้านี้ผมก็เริ่มพัฒนาจากระบบความคิดตัวเองก่อน แล้วหลังจากนั้นความพยายามของเราจุดต่างๆก็จะมากขึ้น มันทำให้เราเลือกที่จะออกไปเรียนรู้ ไปไขว่คว้าหาความรู้ เอาหนังสือมาอ่าน ไป อย่างภาษาอังกฤษก็ฝึกเอง คือถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วทำมัน แม้มันอาจจะไม่ได้เห็นทันที มันค่อยๆนะ ไมค์ผลักตัวเองในสิ่งต่างๆ เช่น เขาบอกว่าภาษาจีนจำเป็นมาก ผมก็ผลักตัวเองตรงนั้นเลย ทำยังไงก็ได้ต่อให้เราไม่มีเวลา แต่เราจะไม่มานั่งหาข้ออ้างให้กับตัวเองว่าเราไม่มีเวลา...ไม่ใช่ เราก็บอกว่าถ้าเราไม่มีเวลาเรียนกับครูหรือว่านัดครูยาก ก็ซื้อหนังสือมาอ่านเอง ฝึกเอง ล่ามเราก็มี ตั้งคำถามเยอะๆ ฝึกใช้เยอะๆมันก็จะได้เอง
งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน ตอนนี้เริ่มมองหาความสมดุลให้ตัวเอง บ้างานมานานแล้ว จนหลังๆมานี้ต้องเหมือนกับว่าพยายามที่จะบาลานซ์ชีวิตตัวเอง เพราะปกติไมค์กินข้าวไมค์จะคุยแต่เรื่องงาน ก่อนนอน มันก็จะมีแต่เรื่องพวกนี้ก็เลยพยายามที่จะบาลานซ์ตัวเอง โดยการไปดูว่าศึกษาชีวิตคนอื่นว่าเขาใช้ชีวิตกันยังไง ซึ่งไมค์ก็ไม่สามารถจะไปใช้ชีวิตแบบคนอื่นได้หรอก แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่า คนอื่นเขาทำกันแบบนี้ เวลาเขานั่งกินข้าวเขาแบบคุยตลกแบบนี้ได้ ก็จะพยายามดึงตัวเองกลับมา พออายุใกล้จะเลข 3เหมือนว่าเราอาจจะถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ต้องกลับมามอบความสุขให้ตัวเองบ้างได้แล้ว
เป้าหมายแรกทำได้...เป้าหมายต่อไปในชีวิตก็ผุดขั้นมาอีกครั้ง ตอนนี้ชอบ ไอรอน แมน อยากเป็นแบบ โทนี่ สตาร์ค อันนี้พูดจริงจังไม่ได้ล้อเล่น ไม่สิก็จริงๆเป็นคำพูดลอยๆเหมือนกับตอนนั้นที่ตอนเด็กๆ ตอนที่อายุ 12 - 13 ที่บอกว่าจะไปฮอลลีวูดนั้นแหละ ก็พูดลอยๆทำได้ก็ดีทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราก็มีความฝันอื่นเป็นผู้กำกับ เป็นผู้จัด ซึ่งจริงๆแล้วผมเป็นคนชอบนั้น สร้างนู้น สร้างนี่อยู่แล้วแค่ไม่ค่อยมีใครรู้เท่านั้นเอง
ประตูความสำเร็จเรื่องงานรอการเปิดรับ ชีวิตส่วนตัว “ไมค์” เลือกที่จะเปิดประตูและเดินเข้าไปหาทุกคนที่อยากจะดูแล เพราะสิ่งนี้คือความตั้งใจผ่านมาตลอดชีวิตการทำงาน พอเริ่มดูแลคนในครอบครัวได้ ก็รู้สึกว่ามันภูมิใจยิ่งกว่าเราประสบความสำเร็จในงาน เพราะว่านี่คือประสบความสำเร็จยิ่งกว่า ที่เราสามารถดูแลคนที่เขาเคยดูแลเราได้ จริงๆทุกวันนี้เขาก็ดูแลเราอยู่ ซึ่งมันรู้สึกดีที่ว่าเขาไม่ได้ดูแลเราอยู่ฝ่ายเดียวแล้ว เรามีความสามารถพอที่จะหันกลับไปแล้วไปดูแลเขาได้ เรามองไปข้างหน้าได้ ผมมองไปข้างหน้าตลอด เป้าหมายอยู่ข้างหน้า แต่ก็จะไม่ลืมคนข้างหลังที่เขาคอยเป็นกำลังใจให้และตรงนี้พอหันไปข้างหลังเราก็จะมีแรงผลักดันไปข้างหน้าต่อได้
อีกหนึ่งเรื่องที่ภูมิใจคือการทำหน้าที่ “แด๊ดดี้ไมค์” ของ “น้องแม็กซ์เวลล์” ก็ดูแลแม็กซ์อยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ก็ยังดูแลอยู่ เรื่องเรียน เรื่องต่างๆ คอยถามไถ่ พอกลับมาก็จะไปหาเขา แล้วก็พาไปเที่ยวเล่น เพื่อไม่ให้เขารู้สึกว่าว่าเขาขาดนะ คืออยากที่จะเติมเต็มทุกคนในสิ่งที่ทุกๆคนขาด แม็กซ์เวลล์ให้อะไรผมบ้างเหรอ ก็ทุกอย่างทุกอย่างที่เป็นผมในตอนนี้ เป็นแรงผลักดัน เป็นกำลังใจ แล้วก็เป็นบ้านที่แบบผมหันไปแล้วผมรู้สึกว่าแบบ ผมมีที่ให้กลับผมมีคนที่ให้กลับไปหา
ตลอดชีวิตการทำงานไม่ว่าจะในฐานะนักร้อง , นักแสดง จะมีวันนี้ไม่ได้หากขาดแรงสนับสนุนที่คอยอยู่ข้างๆ ในวันที่กราฟชีวิตขึ้นสูงหรือดิ่งลง แต่เมื่อได้กำลังใจ ก็ทำให้วันนี้ “ไมค์ พิรัชต์” เติบโตขึ้นอีกครั้ง ทุกคนที่อยู่ข้างหลังคอยแบ็คอัพไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับ ครอบครัว แม็กซ์เวลล์ พี่น้อง ทีมงานทุกคน ก็ขอบคุณที่คอยอยู่ตรงนั้นไม่ว่าจะเป็นวันที่ผมแบบตกต่ำที่สุดหรือว่าขึ้นสูงที่สุด ทุกคนอยู่ตรงนั้นแล้วผมเชื่อว่าวันนึงผมจะหันไปแล้วดูแลพวกเขาได้”
“น้องแม็กซ์เวลล์” ยกเค้กเซอร์ไพรส์วันเกิดแด๊ดดี้ “ไมค์ พิรัชต์”
"ไมค์ พิรัชต์" ฉลองวันเกิดน้องแม็กซ์เวลล์ ซื้อสร้อยทองพร้อมเปิดบัญชีให้
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/tags/ข่าววันนี้