ฮาได้อีก “ป๋อ ณัฐวุฒิ” อวดภาพอยากโคฟเป็น “เต๋า สมชาย” เล่นใหญ่ จนต้นฉบับยังมาคอมเมนต์
มิตรภาพคู่จิ้นยุค90 “เต๋า สมชาย” ยกเค้กเซอร์ไพรส์วันเกิด “นุ๊ก สุทธิดา” น่ารักมาก
ออกมาแชร์ประสบการณ์ สำหรับนักร้องชื่อและนักแสดงดังยุค 90 “เต๋า – สมชาย เข็มกลัด” ที่เคยบาดเจ็บเรื้องรังจากการเตะฟุตบอล หวิดเดินไม่ได้จนต้องเข้ารับการผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด พร้อมอัปเดตผลงานปัจจุบันและการทำหน้าที่คุณพ่อลูกสอง
โดย “เต๋า” เริ่มเล่าว่า “ตอนนี้มีละคร 5 - 6 เรื่อง เนื่องจากรับไว้ช่วงโควิดแล้วก็เลื่อนๆมา เวลานอกเหนือจากการทำงานก็จะลุยซ้อม ไตรกีฬา อินหนักมาก จริง ๆก่อนหน้านี้อย่างที่ทราบกันว่าจะเตะฟุตบอล สมัยก่อนบ้านอยู่สนามบอลท่าเรือ
เรียนโรงเรียนท่าเรือวิทยา พอ ม.1ก็มาเข้าเทพศิรินทร์ฯ แล้วก็เป็นนักบอลตัวโรงเรียนแล้วก็ยาวมาถึงเยาวชนแห่งชาติรุ่นเดียวกับ “ซิโก้” (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) พอช่วงที่ทุกคนไปช้างเผือกไปเรียนมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้ผมกำลังจะเป็นดาราก็เลยขออนุญาตไปเป็นดารา แต่เพื่อนๆก็ไปเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ
แต่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นนักบอลอาชีพ แต่ก็เล่นอยู่ประจำมีบอลการกุศลก็ไปเตะ แล้วอยู่ในทีมสิงห์ ออล สตาร์ สุดท้ายก็ต้องพักไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บสะสมจากการเตะฟุตบอลตั้งแต่สมัยวัยรุ่น จนเกิดอาการเอ็นไขว้หน้าซ้ายมันขาด หมอจะให้ผ่าแต่ไม่ยอมผ่า จนเกิดอาการบาดเจ็บเรื้อรัง จนสุดท้ายเมื่อตอนอายุ40 ปี ก็เมื่อ 8 ปีที่แล้วมันทำให้ผมเดินไม่ได้ เข่าบวม เลยไปหาคุณหมอเอ็กซเรย์ หมอถามว่าอายุเท่าไหร่? ผมบอก 40 ปี คุณหมอบอกว่าแต่ข้อเข่าคุณเหมือนคนอายุ 70 ปี
หมอบอกเลยที่เห็นเลยคือเอ็นไขว้หน้าทั้ง 2 ข้างฉีกขาด กระดูกหัวเข่าแตก เพราะเกิดจากที่ข้อเข่าเสื่อม และเราใช้ๆมัน พอเราวิ่งทำให้กระดูกหัวเข่าแตก คำแรกที่คุณหมอบอกคือ คุณต้องเลิกเล่นฟุตบอล โอ้โห! แล้วชีวิตทั้งชีวิตเกิดมากับสนามฟุตบอล รู้สึกว่าเลิกอะไรไม่ได้จริงๆ และหาวิธีการที่จะทำอะไรได้ไหม ก็เปลี่ยนใส่ข้อเข่าเทียม ก็มีการอธิบายว่าเอาไว้ใช้เดินไมได้เอาไว้ใช้วิ่งหรือเตะฟุตบอล ต้องเลิก แต่ถ้าอยากทำให้ดีขึ้นก็ต้องกายภาพบำบัด ผมก็ต้องลงทำก็ทำอยู่ 