“ไอซ์ อภิษฎา” เปิดใจจุดเปลี่ยนความรัก ล่มงานวิวาห์ เคลียร์ประเด็นถูกมองของเล่นไฮโซ

“ชมพู่ - ไอซ์” นำทีมระดมทุนจัดซื้อหุ่นยนต์ “น้องปิ่นโต” ช่วยบุคลากรทางการแพทย์

ความฮาบังเกิด “สิตางศุ์ บัวทอง” ปะทะ “ไอซ์ อภิษฎา” เผยถูกทักญาติกันหรือเปล่า?

เป็นดาราสาวเจ้าเสน่ห์ สำหรับ ไอซ์ - อภิษฎา เครือคงคา ที่มักจะถูกจับตาเรื่องความรักไม่น้อยเลยทีเดียว ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้มาเปิดใจเล่าปมความรัก พร้อมเคลียร์ประเด็นล่มงานวิวาห์และถูกมองเป็นของเล่นไฮโซ ใน มารีฝากไว้ให้คิด ทางยูทูบ One Playground

ซึ่ง ไอซ์ ได้เผยว่า “ความรักตอนนี้มีคนเข้ามาบ้าง มีบ้างๆ (ยิ้ม) ส่วนกระแสที่มีข่าวว่าเป็นผู้หญิงที่ต้องคู่กับไฮโซนั้น เป็นคำถามที่น่าเบื่อมากสำหรับเรานะ ข่าวนี้มีมาตั้งแต่เข้าวงการจนถึงทุกวันนี้ ‘รู้สึกยังไงบ้างที่ถูกมองเป็นของเล่นไฮโซ’ 

จนมีครั้งนึงที่เราเคยตอบว่า แล้วไม่คิดว่าเขาเป็นของเล่นหนูบ้างเหรอคะ (ยิ้ม) ซึ่งคำถามนี้ตอนเด็กเราก็ตอบไม่ได้หรอกนะ คือเขาเป็นคนเลือกมาจีบเราก่อน แล้วเราเป็นแค่คนที่ดูว่าโอเคมั้ย แล้วก็ชอบกันและกัน เราว่านะมันเป็นเรื่องปกติของคนยุคนี้ ถ้าเราไม่ได้มองแบบโลกสวย เราก็ต้องการคนที่ดูแลตัวเองได้และเขาก็ต้องการคนที่ดูแลตัวเองได้เช่นเดียวกัน เราว่าตอนนี้ต้องดูแลให้ตัวเองให้ได้ดีทั้งคู่ แล้วเลือกคนที่มีไลฟ์สไตล์ใกล้ๆกัน

โดยสัญชาตญาณของเรานะ เราไม่เคยไปอ่อยใครก่อนเลย เราไม่เคยชอบใครก่อน ต้องเริ่มจากศูนย์ มีช่วงนึงคือโสด เพื่อนบอกเปิดไอจีเลยชอบใครแบบไหนจิ้มสเปกมาหน่อย เพราะแฟนแต่ละคนเดาไม่ออกว่าชอบแบบไหน เราดูแล้วก็ไม่มีอะ คือต้องเข้ามาจีบก่อนแล้วมีอะไรสักอย่างทำให้เราชอบ บางคนในชีวิตที่เข้ามาเห็นรูปตอนแรกบอกไม่เอา แต่พอเข้ามาแล้วมีอะไรบางอย่างที่ถ้าเรามองลึกๆมันจะต้องมีอะไรที่สปาร์ก ที่เราชอบ อยู่ดีๆจะมาทักเราทางดีเอ็มก็ไม่ใช่ เป็นคนที่เป็นเพื่อนของเพื่อนหรือเป็นคนที่สามารถเข้ามากินข้าวโต๊ะเดียวกันได้ ตัดเรื่องไฮโซไป

