“หนิง ปณิตา” เปิดใจทั้งน้ำตา ยอมรับครอบครัวมีปัญหาจริง
“ป้าแมว ดาวพระศุกร์” ขอโทษ “ยุ้ย จีรนันท์” รับโดนทัวร์ลงจนจิตตก ยันไม่ได้เอ่ยชื่อใคร พูดกว้างๆ
หลังจากวานนี้ (28 ก.พ.66) นักแสดงและผู้จัดฯคนเก่ง “หนิง – ปณิตา ธรรมวัฒนะ” น้ำตาซึม ยอมรับมีปัญหาครอบครัว ซึ่งอยู่ระหว่างการแก้ไข แต่ยังอยู่บ้านเดียวกับสามีและยังใช้สถานะเดิม พร้อมย้ำว่าอนาคตไม่ว่าตัดสินใจยังไง ต้องดีที่สุดสำหรับลูก
ล่าสุดวันนี้ (1 มี.ค.66) “หนิง” ได้เปิดใจอีกครั้งในรายการคุยแซ่บshow ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้ในวันที่เจอปัญ โดยเผยว่า
“เมื่อวานต้องขอบคุณพี่ๆ นักข่าว ทุกคนน่ารักมากๆ ไม่คิดว่าจะได้รับความรักจากนักข่าวขนาดนี้ ทุกคนก็เข้าใจ อย่างที่หนิงพูดไปแล้วหนิงให้สัมภาษณ์เมื่อวานค่อนข้างเคลียร์หลายๆ เรื่อง โดยเราเข้าใจการทำงานของพี่ๆ (นักข่าว) ด้วย พี่ๆ น้องๆ ในวงการบันเทิงเขาก็ต้องทำงานของเขา เราก็ปฏิเสธไม่ได้ เราเป็นคนสาธารณะ ก็ต้องตอบ ทุกคนก็ไม่ได้จี้ เข้าใจเรา”
เมื่อวานมีช็อตน้ำตาซึม?
“เวลาเจอข่าวแย่ๆ คนชอบเข้าใจว่าคนที่ไม่สนิทกับเรา แล้วภาพที่เราออกสู่สาธารณะ ออกสู่สังคม เราเป็นผู้หญิงสตรอง ในความจริงคนที่สนิทกับเราจริงๆ จะรู้ว่าเราเป็นคนที่โคตรของโคตรเซ็นซิทีฟเลย แล้วพอเวลาต้องฮึบเพื่อสตรอง มันจะมีจุดดิ่งที่ผิดปกติ แต่เราก็ต้องทำงาน ณ ตรงนั้น เราจะมางอแง วอแว ไม่ให้สัมภาษณ์ก็ไม่ได้ ก็ต้องฮึบๆ”
พูดตลอดว่าให้เมตตา “หนิง” กับลูกสาวด้วย?
“ใช่ จุดนี้เป็นจุดนึงที่ ไม่ต้องเป็นข่าวเรา เวลาที่เราเห็นข่าวแบบนี้ในสังคมทั่วๆ ไป เราก็อยากจะวอนให้สื่อต้องเบาๆ คือสื่อก็มีหลายประเภท สื่อดีๆ น่ารักก็มีเยอะ แต่ก็มีสื่อบางประเภท เพจบางประเภท ที่รู้สึกว่าเอาพาดหัวแรงๆ เอาความสะใจเพื่อเรียกเรตติ้ง เพื่อเรียกอะไรได้ สุดท้ายครอบครัวเขาจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ไง แล้วทุกวันนี้เราต้องยอมรับว่าทุกอย่างถูกวางอยู่ไว้บนโลกโซเชียลที่มันลบอะไรไม่ได้อีกแล้ว แล้วหนิงก็ยังคิดนะว่าไม่มีใครเจตนาร้าย อยากจะเมาท์เรื่องนี้ให้เป็นเรื่องสนุกปากหรอก แต่ว่าความที่อยากจะรู้เรื่องของคนมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว แต่พอเวลาเมาท์ไปเมาท์มา มันก็มีบางสิ่งที่มันอาจจะทำให้เกิดความรู้สึกของคนที่เขาโดน
ความรู้สึกคนอื่นไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญที่สุดของคนเป็นแม่ ที่เขามีคำพูดว่า ‘แม่ยอมตายแทนลูกได้’ มันคือคำนี้เลย มันยากมากนะ ถามว่ามองอีกมุมปัญหาเวลามันเกิดขึ้นมา มันก็ทำให้ตัวเราพัฒนาเป็นคนที่มีสติและมีเหตุผลมากขึ้น พอมีสติเรื่องใหญ่ๆ กลายเป็นเรื่องเล็กได้ แต่ถ้ามันเป็นอคติเมื่อไหร่เรื่องเล็กๆ มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้เช่นเดียวกัน”
เรื่องเราเคลียร์แล้วหรือยัง?
“ก็อย่างที่บอกไปเมื่อวาน มันก็ยังอยู่ในกระบวนการของการแก้ปัญหาอยู่ แต่ถ้าแก้ปัญหาแล้วมันออกมาเป็นยังไง สุดท้ายมันก็คือข้างหน้าที่เราก็ไม่รู้ว่ามันจะยังไง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก”
พอมีข่าวออกมาหลายคนก็เข้ามาให้กำลังใจเยอะ?
“จะได้รับรู้จากที่คนรอบข้างบอกว่าทุกคนให้กำลังใจนะ แต่เชื่อไหมว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แทบจะไม่กลับไปอ่านข่าวอะไรที่เป็นของตัวเองเลย ตั้งแต่อยู่เกาหลีแล้วรู้ว่ามีข่าว ก็ไม่อ่าน จะไม่เสพข่าวนี้ จะไม่อาอะไรก็แล้วแต่ หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิทหลายๆ คน เมื่อวานไลน์กระหน่ำมาก หลายๆ คน รู้เรื่องแค่นิดๆ ไม่มีดีเทล แล้วทุกคนก็ช็อกกันหมดว่าเกิดอะไรขึ้น คือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หนิงรู้สึกว่าถ้าจะผ่านกระบวนการการตัดสินใจอะไรก็แล้วแต่ หนิงจะตัดสินใจและตกตะกอนด้วยตัวหนิงเอง แต่หนิงจะไม่เอาคนนี้ว่าอย่างนี้ คนนั้นว่าอย่างนั้น แล้วสุดท้ายแล้วพอตัดสินใจแล้ว จะมีคำพูดหนึ่งที่ว่า ‘ถ้ารู้อย่างนั้น ฉันทำแบบนี้ดีกว่า’ อันนี้จะไม่เอา
ดังนั้นจะไม่ค่อยมีใครดีเทลในเรื่องตรงนี้สักเท่าไหร่ ก็เลยไม่ค่อยไม่ได้อ่านคอมเมนต์ แต่รู้ว่ามีคนให้กำลังใจ จากที่คนรอบข้างมาเล่า ต้องขอบคุณมากๆ จริงๆ (ไหว้) อยากให้กำลังใจเหล่านี้ หนิงว่ากับคนอื่นๆ ทุกๆ คน ด้วย บนสังคมที่อยู่บนโลกโซเชียลแบบนี้ ให้กำลังใจซึ่งกันและกันเยอะๆ ดีกว่า เวลาใครมีปัญหาอะไรจะได้มีสติในการสู้ต่อ แก้ปัญหา”