“แพรวา” รับเลิก “หน่อง ธนา” เฮิร์ตหนักจบทั้งที่ยังรัก ยันไม่เกี่ยวมือที่สาม


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ดาราและนักร้องสาว “แพรวา – ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์” รับเลิก “หน่อง - ธนา ฉัตรบริรักษ์” ตั้งแต่เดินมีนาคมที่ผ่านมา เหตุเข้ากันไม่ได้ พยายามปรับมาหลายครั้งแล้ว บอกเฮิร์ตหนัก เพราะตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ในวันที่ยังรักกันอยู่ เคลียร์ชัดไม่มีเรื่องมือที่สามมาเกี่ยวข้อง

“แพรวา” รับสนิท “หน่อง ธนา” โบ้ยถามสถานะฝ่ายชาย

ครอบครัวไฟเขียว “หน่อง – แพรวา” แฮปปี้รักลงตัว

เรียกว่าเป็นประเด็นที่ถูกจับตาในโลกโซเชียล สำหรับความสัมพันธ์ของนักแสดงและนักร้องสาว แพรวา – ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ กับนักแสดงหนุ่ม หน่อง - ธนา ฉัตรบริรักษ์ น้องชายของ “บอย ปกรณ์” ที่ช่วงหลังมานี้นอกจากจะไร้โมเมนต์สวีตเหมือนที่ผ่านมาแล้ว ทั้งคู่ยังโพสต์เสร้าคล้ายรักมีปัญหาอีกด้วย จนทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทั้งคู่เลิกรากันแล้วหรือไม่

ล่าสุดวันนี้ (9 พ.ค.65) ทางด้านของ “แพรวา” ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว ยอมรับว่าตัดสินใจจบความสัมพันธ์แบบคู่รักกันแล้ว โดยเผยว่า 

ความสัมพันธ์ของเรากับ "หน่อง"? 

“เราจบความสัมพันธ์กันแล้วค่ะ ตั้งแต่ 19 มีนาคมค่ะ เราเข้ากันไม่ได้ค่ะ หมายถึงว่าเราพยายามปรับกันแล้วมาหลายรอบ แล้วมันถึงจุดที่รู้สึกว่ามันไม่มีทางไปต่อแล้ว”

ก่อนหน้าคู่เราดูเหมือนจะเข้าขากันได้ดี?

“ใช่ค่ะ แต่ว่ามันก็จะมี..คือทุกความสัมพันธ์หนูรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของคนสองคนมันไม่สามารถที่จะเข้าขากันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ขนาดนั้น ยกเว้นเราจะเป็นเนื้อคู่เกิดมาเพื่อกันและกัน ต้องมีการปรับกันอยู่แล้ว เหมือนเราพยายามกันมาถึงสุดทางแล้ว อย่างเช่นอะไรเหรอคะ มันเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่ว่าเหมือนต่างฝ่ายต่างปรับให้กัน ลองปรับแล้วมันก็ยังไม่ได้ค่ะ”

เป็นเรื่องของเวลาด้วยไหม เหมือนเคยบอกไม่ค่อยได้เจอกัน?

“อ๋อ เรื่องเวลาไม่ใช่ค่ะ พอเราทำงานตรงนี้ด้วยกัน เขาไปทำงานเราก็เข้าใจ เราไปทำงานเขาก็เข้าใจ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องของเวลา (เรื่องของไลฟ์สไตล์?) ใช่ค่ะ”

ตัดสินในยากไหมเพราะเราคุยกันมาสักพัก แล้วต้องมาลดความสัมพันธ์?

“หนูรู้สึกว่าเป็นครั้งที่ยากที่สุดตั้งแต่หนูมีความสัมพันธ์มา คือมันยากตรงที่ว่าหนูรู้สึกว่าการจะจบความสัมพันธ์กับใครสักคนโดยที่เรายังรู้สึกรักเขามากๆ มันยากมากเหมือนกัน มันก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมหนูเพิ่งจะบอกให้ทุกคนทราบว่าหนูจบความสัมพันธ์กับเขาแล้ว เพราะว่าก่อนหน้านี้หนูค่อนข้างอ่อนแอมาก แต่ว่าเราไม่ได้อยากจะโชว์ให้ทุกคนเห็น ก็เลยรอวันที่เราโอเคว่าเราพร้อมจะพูดแล้ว (เราเป็นฝ่ายขอเดินออกมา?) ใช่ค่ะ”

วันที่เราไปพูดกับเขาว่าเราอยากจะออกมา เขาว่ายังไงบ้าง?

“คือก่อนหน้าที่เราจะสู้กันครั้งสุดท้าย เกิดการคุยและตกลงกันแล้วว่าโอเคเราลองมาปรับกันอีกรอบนึง ถ้ามันไม่ได้รอบนี้คือมันไม่ได้แล้ว เพราะเราปรับกันมาเยอะมากๆแล้ว ก็เลยตกลงกันว่าอันนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายนะที่เราจะลองปรับกัน ถ้าไม่ได้มันก็คือเราเข้ากันไม่ได้จริงๆ (พยายามที่สุดแล้ว?) ใช่ค่ะ”

ตอนที่คุยกันเขาว่ายังไง เขาพร้อมเหมือนกันไหม เขาคิดตรงกับเราหรือเปล่า?

“วันนั้นพร้อมกันนะคะ แต่หนูไม่รู้ว่าวันที่แยกกันไปสภาพจิตใจเขาเป็นยังไง เพราะว่าตัวหนูเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน แต่เราก็ได้มีการถามเพื่อนเขาว่าช่วยฝากดูหน่อยว่าเป็นยังไง เพราะเรารู้ว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บ ซึ่งก็เหมือนเรา เรารู้ว่าเขาคงไม่ไหวแหละ เพราะขนาดเราพยายามที่จะเข้มแข็งเรายังไม่ไหวเลย”

ทำไมเลือกตัดไฟแต่ต้นลม เพราะยังดูรักกันมากๆ?

“ใช่ค่ะ นั่นคือเรื่องยากที่จะจบความสัมพันธ์กับใครสักคนนึง”

ทำไมไม่สู้กันอีก?

“เพราะมันเกิดการสู้มาเยอะแล้ว และหนูรู้สึกว่าทุกครั้งที่เราพยายามสู้เพื่อกันและกันมันทำร้ายกันทั้งคู่ และมันทำให้เขาก็เจ็บ หนูก็เจ็บค่ะ มันเลยรู้สึกว่าหนูไม่อยากให้ถึงวันที่เราทั้งสองคนต้องเจ็บจนจะตายหรือว่าเราจะเกลียดกันไปเลย”

จบกันด้วยดีไหม ยังคุยกันได้ไหม?

“คุยกันได้ค่ะ”

หลังจากตัดสินใจมีโอกาสได้คุยหรือเจอกันบ้างไหม?

“ไม่มีเลยค่ะ เพราะว่าคือหนูอยากทักไปถามเขาว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ด้วยความที่เราเลิกกันด้วยความที่เรายังรักกันมากๆ การที่เราจะทักไปมันค่อนข้างยากสำหรับหนูมากๆ แล้วหนูคิดว่าคงยากสำหรับเขาเหมือนกัน ถ้าเราจะมาคุยกันโดยที่เรายังรักกัน แต่ว่าเราต้องเลิกกันค่ะ (ยังไม่ได้คุยกันเลย?) ใช่ค่ะ”

ณ วันนี้จิตใจเรามูฟออนมากขนาดไหน?

“เรียกว่าดีขึ้นกว่าเดือนที่แล้วค่ะ เพราะเดือนที่แล้วค่อนข้างแย่ ก็ยังมีร้องไห้บ้าง ก็ขึ้นๆลงๆแล้วแต่วัน (เฮิร์ตหนัก?) ใช่ค่ะ”

สิ่งที่อยากจะพูดเพราะอะไร เพราคนตีความหรือเกิดจากอะไร?

“อย่างแรกหนูก็อยากแฟร์กับทุกคนเหมือนกันที่ทุกคนสงสัยว่าเราได้เลิกกันไหม เพราะตอนที่เราคบกันเราก็ประกาศให้ทุกคนรู้ พอเราเลิกกันหนูก็อยากจะแฟร์กับทุกคนเหมือนกันว่าเราเลิกกันแล้วนะ แต่แค่ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้ออกมา ต้องขอโทษทุกคนด้วยจริงๆ เพราะไม่สามารถจัดการตัวเองได้จริงๆ ก็เลยอยากจะออกมาบอกว่าโอเคตอนนี้เราจบความสัมพันธ์กันแล้ว และก็อยากจะให้เรื่องนี้มันจบ เพราะมันมีการโจมตีแต่ละฝ่าย หนูรู้สึกว่าไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นค่ะ เพราะการเลิกกันมันไม่มีใครผิด”

ยืนยันไม่มีมือที่สามหรือคนอื่นมาเกี่ยวข้อง?

“ใช่ค่ะ ลำพังสองคนก็ปรับกันจะแย่แล้ว มีมือที่สามอีกมันคงแย่ไปใหญ่ เอาตัวไม่รอดเลย”

ความสัมพันธ์ที่ผ่านมามันดีกับเรายังไงบ้าง?

“คือที่ผ่านมารู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดี ถ้าตอนนี้ย้อนเวลากลับไปได้ก็ไม่เสียใจที่ได้คบกับเขา”

รู้สึกว่ามันจบไวไปไหม?

“ก็ไม่ได้ไวไปและไม่ได้ช้าจนเกินไป เรารู้สึกว่าเราได้ทำเต็มที่แล้วในฐานะคนๆนึงที่รักอีกคนนึงแล้วในความสัมพันธ์”

มีความรู้สึกแว๊บๆอยากจะกลับไปคืนดีกันไหม ในช่วง 2 เดือนที่ไม่ได้คุยกัน?

“โอกาสจะกลับมารีเทิร์นให้เป็นเรื่องของอนาคต แค่ตอนนี้เวลาที่เราจะเจอกันเหมือนมันยังไม่ใช่ แต่ถ้าในอนาคต 5 ปี 10 ปี แล้วกลับมาเจอกันในเวลาที่ใช่ มันก็อาจจะใช่”

ไลฟ์สไตล์ที่ว่าคือเรื่องของความติสต์ของเขา?

“พี่หน่องเขาไม่ได้เป็นคนติสต์ มันอาจจะมีเรื่องเล็กๆน้อยๆในนิสัยของเราที่เราอาจจะรับเขาไม่ได้ หรือเขาอาจจะรับเราไม่ได้ มันเป็นเรื่องปกติมากๆของความสัมพันธ์ ที่มันก็มีเล็กๆน้อยๆยิบย่อยมาเรื่อยๆ”

เป็นปัญหาสะสม?

“มันไม่เชิงเป็นปัญหาสะสม คนเรามันเปลี่ยนทุกวัน วันนี้เราเป็นอย่างนี้ พรุ่งนี้เราก็เป็นอีกแบบนึง มันเลยเหมือนเราค่อยๆปรับกันมาเรื่อยๆ แต่ตอนนี้มันเหมือนค่อนข้างที่จะสุดทางแล้วเปรียบเทียบว่าเราเหมือนจิ๊กซอร์ชิ้นนึง แล้วพี่หน่องเขาเป็นจิ๊กซอร์อีกชิ้นนึง แต่เราไม่ใช่จิ๊กซอร์ที่แมชท์กันได้ในตอนนี้ ถ้าเราจะแมชท์กันได้เราต้องหักชิ้นส่วนของเรา และเขาก็ต้องหักชิ้นส่วนของเขา ซึ่งเรารู้สึกว่ามันก็จะเจ็บปวดทั้งคู่”

อายุ ช่องว่างระหว่างวัยมีส่วน?

“ช่องว่างระหว่างวัยไม่ได้ขนาดนั้น จากที่คบกันมาเราก็เล่นเกมด้วยกัน เราปรึกษางานกันได้ เราเป็นคนที่ค่อนข้างจะโตกว่าอายุ และตัวเขาเองก็สามารถมาเล่นเกมกับเราได้เลยรู้สึกว่าช่องว่างระหว่างวัยไม่ใช่ปัญหา”

คนรอบข้างตกใจไหม?

“เพื่อนสนิทตกใจ เพราะจริงๆเวลาที่เรามีปัญหากัน ไม่ว่าเขาจะมีปัญหากับเราหรือเรามีปัญหากับเขา จะมีคนน้อยมากที่รู้ ถ้าเป็นตัวเรา ถ้าเรามีปัญหากับเขาจะปรึกษากับผู้จัดการ ถ้าเผื่อเราเป็นอะไรไป ไม่สามารถไปทำงานได้ เขาควรจะเป็นคนแรกที่รับรู้ว่าโอเค มีเรื่องนี้เกิดขึ้นนะ เราเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานอาจจะไม่เต็มร้อยเพราะเรื่องนี้ ก็อยากให้เขาทราบไว้ก่อน”

คบกันมานานแค่ไหน?

“น่าจะ 2 ปี ไม่เสียดายเวลาเลย ดีใจด้วยซ้ำที่เราได้คบกับเขา”

ช่วงที่เฮิร์ตมีกระทบงานไหม?

“ไม่กระทบเลย คือเราสามารถสวิตช์ในส่วนของงาน แต่พอเลิกงานขึ้นรถเมื่อไหร่ก็คือแย่เลย”

ที่มีภาพเราไปเที่ยวทะเลกับอดีตคนรักเก่า?

“ไปเที่ยวทะเลกับ “พลัสเตอร์” (พลัสเตอร์ พรพิพัฒน์) ซึ่งพลัสเตอร์ไม่น่าจะเป็นคนรักเราได้ ไม่ได้ไปกับ “จอส” (จอส เอวาห์) ทริปนั้นไปกับผู้จัดการแล้วก็พลัสเตอร์ ซึ่งเขาเป็นทั้งเพื่อนและญาติเรา เป็นคนข้างตัวที่สนิท เวลาที่เรามีเรื่องอะไรเขาค่อนข้างเป็นที่ปรึกษาได้ดี ด่าได้ตรงมากเลยค่อนข้างคลิกกันมาก

แล้วกับเคสเตะบอลจริงๆเราอยู่ทีม “มันเดย์ไนท์” มานานแล้วก่อนที่จะคบกับพี่หน่อง พอเราคบกับพี่หน่องก็รู้สึกว่าเราให้เกียรติเขาโดยการไม่ไปแตะบอล เพราะว่าเรารู้สึกว่าผู้ชายมันเยอะ เราเลยไม่ไป พอเลิกเรารู้สึกว่าเราต้องการกิจกรรมให้เราดีขึ้น ซึ่งสำหรับหนูคือการออกกำลังกายการใช้แรง จะได้ไม่ต้องคิดอะไร ก็กลับไปแตะบอล อีกเคสที่กลับไปเจอแฟนเก่าคือ “พี่บี๊บ” (บี๊บ rooftop) หนูกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน หนูเป็นคนที่เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ สำหรับหนูรู้สึกว่าแฟนเก่าก็คือคนๆหนึ่งที่รู้จักเราดี ในช่วงเวลาหนึ่งของเรา เขาสามารถเป็นที่ปรึกษาเราได้ ซึ่งระหว่างหนูกับพี่บี๊บไม่มีอะไร”

มีข่าวลือว่าเราเลิกกับ “หน่อง” แล้วกลับไปคบกับแฟนเก่า?

“ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น (หัวเราะ) เพราะว่าหนูนับถือเขาเป็นพี่”

เราได้คุยกับ “บี๊บ” ไหม?

“มีคุยค่ะ ก็บอกเขาว่ากลับมาแตะบอล เขาก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม ก็เหมือนได้เคลียร์ใจเรื่องต่างๆ มากขึ้น”

กับ “หน่อง” ก็จะได้กลับมาเป็นเพื่อนกันได้?

“ใช่ค่ะ แล้วหนูจะยินดีมากถ้าเราเป็นแบบนั้นได้ แต่แค่ตอนนี้มันเหมือนสภาพจิตใจทั้งคู่น่าจะไม่ไหวกัน”

แต่กับ “บี๊บ” คือไม่มีทาง กลับมาเป็นเหมือนเดิม?

“ใช่ค่ะ ไม่มีทาง (หัวเราะ)”

กับความรักครั้งนี้ได้มุมมองในเรื่องความรักอะไรไหม

“หนูว่าก็เยอะแต่ถ้าลิสต์เป็นข้อก็น่าจะยา กแต่ว่าถ้าพูดโดยรวมคือหนูขอบคุณที่ครั้งหนึ่งเราได้เรียนรู้กัน หนูดีใจที่ครั้งหนึ่งได้คบกับพี่หน่อง”

ตอนนี้ยังรัก “หน่อง” อยู่ไหม?

“ยังรักในฐานะพี่คนหนึ่งค่ะ คือพอเราเคยคบกันแล้วตอนนี้เลิกไปแล้ว เวลาเขามีงานอะไรหรือได้อะไรหนูก็จะยินดีกับเขามากๆถ้าเขาเสียใจหนูก็คงรู้สึกว่าเป็นห่วงเขาแหละ”

ถ้าเขาเฮิร์ตอยู่ตอนนี้ เราอยากให้กำลังใจอะไรเขาไหม?

“หนูรู้สึกว่าหนูไม่กล้าที่จะเอาตัวเองเป็นคนให้กำลังใจเขา เพราะว่าเรื่องเขาเฮิร์ตมันคือเรื่องของเรา หนูเลยรู้สึกว่าก็อยากฝากเพื่อนเขา คุณแม่หรือเฮียบอย พี่ภัทร น้องวันใหม่ แล้วก็อี๊ มากกว่าว่าให้ดูแลเขา เพราะหนูรู้สึกว่าหนูไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะไปทำแบบนั้นเพราะว่ามันคือเรื่องของเราเหมือนกัน”

เราเองมูฟออนได้หรือยัง?

“กลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ หนูก็ถือว่าหนูมูฟออนได้ แค่มันจะออนเอฟนิดนึง แบบบางวันอาจจะมีความรู้สึกอุ้ย หรือบางวันอาจจะดีเลย แต่ก็ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตแบบวันต่อวันค่ะ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อวานให้ผู้จัดการฝากจดหมายถึงพี่ๆนักข่าว ขอโทษค่ะ (ยกมือไหว้)”

จากนี้จะไปต่อเลยไหมหรือพักใจก่อน?

“ตอบยากเพราะหนูก็รู้สึกว่าหนูไม่ได้ปิดแล้วก็ไม่ได้เปิด แต่ถ้าใครจะเข้ามาก็ตอนนี้หนูค่อนข้างก็เป็นกำแพงแต่ว่าไม่ใช่กำแพงที่..ตอนนี้หนูค่อยข้างรักตัวเองค่อนข้างสูง ถ้าจะเข้ามาก็อาจจะสู้หน่อย”

คนรอบข้างให้กำลังใจเราบ้าง?

“หลักๆ ก็เพื่อนๆ แต่หลักที่สุดก็น่าจะเป็นผู้จัดการเพราะว่าวันที่หนูเลิกหนูก็ต้องการไปเดี๋ยวหนูเลยจากกรุงเทพฯ ไปทะเล เขาก็ต้องไปด้วย (หัวเราะ) ที่หนูไม่ได้โพสต์อะไรเพราะหนูรู้สึกว่าเวลาที่หนูเศร้าหนูไม่ชอบให้คนอื่นมาเห็นเพราะหนูรู้สึกว่าทุกคนคงมีเรื่องหนักใจของตัวเอง เราก็ไม่อยากเอาเรื่องของเราไปใส่เอนเนอร์จี้ให้ใครก็เลยไม่ค่อยได้โพสต์เรื่องเศร้า”

แล้วถ้าคนที่จะเข้ามาต้องเป็นแบบไหน?

“ถ้าสเปกไม่มีแล้ว (หัวเราะ) หมายถึงว่าปีนี้หนู 27 แล้ว หนูรู้สึกว่าเข้ามาได้หมดเลย (ยิ้ม) แค่แบบลองดู หมายถึงว่าโอเพ่นฟอร์ออลอะไรแบบนี้”

ขอบคุณ IG nichaphatc , hanongh

 

 

 

 

 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