ถ้านับในชีวิตเลยก็มีแฟนมาแล้ว 6 คน ถามว่าบอกเลิกเขาทุกคนมั้ย ก็ไม่ถึงขั้นนั้น อันนั้นก็ดูสวยไป ส่วนมากจะคุยกัน ไม่มีการเลิกกันแล้วเราเกลียดกัน เพราะทุกอย่างมันมีเหตุผล คือเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้จริงๆเลยนะ กับคนล่าสุดก็เป็นเพื่อนกันได้

คือสมมติเพิ่งเลิกกันแล้วเป็นเพื่อนกันเลยมันอาจจะยากจริงๆ แต่ตอนนี้ด้วยเวลามันผ่านมานานแล้ว ก็เป็นเพื่อนกันได้ แต่ไม่ใช่ว่า ‘กินข้าวกันปะ แกไปไหน’ คำว่าเป็นเพื่อนไม่ได้แปลว่ากลับมาสนิทกันเหมือนเดิม แต่คือเรายังมีมิตรภาพดีๆกันได้”

จากนั้น “ไอซ์” เล่าต่อว่า “การเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวกับความสัมพันธ์คู่เป็นอะไรที่ยากที่สุด แล้วก็ไม่ให้เกียรติคู่ของเรามากที่สุด ถามว่าคนรอบข้างไม่มีสิทธิก้าวก่ายเรื่องความรักมั้ยเหรอ ไม่มี (ลากเสียงยาว) เราไม่ใช่คนที่รู้อะไรแล้วเลิก ถ้าจะเลิกต้องเป็นวันที่เราพร้อมด้วย ก็เลิกวันที่เราตัดสินใจว่ามันไม่ได้แล้ว ไม่ใช่ด้วยอารมณ์ เรื่องความรักต่อให้คนมาพูด เราอยากคบก็คือคบ แต่ถ้าวันนึงเราอยากเลิก มาพูดยังไงก็เลิก เอาตัวเองเป็นใหญ่เรื่องความรัก เรามีกรอบของเรา ถ้าเขาทำให้เรารู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว เธอไม่ใช่แล้ว คนเคยถามว่าถ้ามีนอกใจจะเลิกมั้ย เราก็ตอบไม่ได้เพราะเราเคยทั้งเลิกและไม่เลิก มันต้องดูว่าคุ้มมั้ยที่จะให้อภัย

และส่วนตัวมองว่าการแต่งงานไม่ได้การันตีเรื่องความรัก มันไม่ได้เลย มันเป็นแค่วันๆนึง ไม่ได้อินกับการแต่งงาน ถ้าสมมติเราต้องไปแต่งงานยังคิดเลยว่าถ้าจะต้องยืน ต้องยิ้ม ใส่ชุด ละตอนพูดสปีชก็ไม่มีใครฟัง คนที่เห็นว่ามีความสุขในวันนั้น คือพวกเป็นผู้ใหญ่ วัยรุ่นก็จะสนุกๆปาร์ตี้กัน

ส่วนเรื่องการจดทะเบียนใช้ชีวิตคู่ เมื่อก่อนเราให้ความสำคัญมาก รู้สึกว่าเขาเลือกเรานะ เราให้เกียรติซึ่งกันและกันนะ และมีคนนึงพูดว่าแล้วมันต่างอะไรกับการที่ถ้าคนจะไม่เอาก็แค่หย่า ต่อให้คุณมีทะเบียนสมรส วันนึงเขาจะไปเขาก็ไปได้อยู่ดี แค่ไปเซ็นในการหย่า การมีทะเบียนแล้วทำให้ไม่มีผู้หญิงคนอื่นเข้ามา ยุคนี้มันไม่ใช่ หรือต่อให้บอกว่า ไม่ ฉันจะไม่เซ็นหย่า แต่เขาก็ไปอยู่ดี เขาไปอยู่กับคนอื่น วันนึงก็ช้ำใจอยู่ดี ไม่มีอะไรการันตีเรื่องความรักได้เลย

อย่าเอาเรื่องอายุมาตัดสินเรื่องแต่งงาน เพราะถ้าวันนี้เราเลือกคนนี้เพราะคิดว่าอายุเยะแล้ว สมมติแต่งแล้วไปไม่รอดมันยากกว่าเป็นคนโสดแล้ววันนึงได้แต่งงาน สังคมไทยยังไม่เปิด 100 เปอร์เซ็นต์กับผู้หญิงที่หย่าแล้ว”

เมื่อถูกถามว่าที่ล่มงานวิวาห์เพราะคิดแบบนี้มั้ย? “ไอซ์” ตอบว่า “ใช่ คือเรามองว่าปัญหามีอะไร ไม่มองว่าอายุเท่านี้แต่งๆไปเถอะ แล้วค่อยว่ากันอีกที มีเซ้นส์ข้างในเองที่แบบ..เอาจริงเปล่า? ถ้าไปลุยนะ แล้วไปต่อนะ ถ้าแต่งงานก็ต้องมีครอบครัวนะ แต่ถ้ายังไม่แน่ใจอะไรอยู่ ก็หยุดก่อนก็ได้ เรายังไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้

วันที่ตัดสินใจจะเลิก พอเห็นปัญหาเออ..อยากเลิก แล้วคนจะว่ายังไงบ้าง เดี๋ยวกลายเป็นผู้หญิงดูไม่สวย คนจะด่า โน่นนี่ อยู่ดีๆก็คิดขึ้นมาว่าทำไมไม่ถามตัวเองว่าเราจะไปต่อเพราะเสียงคนอื่นหรือว่าอะไร ก็เลยมาฟังเสียงตัวเองว่าจะเอายังไง จะเสียใจมั้ย มองผ่านไปข้างหน้าแล้วถ้าสมมติชีวิตนี้จะไม่ได้เจอผู้ชายที่เราคิดว่าอยากแต่งงานด้วยอย่างนี้อีกจะเป็นยังไง

คืออันนั้นเป็นประสบการณ์ชีวิตที่เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรารู้สึกว่าเห็นความไม่สมบูรณ์กับความรักมากขึ้น ถ้าตอนนั้นเราโตขนาดนี้ มีความคิดขนาดนี้เราอาจจะไม่ตัดสินใจแบบนั้นก็ได้ เราเคยคิดว่าทุกอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ตั้งแต่เกิดเราจะไม่ขอเปลี่ยนอะไรเลย วันนี้ก็รู้สึกขอบคุณ ตอนนี้เราชอบชีวิตแบบนี้ ถ้าไม่มีตรงนั้น เราอาจจะไม่ได้เป็นตัวเองในวันนี้”

รถด่วนขบวนสุดท้ายมีจริงมั้ย? เมื่อถูกถามแบบนี้ “ไอซ์” บอกว่า “ไม่เคยกลัวเลยนะว่าจะไม่มีใคร ถ้าสมมติอายุเท่านี้ เขาบอกว่าจะมีลูกไม่ได้แล้วนะ คือวันนึงถ้าเราตั้งโฟกัสว่าจะหาสามี พ่อของลูกมันเลยเยอะไปหมด ถ้าตัดเรื่องตรงนี้ออกไปแล้วเราลองคิดดีๆ ถ้าเราไม่ใช่คนแย่ขนาดนั้น เราจะไม่มีใครข้างกายเลยเหรอ”

ส่วนเรื่องความรักตอนนี้ “ไอซ์” เล่าว่า “ยังไม่มีถึงขั้นที่จะเปิดเผยหรือมีอะไรที่อยากจะอัปเดต ด้วยความที่ประสบการณ์ เราเข้าใจดารา คนอย่าเพิ่งด่าดาราว่าทำไมไม่บอก มันยังไม่ชัวร์จริงๆ สมมติว่าไปไม่รอด คนก็จะแบบเปลี่ยนแฟนอีกแล้วเหรอ ถามว่าอยากมีความรัก อยากแต่งงานมั้ย ก็อยากค่ะ ทุกคนอยากค่ะ”

ขอบคุณภาพ "มารีฝากไว้ให้คิด" , IG apitsada