6 เดือน แล้วพอดีขึ้นก็เริ่มวิ่งจ๊อกกิ้งได้แล้วค่อยๆเพิ่มระดับ จนมาลงวิ่งฮาล์ฟมาราธอน (Half Marathon) วิ่งไป 12 ฮาล์ฟ แล้วมาเริ่มขี่จักรยาน จนสุดท้ายเหลือการว่ายน้ำ เพื่อนผมที่เป็นโค้ชกีฬาพายเรือ ก็แนะนำเรื่องการว่ายน้ำ จนสุดท้ายมาลง ไตรกีฬา การออกกำลังกายสำหรับผมเหมือนการชาเลนจ์ตัวเอง สิ่งสำคัญคือ “แข่งกับตัวเอง” คอนเซ็ปต์ของผมคือ Fight to the best ต้องสู้”
นอกจากนั้นเจ้าตัวยังเล่าในมุมของคุณพ่อ ที่ส่งเสริมลูกๆทั้ง 2 สองทำในสิ่งที่ชอบด้วย แต่มีข้อแม้ว่าครึ่งนึงต้องเอาวิชาการและอีกครึ่งนึงเอาทางเลือกอยากทำอะไรทำ ทั้งกีฬา ศิลปะ และดนตรี ซึ่งตอนนี้ “น้องสมใจ” เป็นนักกีฬาของโรงเรียนเล่นโปโลน้ำ เพราะผมปลูกฝังให้เขาสองคนเป็นักว่ายน้ำ ให้ว่ายน้ำเป็นเพราะจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้เวลาไปไหนมาไหน และผมก็ประเมินจากชีวิตตัวเองที่เป็นนักกีฬาฟุตบอลต้องปะทะบ่อย เลยให้เขาง่ายน้ำเพื่อให้ร่างกายก่อหุ้มด้วยธาราบำบัดแล้วเขาทำได้ดี ส่วน “น้องสุขใจ” ชอบเล่นฟุตบอล เล่นบาสเก็ตบอล ล่าสุดมาขอรองเท้าบาสฯเขาก็บอกว่าอนาคตเผื่อจะได้เป็นตัวโรงเรียน เขาก็ฉลาดพูดแหละ (หัวเราะ) ผมก็พาไปซื้อ
ถ้าถามว่าสองคนนี้ใครฉายแววมาทางวงการบันเทิงเหรอ คือ “น้องสมใจ” ชอบไปกองถ่ายกับผม ก็ชอบให้เขาแต่งหน้า ทำแต่งตัวให้ ส่วน “น้องสุขใจ” ก็ชอบมาดู แล้วตอนนี้ก็ชอบร้องเพลง บอกอยากเป็นเหมือนป๊า ผมก็บอกเอาสิๆ แต่อนาคตเป็นเรื่องของอนาคตแต่ถ้าจะลงลึกและอยากไปให้ไกลกว่านี้ ชอบจริงๆป๊าจะผลักดัน แต่ผมก็บอกเขาว่าต้องทำให้ดีนะ อธิบายเขาสองคนไปพร้อมๆกัน และผมก็จะบอกเขาว่าคนเราชีวิตเกิดมาเป็นคนต้องทำอะไรให้ดีสักอย่าง ไม่เรียนเก่งที่สุด ก็ต้องเล่นกีฬาเก่ง ทำงานเก่งที่สุด เล่นดนตรีเก่งที่สุด หรืออะไรก็ได้ที่เก่งที่สุดในชีวิต
สำหรับความสุขของผม ด้วยพื้นฐานของผมเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว ผมก็บอกลูกว่าผมไมได้เป็นนักกีฬาอย่างเดียวแล้วจะมีความสุข ก็ต้องทำงานหาเงิน คือผมเป็นคนทำงานเลี้ยงทั้งครอบครัว ก็ต้องแบ่งเวลาให้ดี เวลาปักธงมีจุดมุ่งหมายจะทำอะไรสักอย่างจะไม่เหลวไหล”
หวานเวอร์! “แอร์ ภัณฑิลา” ควงเจ้าบ่าว “ไอซ์” ฉลองมงคลสมรส คนบันเทิงร่วมยินดี
เศร้า! ญาติรับศพ “ซันนี่ ยูโฟร์” เผยสาเหตุการเสียชีวิต ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว