
“เบียร์-หมอฟิล์ม-นิษสา” โชว์ทักษะผ่านเข้ารอบ 3 คนสุดท้าย ชิงชัยยอดนักอบขนมคนแรกของประเทศไทย
เผยแพร่
ลุ้นกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุดก็ได้ 3 คนสุดท้ายของการแข่งขัน เพื่อชิงชัยเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งในรอบนี้ทั้ง 3 จะผ่านอะไรกันมาบ้าง กับโจทย์กลิ่นและรสแบบไทยๆ ?
ถึงเวลาปล่อยของเพื่อเป็น 3 คนสุดท้ายที่จะเข้าไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศรายการ “The Great Thai Bake Off ยอดนักอบขนม” สัปดาห์นี้กรรมการจึงได้รวมทุกเทคนิคมาให้นักอบขนมได้โชว์ฝีมือ ภายใต้ธีมการทำขนมกลิ่นและรสแบบไทยๆ ซึ่งนอกจากต้องทำขนมหลายประเภทแล้ว ตัวขนมยังต้องมีกลิ่น รสชาติ สีสัน ที่ได้แรงบันดาลใจจากวัตถุดิบที่นิยมใส่ในอาหารหรือขนมไทยอีกด้วย
ลุ้น 3 ผู้เข้าชิงฯ ยอดนักอบขนมคนแรกของไทย ฝ่าด่านอรหันต์ ฉีกกรอบการทำขนมแบบเดิมๆ
เริ่มต้นกันที่ “Signature Challenge” กับโจทย์ “เบค คัสตาร์ด” ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะทำเป็นคัสตาร์ดรสชาติใดก็ได้ แต่ต้องออกมาเนียน นุ่ม ไม่หวานเกินไป คัสตาร์ดเป็นขนมเบสิคแต่จำเป็นต้องมีความเข้าใจ และชำนาญในการทำ รวมถึงยังต้องลุ้นอีกว่าคนที่ทำขนมฝรั่งได้ดีจะนำรสชาติขนมแบบไทยๆ ใส่ลงไปได้ดีแค่ไหน
รอบนี้ “หมอฟิล์ม-เศวตชัย” เลือกทำ “คัสตาร์ดแตงไทย” และ “คัสตาร์ดน้ำตาลมะพร้าวซอสคาราเมล” โดยนำแตงไทยและมะพร้าวมาเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งคัสตาร์ดแตงไทยทำออกมารสชาติดีแต่แป้งไม่สุก แต่ก็แก้มือด้วยคัสตาร์ดน้ำตาลมะพร้าวซอสคาราเมลที่ออกมาดีชนิดไม่มีที่ติ
และจากความถนัดในการทำขนมไทยๆ ทำให้โจทย์สัปดาห์นี้เข้าทาง หนุ่ม “เบียร์-ศักรินทร์” ที่เลือกทำ “คัสตาร์ดหม้อแกงเผือก” และ “คัสตาร์ดหม้อแกงถั่ว” โรยหน้าด้วยหอมเจียว ซึ่งคัสตาร์ดหม้อแกงออกมารสชาติเหมือนหม้อแกงมากกว่าเป็นคัสตาร์ด และออกจะหวานไปสักหน่อย เนื้อคัสตาร์ดก็ยังเซ็ตตัวไม่ทั่ว อาจจะเพราะใช้เวลาอบน้อยเกินไป
เพราะไม่ถนัดรสชาติไทยสัปดาห์นี้จึงทำให้ สาวน้อย “นิษสา สุนิษสา” ออกจะกังวลมาก แต่ก็นำความชอบชาไทยมาดัดแปลงเป็นเมนู “คัสตาร์ดกะทิชาไทย” และ “คัสตาร์ดกะทิ” ที่มีความหอมของชาเป็นจุดเด่น และมีเนื้อมะพร้าวอ่อนขูดอยู่ด้านบน ได้ออกมาเนียน หวานพอดี หอมติดปาก อร่อยจนเชฟปิงต้องขอจับมือ จนทำให้เจ้าตัวดีใจจนน้ำตาไหล
มาถึงสาว “เบล-สกาวกาญจน์” ที่เลือกทำเมนู “คัสตาร์ดสังขยาฟักทอง” และ “คัสตาร์ดมันม่วง” ที่ใช้เนื้อฟักทองบด และตกแต่งมันม่วงด้วยวิปครีม ซึ่งต้องเสียน้ำตาลตั้งแต่ยกแรก เพราะคัสตาร์ดไม่เซ็ตตัว ทำให้สิ่งที่คิดกับสิ่งที่ออกมาสวนทางกัน บวกกับกลัวจะพลาดต้องกลับบ้านก่อน ทำให้เพื่อนๆ ต้องเข้ามาปลอบ
รอบที่ 2 “Technical Challenge” ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำ “เค้กราชปะแตน” โจทย์ของ “คุณเป้า-นุชนันท์” เค้กอัพไซด์ดาวน์ที่นิยมในหมู่ข้าราชการและขุนนาง เนื่องจากได้รับวิถีการรับประทานน้ำชาและขนมยามบ่ายแบบยุโรปมา โดยเนื้อด้านในต้องฉ่ำ ร่วน ในขณะที่ด้านนอกต้องกรอบ และสีจะต้องไม่อ่อนเกินไป ภายในเวลา 2 ชั่วโมง
และเพราะเป็นเค้กดั้งเดิมที่นักอบขนมไม่เคยเห็น แต่ละคนเลยต้องอ่านสูตรอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้พลาด แถมไม่รู้หน้าตาของเค้กอีกด้วยว่าเป็นอย่าไง ทำให้ภาพรวมออกมาสวยทุกจาน ดูจากภายนอกถึงกับตัดสินลำบาก รวมถึงเมื่อกรรมการได้ชิมต่างก็มีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งคนที่ข้อผิดพลาดน้อยสุดคือ หนุ่มเบียร์ ส่วนคนที่ผิดพลาดพอๆ กันสองคนสุดท้าย คือ หมอฟิล์ม และ เบล
ช่วงสุดท้าย “Showstopper Challenge” กับโจทย์ “เค้กกระจก(Mirror Glaze Cake)” เค้กที่มีการเคลือบหน้าเค้กด้วยส่วนผสมที่ทำให้เกิดความวาว เช่น ผงเจลาติน หรือกลูโคส ด้านในประกอบด้วยเนื้อเค้กเป็นฐาน ราดทับด้วยเนื้อมูส จุดเด่นของเค้กชนิดนี้ก็คือ ความเงางามบนหน้าเค้กที่จะทำเป็นลวดลายหรือสีสันแบบใดก็ได้
หมอฟิล์ม เลือกทำ “เค้กกระจกดอกบัว” ที่ได้แรงบันดาลใจจากดอกบัว ด้านล่างเป็นครัมเบิลและโจกองบิสกิต มีเจลลีสตรอว์เบอร์รีขั้นระหว่างชั้นมูสสตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ตและเน้นสีที่เกิดความวาวในโทนสีดอกบัวขาวชมพูหวาน ซึ่งกรรมการถึงกับทึ่ง แม้ด้านในเยลลีจะแข็งไป และเมื่อกินพร้อมกับครัมเบิลก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหนียว เสียอรรถรสในการกินไปพอสมควร
เบียร์ ยังคงเลือกองค์ประกอบขนมไทยมาใส่ในการทำขนมเช่นเคย โดยเลือกทำ “เค้กกระจกดอกพวงชมพู” ข้างในเป็นสปันจ์เค้กอบควันเทียน ชั้นบนราดด้วยมูสกะทิน้อยหน้า ซ่อนด้านในด้วยเจลลีสลิ่ม และประดับด้วยดอกพวงชมพู ซึ่งนอกจากความคิดสร้างสรรค์ดีทั้ งสีและการตกแต่ง รสชาติยังออกมาดีจนได้รับคำชมว่า เค้กก้อนนี้อร่อยมากและทำได้ดีเลิศ
ด้าน นิษสา เลือกนำรสชาติที่ถนัดมาทำ “เค้กกระจกดอกลีลาวดี” ด้านในเป็นสปันจ์เค้กอัลมอนด์ผสมเฮเซนัต ฐานด้านล่างคือครัมเบิล ชั้นบนเป็นคาราเมลและเพสทรีครีม ด้านบนตกแต่งด้วยฟองดองดอกลีลาวดี ซึ่งระหว่างที่ทำกลับพบว่าเฮเซลนัตมีกลิ่นหืน จนจำต้องเททิ้งทั้งหมด แถมต้องลุ้นเพราะเค้กเซ็ตตัวไม่ทันจนต้องแก้สถานการณ์ ซึ่งรสชาติโดยเข้ากันได้อย่างลงตัว กินแล้วทำให้อยากกินอีก
ปิดท้ายกันที่สาวเบล กับ “เค้กกระจกดอกคำฝอย” เนื้อเค้กด้านในเป็นซาเบอร์บิสกิต ผสมกล้วยคาราเมลและเฮเซลนัตกรอบ ชั้นบนราดด้วยครีมคาราเมลและมูสดาร์กช็อกโกแลต แต่พอทำจริงเค้กกลับไม่เซ็ตตัว ทำให้แกะออกจากพิมพ์ไม่ได้ จนเค้กเละ เพื่อนต้องมาช่วยกันแก้ไขสถานการณ์ ต้องยอมเสิร์ฟแบบหน้าตาไม่ดีนัก จนเจ้าตัวกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อธิบายไปร้องไห้ไป แต่หากพูดถึงเพียงรสชาติกรรมการต่างชมว่าอร่อยมาก
และเพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ทำให้สาวเบลต้องเป็นอีกคนที่ต้องแพคกระเป๋ากลับบ้านไป ส่วนหนุ่มใต้ เบียร์ ก็ยังคงยืนหนึ่งเป็น Star Baker ครั้งที่ 3 ส่งผลให้ 3 คนสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบไปชิงชนะเลิศ ได้แก่ “เบียร์-หมอฟิล์ม-นิษสา” ต่างคนต่างที่มาแต่มีความรักความมุ่งมั่นในสิ่งเดียวกัน
ใครจะเป็นผู้ชนะที่จะคว้าแชมป์ยอดนักอบขนมคนแรกของไทย พร้อมรับรางวัลมูลค่า 3 แสนบาทไปครอง ร่วมลุ้นกันได้ในรายการ “The Great Thai Bake Off ยอดนักอบขนม” ทุกวันจันทร์ เวลา 20.15 - 21.45 น. ทางพีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 ส่วนใครที่พลาดไม่ได้รับชมในวันจันทร์ สามารถรับชมรายการได้อีกครั้งในวันอาทิตย์ เวลา 16.30 – 18.00 น.
6 นักอบขนม เผยช่วงเวลาความประทับใจ ผ่านเมนูที่ทำจาก “ช็อกโกแลต” ที่ดีที่สุดในชีวิต
5 เหตุการณ์ชวนลุ้น ของโจทย์ “ขนมปัง” ในรายการ “The Great Thai Bake Off ยอดนักอบขนม” ทางพีพีทีวี
“หมอฟิล์ม” นักอบรอบรู้ปั้นแต่ง “ขนมปังรูปรังนก” คว้า Star Baker สัปดาห์ที่ 8
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline