
“ป๊อด – ข้าวตัง” กอดคอยึดพื้นที่หัวใจสาว (วาย) ฝ่าความกดดัน รับบทนำครั้งแรก
เผยแพร่
สองนักแสดงวัยรุ่น “ป๊อด - ศุภกร ศรีโพธิ์ทอง” และ “ข้าวตัง - ธนวัฒน์ รัตนกิจไพศาล” เคมีดีต่อใจแฟนๆ ขึ้นแท่นคู่จิ้นขวัญใจสาววาย เผยกดดันรับบทนำครั้งแรก
(ข่าวแนะนำ)
“ไบร์ท - วิน” นำทีมโชว์จัดเต็ม สุดปัง! แฟนคลับชมสด 74 ประเทศ
3 คู่จิ้นสุดฮอต เสิร์ฟความฟินส่งท้ายปลายปี พร้อมทำบุญร่วมแฟนคลับ
ต้องยอมรับว่าซีรีส์สายวาย กลายมาเป็นอีกหนึ่งกระแสที่ได้รับความนิยมจากความชอบเฉพาะกลุ่ม มาเป็นกระแสหลักในช่วงปีที่ผ่าน และอีกหนึ่งคู่ที่กำลังไต่ระดับความฮอต ค่อยๆเข้าไปยึดพื้นที่ในหัวใจสาววาย คือสองหนุ่มหน้าใส ป๊อด - ศุภกร ศรีโพธิ์ทอง และ ข้าวตัง - ธนวัฒน์ รัตนกิจไพศาล นักแสดงนำจากซีรีส์ ต้นหลชลธี ที่เคมีดีไม่ไหว ใครๆก็ตกหลุมรัก และนอกจากจะครองใจเอฟซีแล้ว พื้นที่โซเชียลก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน ฮอตขนาดนี้ "พีพีทีวี ออนไลน์" (นิวมีเดีย) ไม่พลาดคว้าตัวทั้งคู่มาพูดคุยเพื่อความรู้จักกันมากขึ้น
“ต้นหลชลธี” กระแสตอบรับดี หายเหนื่อยเลยไหม
ป๊อด : “(ยิ้ม) ฟีดแบคดีครับ หายเหนื่อยเลย ดีใจที่ทุกคนดูแล้วชอบ (ยิ้ม) สำหรับผมเกินคาดมากๆ ก่อนหน้านี้เคยไม่คิดว่าซีรีส์จะติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ผมเคยคิดไว้ว่าแค่มีดูแล้วมาคอมเมนต์ชอกว่าชอบก็ดีใจแล้ว ถามว่าก่อนซีรีส์ออนมีกังวลไหม มีครับ กังวลว่าคนจะชอบไหม จะรู้สึกยังไงหลังจากได้ดูแล้ว คือกับซีรีส์เรื่องนี้พวกเราทีมงานและนักแสดงตั้งใจกันมากๆ”
ข้าวตัง : “เกินคาดเหมือนกันครับ มีแฟนซีรีส์มาคอมเมนต์ว่าสนุก ซีรีส์เป็นพลังบวกให้กับทุกคนได้ ผมก็ดีใจแล้วครับ (ยิ้ม)”
เป็นการรับบทนำครั้งแรกของเราสองคนด้วย
ข้าวตัง : “ครับ แน่นอนว่ามีความกดดันครับ เราก็ต้องทำการบ้านมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเรื่องนี้เราเป็นตัวเดินเรื่องแล้ว ความแตกต่างจากเมื่อก่อน คงเป็นเรื่องของมิติตัวละครที่มีมากขึ้น มีการแสดงออกมาหลากหลายมากขึ้น อย่างเมื่อก่อนรับบทเพื่อนตัวแสดงหลัก ก็จะเป็นอารมณ์เดียวเลย ไม่ได้ต้องลงดีเทลอะไรมากมาย และเรื่องนี้ผมก็มีคู่เป็นเรื่องแรกด้วยครับ (หัวเราะ) และก็มีซีนร้องไห้เป็นเรื่องแรกด้วย”
ป๊อด : “ตอนที่ได้บทมากก็กดดันนะครับ แต่พอเปิดกล้องได้แสดงจริงๆ เรารู้สึกว่าเราไม่ได้เล่นกันอยู่สองคน เพื่อนๆนักแสดงทุกคนก็ช่วยเหลือกัน ตัวผมเองก็ปรับเยอะเหมือนกันนะ ที่ผ่านมาตัวละครที่แสดงจะนิ่งๆ ขรึมๆ เรื่องนี้จะมีความรั่ว ความตลก ความเฮฮา เพิ่มเข้ามาด้วย ก็สนุกดีครับ”
เราให้กำลังใจกันเพื่อผ่านความกดดันยังไงบ้าง
ป๊อด : “ช่วงที่ถ่ายทำมันต้องมีความเครียด ความกดดัน เราทั้งสองต่างก็ให้กำลังใจกันและกันในตอนนั้น เวลาใครท้ออีกคนก็จะคอยฮิลอีกคน เวลาข้าวตังเหนื่อยหรือพลังหมด อย่างเช่นมีซีนนึงที่ข้าวตังต้องดราม่าหนักๆ เดินออกจากเซ็ทมาเขายังน้ำตาไหลอยู่เลย ผ่านไป 15 – 20 นาที ผมถึงกล้าเข้าไปคุยกับเขา”
ข้าวตัง : “จริงๆผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจมกับอะไรนะ แต่มันก็มีบางซีนที่เราอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย เพราะเราอาจจะรู้สึกกับมันลึกเกินไปหน่อย ผมว่าเราทั้งคู่ช่วยกัน เราจะคอยให้กำลังใจกันตลอด”
ต้องมาเล่นซีรีส์แนวคอมเมดี้ ส่วนตัวเราเป็นคนตลกกันเบอร์ไหน
ข้าวตัง : “ผมเป็นคนเล่นมุกแป้กนะ แต่ผมก็พยายามเล่นมุกนะ เชื่อว่าตัวเองเป็นคนตลกไว้ก่อน (หัวเราะ) แต่ซีรีส์เรื่องนี้การแสดงที่ออกมาอาจจะมีความเป็นการ์ตูนนิดๆ เราต้องเล่นใหญ่ไว้ก่อน ประมาณว่าหนึ่งเล่นสิบ ต้องเค้นเอนเนอร์จี้ออกมา แต่เราก็ต้องหาจุดตรงกลาง ซึ่งจริงๆผมไม่ใช่คนอะเลิทเท่ากับ ชลธี ผมเป็นสายเท่ๆคูลๆ (ยิ้ม)”
ป๊อด : “ผมก็จะนิ่งๆ ไม่ค่อยตลกนะ หรือเปล่า? (หัวเราะ) คงใช่แหละ”
วันที่รู้ว่าต้องมาเล่นซีรีส์ด้วยกันเป็นยังไงบ้าง
ป๊อด : “ผมดีใจนะ ไม่ได้คิดอะไรเยอะว่าต้องจูนกันยังไง เพราะในพาร์ทชีวิตปกติเราก็รู้จักกันอยู่แล้ว เราเรียนแอคติ้งด้วยกัน พอรู้ว่าจะได้มาร่วมงานกันก็สบายใจ โล่งใจด้วย”
ข้าวตัง : “ก็คล้ายๆกันครับ อย่างที่พี่ป๊อดบอกด้วยความที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว เลยคิดว่าคงไม่ต้องจูนอะไรกันมาก”
กังวลไหม ปัจจุบันคู่จิ้นสายวายค่อนข้างเยอะ
ข้าวตัง : “เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากนะครับ ก็ตามปกติเลย กับพี่ป๊อดเรามีนิสัยและไลฟ์สไตล์คล้ายๆกัน เลยทำให้ทำงานกันง่ายด้วย”
ป๊อด : “ผมไม่กดดันเรื่องนี้นะ คือผมจะไปกดดันหรือซีเรียสในพาร์ทการแสดงและการทำงานมากกว่า อย่างที่ข้าวตังบอก ด้วยความที่เราสองคนรู้จักกันมาก่อน มันอาจจะจูนกันง่าย ผมว่าช่วงนี้เราก็ตัวติดกันมากขึ้นนะ เพราะเราทำงานด้วยกันด้วย ทำให้มีเรื่องคุยและปรึกษากันมากขึ้น แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน นอกเหนือเวลางานเราก็มีไปเที่ยวกันบ้าง ด้วยความที่เราสายชิลเหมือนกัน อยากไปไหนแค่เกริ่นๆก็ไปได้เลย”
ตอนที่รู้ว่าต้องมาเล่นซีรีส์แนววาย ตัดสินใจยากไหม
ข้าวตัง : “ไม่ยากนะครับ ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีในแง่ของประสบการณ์การแสดง ที่ผ่านมาผมก็เล่นเป็นเพื่อนนักแสดงนำ ยังไม่ได้รับส่งอารมณ์กันเท่าไหร่ พอมาเล่นเรื่องนี้มีพาร์ทเนอร์ ได้รับส่งอารมณ์มากขึ้น ได้แสดงหลากหลายมากขึ้น”
ป๊อด : “ผมมองว่านี่คือโอกาสที่ดีโอกาสหนึ่งที่ผู้ใหญ่มอบหมายให้เราทำ และเป็นโอกาสของตัวเองที่จะได้พัฒนาตัวเอง ได้เล่นอะไรที่หลากหลายมากขึ้น ได้ลองในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ ซึ่งตอนที่แฟนคลับรู้ว่าผมจะได้เล่นกับข้าวตัง พวกเขาก็รอชมผลงาน ยิ่งทำให้เราต้องทำให้เต็มที่สมกับที่เขารอคอย”
ณ วันนี้เราสองคนรู้จักกันมากขึ้นขนาดไหน
ข้าวตัง : “พี่ป๊อดเป็นอีกหนึ่งความสบายใจของผม”
ป๊อด : “เราเหมือนพี่น้องกัน เราคุยกันได้ทุกเรื่อง ให้คำปรึกษากันได้ทุกเรื่อง อย่างผมเรียนจบสายอาหารมา แล้วมีความแพลนว่าอยากเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง ก็เล็งๆไว้ว่าปีหน้า ถ้าไม่อะไรผิดพลาด ตอนนี้ก็เริ่มหาสถานที่และวางกิมมิคไว้บ้างแล้ว ผมยังเคยคุยกับข้าวตังเลยว่า อยากเปิดร้านด้วยกัน เพราะเราสายคาเฟ่เหมือนกัน ก็ต้องดูว่าจะเปิดด้วยกันไหม แต่ผมอะเปิดเองแน่ๆ (ยิ้ม)”
การแสดงเปิดโลกใบใหม่ของเราสองคน
ป๊อด : “ใช่ครับ การมาทำงานตรงนี้เปิดโลกใบใหม่ผมเลย จริงๆผมเป็นคนขี้อายมากนะ ไม่กล้าแสดงออก พูดน้อย ผมเปิดใจรับทุกคนนะ เป็นคนไม่มีกำแพงกับใคร แต่ในโหมดเพื่อนสนิท ผมอาจจะไม่มีเพื่อนสนิทเยอะมาก พอมาทำงานตรงนี้เราต้องเจอคนเยอะ เราจะนิ่งก็ไม่ได้ ต้องเปิดใจมากขึ้น และต้องกล้ากับทุกอย่างมากขึ้น ในเรื่องการทำงาน ผมอยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ผมเข้ามาตรงนี้แบบที่ได้คาดหวังอะไร เพราะไม่ได้เชื่อมั่นในตัวเองมากนัก เริ่มจากอยากลองทำ อยากหาประสบการณ์ แต่พอได้มาลองทำแล้ว งานตรงนี้ทำให้ผมพยายามผลักดันตัวเองไปตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ คือการดูแลครอบครัว อยากให้พ่อแม่ทำงานน้อยลง ผมจึงตั้งใจกับทุกโอกาสที่เข้ามาให้ดีที่สุด และอีกอย่างที่เป็นพลังให้ผมคือ แฟนคลับ พวกเขาชื่นชอบในผลงาน มีความสุขที่ได้เห็นผม พวกเขาทำให้ผมหายเหนื่อย ขอบคุณที่สนับสนุนผมและน้องนะครับ (ยิ้ม)”
ข้าวตัง : “การแสดงคือสิ่งที่ผมหลงรัก หลงเสน่ห์ของมัน ยิ่งตัวเองมีโอกาสเข้ามามากเท่าไหร่ ก็ต้องยิ่งพัฒนาตัวเองให้เก่งและดีขึ้น ที่ผ่านมาผมจะทุ่มเททำในสิ่งที่ผชอบ ทั้งดนตรี กีฬา แฟชั่น ถึงจะไม่ได้เก่งมาก แต่ถ้าอยากทำอะไรแล้วผมก็จะไปสุด เรื่องการแสดงก็เหมือนกัน ถึงเวลาทำงานบางคนจะมองว่าผมตัวเล็กนะ เป็นปัญหาไหม ผมว่าไม่นะ เวลาแสดงผมจะโฟกัสไปที่อารมณ์ การพูด การแสดงออก”
“ป๊อด” สายเทคแคร์ กับ “ข้าวตัง” สายคูล
ป๊อด : อาจจะมาจากปมตอนเด็กๆที่ตัวเองชอบโดนแกล้ง ผมไม่ใช่คนไม่สู้คนนะ แต่แค่ไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากให้พ่อแม่มาเครียดกับเรื่องอื่น เพราะท่านเครียดกับงานก็มากพอแล้ว ทำให้ผมเลยชอบดูแลคนอื่นเท่าที่ผมจะดูแลได้ (ผู้ชายสายอบอุ่น?) ผมไม่รู้ว่าผมอบอุ่นแค่ไหนนะ แต่คนอื่นจะบอกว่าผมเป็นคนอบอุ่น ถามว่าถ้าเจอคนที่มาดูแลผม จะแพ้ทางนี้ไหมเหรอ คือ ผมชอบดูแลคนอื่นมากกว่าให้คนอื่นมาดูแลผม ผมว่าผมดูแลตัวเองได้ (หัวเราะ) กับคนอื่นเรื่องเล็กๆน้อยๆถ้าผมดูแลได้ ผมก็จะทำ”
ข้าวตัง : ผมพยายามบอกคนอื่นว่าผมเป็นคนคูลนะ แต่เวลาผมแต่งตัวที่คิดว่าเท่แล้วนะ แต่คนอื่นจะบอกว่าน่ารัก (หัวเราะ) ถามว่าทำไมผมบอกว่าตัวเองคูล คือเด็กๆเล่นสเก็ตบอร์ดไง เวลาเล่นก็ต้องแต่งตัวคูลๆ ขนาดในอินสตาแกรมผมลงรูปช่วงแรกๆผมยังเน้นสายคูลๆเลยนะ จริงๆเวลาอยู่กับเพื่อนผมเป็นสายกวนนะ ขี้แกล้ง ง๊องแง๊งบ้าง แต่มาช่วงหลังที่ผมว่าผมติดคาแร็กเตอร์ ชลธี มาโดยที่ไม่รู้ตัว อาจจะเพราะตัวผมคลุกคลีกับบทละครตัวนี้นานด้วย การลงรูป การพูดจา ก็ดูเป็นสายซอฟต์ หลายคนที่อาจจะไม่ได้รู้จักผมมาก่อน จะมาเห็นผมในบทบาทนี้ ก็เลยอาจจะคิดว่าผมเป็นหวานน่ารักๆ ที่ผ่านมาก็มีคนเคยทักผมนะว่าผมไม่แมนหรือเปล่า ส่วนตัวผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก อาจจะด้วยความที่ผมเป็นคนหน้าหวาน พอมาเล่นซีรีส์วาย หลายคนก็อาจจะคิดกันได้ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร ตัวผมเองก็ไม่ได้ซีเรียสด้วย”
เคยมีคนมาจีบก่อนไหม เพราะตอนเป็นเดือนคณะที่ม.เชียงใหม่ ได้ยินมาว่า “ข้าวตัง” ก็ฮอตพอสมควร
“ไม่ฮอตเลย (หัวเราะ) ผมเคยประกวดเดือนคณะเทคนิคการแพทย์ ม.เชียงใหม่ แต่ไม่ดังอะไร แค่มีคนรู้จักเพิ่มขึ้น จริงๆผมอยู่ที่นั่นแค่ 6 เดือน แล้วก็ย้ายมาเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ม.เกษตร ถามว่ามีคนมาจีบก่อนไหมเหรอ อาจจะมีแต่ผมไม่รู้ตัวก็ได้นะ ถ้าเขาไม่มาชัดเจนกับผมว่า ชอบนะ เพราะส่วนใหญ่ถ้าผมชอบใคร ผมจะเป็นคนจีบก่อน หรือไม่ก็เข้าทางเพื่อน แต่ผมจะต้องรู้สึกมั่นใจก่อนนะว่าคนนั้นก็สนใจผมเหมือนกัน เพราะผมเป็นคนกลัวความผิดหวังเรื่องความรัก กลัวว่าเขาจะไม่รัก อาจจะเพราะผมเป็นคนขี้เหงามั้ง (ยิ้ม) ผมอยากมีคนที่ผมคิดถึง คุยได้ทุกๆเรื่องในทุกๆวัน เป็นเพื่อน เป็นคนในครอบครัว (คล้ายๆในซีรีส์เหมือนกันนะ?) ครับ ประมาณนั้นๆ”
“ป๊อด” ก็ฮอตไม่แพ้กัน ก่อนหน้านี้ใครๆก็เรียก “เซฟสุดหล่อ”
ป๊อด : “อ๋อ ขายไก่ทอด ได้เข้าวงการเหรอครับ (หัวเราะ) คือต้องเท้าความก่อนว่า ผมอยากเรียนทำอาหาร แต่สกิลก็คือศูนย์ (หัวเราะ) มีแค่พื้นฐานช่วยอาม่าทำอาหารที่บ้านบ้าง เลยลองไปสอบเข้าที่วิทยาลัยดุสิตธานี และมีโอกาสได้ไปแข่งทำอาหาร ได้เหรียญเงินและเหรียญทองแดงมา ตอนนั้นดีใจมากเลยนะ ถือว่าผมผ่านความท้าทายในตัวเองมาได้แล้ว และก่อนเข้าวงการผมไปออกร้านที่งานหนึ่ง ตอนนั้นแค่ไปขายเอาสนุก แต่ก็ได้รับโอกาสมาออกรายการ พ่อค้าแซ่บ แล้วก็ได้เข้าวงการนี่แหละครับ (ยิ้ม) ตอนนี้ก็มีทำขนมขายบ้าง แต่นานๆทำทีนึง (หัวเราะ) ผมอยากทำด้วยตัวเอง เป็นคนเรื่องเยอะมาก (หัวเราะ) คือผมอยากให้คนที่กินได้กินของที่ดีที่สุด เวลาอบขนมออกมาแล้วมันไม่ไปเป็นไปตามที่ต้องการ ผมทิ้งแล้วทำใหม่เลยนะ”
ณ วันนี้ชีวิตเราเปลี่ยนไปแค่ไหน
ป๊อด : ทุกวันนี้ผมยังเขินอยู่เลย เวลามีคนเดินเข้ามาทัก ถ้าเจอผมแล้วนิ่งๆ ผมไม่ได้หยิ่งนะ ผมเขิน (หัวเราะ) บางทีผมก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง ก่อนหน้านี้ผมเดินอยู่ก็ไม่ค่อยมีคนทัก พอตอนนี้คนทักเยอะ ผมก็รู้สึกว่าจะคุยอะไรกับเขา ในใจนี่ตื่นเต้นมากนะ แต่ไม่รู้จะแสดงออกยังไงดีมากกว่า แต่ผมดีใจนะๆ ทักได้ครับ (หัวเราะ) อีกมุมนึงผมมองว่าการที่มีคนรู้จักเราเพิ่มมากขึ้น จะทำอะไรเราก็ต้องคิดมากขึ้น มีสติมากขึ้น”
ข้าวตัง : “ก็มีคนรู้จักมากขึ้นครับ ไปไหนมาไหนก็เรียกทั้ง ข้าวตัง หรือบางทีก็เรียก น้องชล (ชลธี) บ้าง ดีใจนะครับที่มีคนติดตามซีรีส์ ภูมิใจด้วยครับ ก็เหมือนที่พี่ป๊อดบอก เมื่อมีคนรู้จักเราเพิ่มขึ้นหรือคาดหวังในตัวเรามากขึ้น ก็ต้องยิ่งพัฒนาตัวเอง หรือคิดมากขึ้นจากเมื่อก่อนที่เราอาจจะปล่อยปะละเลยไปบ้าง ตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว เราต้องจัดระเบียบให้ตัวเอง เพราะผมต้องเรียนไปด้วยทำงานด้วย”
ฝากซีรีส์หน่อย กำลังสนุกเลย
ป๊อด : “ฝากติดตามกันด้วยนะครับ ซีรีส์เรื่องนี้นอกจากจะตลกและเฮฮาแล้ว ยังมีเรื่องครอบครัว เดี่ยวจะค่อยๆบอกว่าทำไม ต้นหล ถึงเป็นแบบนี้ ที่บอกว่าต้นหลบื้อเนี่ย หลังๆอาจจะสงสารก็ได้นะครับ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามพวกเราและชื่นชอบพวกเรา (ยิ้ม) มีโอกาสหวังว่าเราจะได้เจอกันนะครับ”
ข้าวตัง : “สงสารผมนี่ ชลธีโดนกระทำเถอะ โดนทำร้ายจิตใจ ทำร้ายความรู้สึก (หัวเราะ) คือเดี๋ยวจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆครับ อาจจะเห็นชลธีก้แค้นต้นหลก็ได้ ฝากติดตามด้วยนะครับ เจอกันข้างนอกก็ทักทายกันได้นะครับ”
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline