ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง จากกรณี นักร้องสาว “ลำไย ไหทองคำ” หรือ อ้าย-สุพรรณษา เวชกามา ซึ่งมีกระแสดรามาบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนักร้องสาวกับแดนเซอร์ชายในวง รวมทั้งการตั้งข้อสงสัยเรื่องการทำสัญญาจ่ายเงิน 2 ล้านบาทให้แฟนเก่าของแดนเซอร์ชายเพื่อให้จบเรื่องนั้น
ล่าสุด บอส แดนเซอร์หนุ่ม ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส ตอนหนึ่งว่า ตนรู้จักโม(แฟนเก่า) ประมาณ 2-3 ปี โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่ยอมรับว่าอยู่ด้วยกันในช่วงปี 2564-65
โดยแดนเซอร์หนุ่ม เล่าว่า ตนเข้ามาอยู่กับค่ายไหทองคำ หลังได้เข้าไปออดิชันเมื่อมีการเปิดรับสมัครแดนเซอร์ หลังจากเข้าไปอยู่กับค่ายยังคบหาเป็นแฟนกับโม(แฟนเก่า) ซึ่งทางค่ายก็รู้ว่าตนมีแฟน โดยสมัครออดิชันเดือน ก.พ. เข้าไปอยู่ในค่ายเป็นตัวสำรองเดือน มี.ค. จากนั้นเริ่มเป็นแดนเซอร์ตัวจริงในเดือน เม.ย. ซึ่งส่วนตัวก็มองว่าไม่ได้เลื่อนเป็นแดนเซอร์ตัวจริงเร็วเกินไป เพราะส่วนตัวก็พร้อมทำงานอยู่แล้ว ถ้าให้เป็นตัวจริงก็พร้อม ส่วนคนที่เลือกแดนเซอร์ตัวจริงนั้น น่าจะผ่านทั้งนายห้างและนักร้อง แต่หลักๆน่าจะลำไย เป็นคนเลือก
ส่วนตอนนั้นทำไมลำไยเลือกตนนั้น แดนเซอร์หนุ่ม บอกว่า ตนมั่นใจในการเต้นตัวเองระดับหนึ่ง ว่าฝึกฝนมาเยอะพอสมควร เรื่องไลน์เต้น หรือการเต้น และคิดว่าเขาอาจจะดูจากรูปร่างด้วย ว่าจะเหมาะมาเป็นแดนเซอร์ไหม ขายได้ไหม อย่างไรก็ตามตอนนั้นโม (แฟนเก่า) ก็รู้ และยอมรับว่ามีปัญหาระหองระแหงกับโม(แฟนเก่า) อยู่แล้ว เพราะบางทีต้องไปทำงานต่างจังหวัด บางครั้งยาวถึง 10 วัน ทำให้ได้พูดคุยกันน้อยลง
พิธีกรถามว่าตอนที่เข้าไปอยู่ค่ายไหทองคำ รู้ไหมว่าลำไยคบหากับแฟนหนุ่มอยู่ แดนเซอร์หนุ่ม บอกว่า ตอนแรกๆ ไม่รู้ แต่หลังจากเข้าไปอยู่ในค่ายก็รู้ ซึ่งก็เคยพบเจอแฟนหนุ่มของลำไยตอนไปซ้อมที่ห้องซ้อม
เมื่อพิธีกรถามว่า ตอนนั้นมีความสนิทสนมกับลำไยอย่างไรบ้าง แดนเซอร์หนุ่ม บอกว่าก็เป็นลูกน้องกับหัวหน้างาน ส่วนเองความสัมพันธ์เริ่มตอนไหนนั้น ตอนแรกๆตนก็อาจจะมีปรึกษากับคนในวงว่ามีปัญหาอะไร หรือมีเรื่องจุกจิกกับแฟน ซึ่งก็เป็นการระบายปัญหา นอกจากนั้นก็มีการทักแชตส่วนตัวไปคุยกับลำไย เพื่อถามว่าเวลาแสดงแล้วมีคนมาหอมมือตนจะต้องรับมืออย่างไร หลังจากนั้นก็มีการปรึกษากับลำไยบ่อย ขณะที่ลำไยก็มีการระบายปัญหาเรื่องความรักให้ตนฟังเหมือนกัน และยอมรับว่าลำไยมีการซื้อของให้ก็คือลิปสติก
เมื่อถามว่าตอนพูดคุยกับลำไยเป็นการพูดคุยกันในลักษณะไหน แดนเซอร์หนุ่ม บอกว่า เป็นคนคุยกัน เป็นคนรู้ใจ ความสัมพันธ์ในการพูดคุยก็ถือว่าเป็นแฟนได้ ส่วนแฟนหนุ่มของลำไยนั้น ลำไยก็บอกว่าเขาก็มีการแยกย้ายที่จะลองใช้ชีวิตแยกกันว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งคิดว่าแฟนหนุ่มของลำไยรับรู้เรื่องของตนมาโดยตลอด
เมื่อถามว่าตอนคบกับลำไย โม(แฟนเก่า) รู้ไหม แดนเซอร์หนุ่ม บอกว่า ไม่รู้ และตอนนั้นยังคบกับโมอยู่ และยอมรับว่าคบ 2 คน เพราะตอนนั้นตนเป็นคนบอกลำไยเองว่าตนโสด เพื่อให้ได้พูดคุยกัน ซึ่งลำไยเข้าใจว่าตนโสด เพราะตนบอกลำไยไปว่าเลิกกับโมแล้วแต่ยังคงต้องอยู่ด้วยกันต่อ เพราะเป็นช่วงระหองระแหงกันอยู่ แล้วตนคิดว่าจะเลิกกันแล้ว ซึ่งยืนยันว่าตนไม่ได้ออกตัวแทนลำไย หรือรับจบแทนลำไย แต่ยอมรับว่าตนเป็นคนที่โกหกลำไย
เมื่อถามว่า โม(แฟนเก่า) จับได้เรื่องความสัมพันธ์ยังไง แดนเซอร์หนุ่ม บอกว่า โมไปเจอแชทข้อความพูดคุยกันระหว่างตนกับลำไย หลังจากนั้นในตอนที่ตนเลิกกับโม ตนก็สารภาพว่าตนคบกับลำไย หลังจากนั้นตนก็ได้กลับมาบอกกับลำไย ซึ่งเขาก็ตกใจว่าสรุปคือยังไงว่าไม่ได้คบกันแล้ว ตนก็สารภาพไปว่าก็ยังไม่ได้เลิกกัน 100% ซึ่งลำไยก็ถามว่าทำไมบอกว่าเลิกกันแล้วแต่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งนี้เรื่องความสัมพันธ์ของตนกับลำไยเริ่มช่วงเดือน เม.ย. แต่โมจับได้ตอนเดือน ส.ค.
เมื่อถามถึงเรื่องเงิน 1 แสนที่ถูกโอนมาจากลำไยโอนมาในเดือน เม.ย.นั้น ซึ่งมีกระข่าวว่าเป็นการจ้างมีเซ็กส์นั้น แดนเซอร์หนุ่ม บอกว่า เงิน 1 แสนมีการโอนเงินเข้ามาจริง แต่ไม่ใช่การจ้างไปมีเซ็กส์ 100% แต่เป็นเงินที่ตนมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินแล้วลำไยซัพพอร์ตในส่วนนี้ ซึ่งไม่ใช่การจ้างอะไร ซึ่งในส่วนของโมก็มีการตีความไปเองด้วย อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่มีการจ่ายเงินแสนเพื่อให้ไปมีเซ็กส์ แต่ยอมรับว่ามีการโอนเงินให้จริง 1 แสนบาท นอกจากนั้นคนในวงก็มีการซัพพอร์ตจากลำไยประจำในหลักพันถึงหลักหมื่น
หลังเกิดเรื่องขึ้นตนก็พูดคุยกับโมว่าเราจะสามารถตกลงกันอย่างไรได้บ้าง ซึ่งตนก็รู้สึกผิด จึงคิดว่าจะชดใช้ความรู้สึกอะไรของโมได้บ้าง ตอนแรกตนบอกว่าจะให้โมเดือนละ 5 หมื่นบาท แล้วยังคบกันต่อ แต่ตนยังทำงานตรงนี้อยู่ แต่ก็จะเลิกยุ่งกับลำไย แต่โมก็ไม่โอเค และเขาก็บอกว่าอยากได้จากลำไยมากกว่าเป็นค่าเสียความรู้สึก โดยตอนแรกมีการเรียกเงิน 10 ล้านบาท ตนก็ไปคุยกับทางค่ายว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แล้วโมได้เรียกเงินแบบนี้ ซึ่งทางค่ายก็บอกว่าเป็นเงินมากไปแล้วลำไยก็ไม่ได้ผิดอะไร ก็เลยมีการคุยกัน 3 ฝ่าย คือตน โม และค่าย ซึ่งพูดคุยผ่านโทรศัพท์ พอดจรจาไปมา ก็ลดมาเหลือ 5 ล้านบาท จากนั้นก็มีการถามโมว่ามีทะเบียนสมรสไหมที่จะมาใช้สิทธิในการเรียกเงินในลักษณะนี้ แต่ในส่วนของตนก็บอกว่าอยากรับผิดชอบในส่วนตรงนี้ ก็คุยไปคุยมาจบที่ 2 ล้านบาท ตนก็คุยกับทางค่ายว่าตนจะจัดการเอง แต่มีการยืมเงินค่ายมาก่อน และมีการนัดทำสัญญาว่าจบกันที่ 2 ล้าน และจ่ายเป็นเงินสด แล้ววันนั้นทุกฝ่ายก็แฮปปี้ดี
เมื่อถามว่าเงิน 2 ล้านคุณจ่ายเป็นค่าอะไร แดนเซอร์หนุ่ม บอกว่า ก็ด้วยว่ามีภาพตนกับลำไยที่ไม่เหมาะสมด้วย แล้วเราก็รู้สึกผิดในสิ่งที่เราทำ หลังจากนั้นก็ทยอยจ่ายเงินให้กับทางค่าย พิธีกรถามอีกว่า ที่ค่ายต้องเข้ามาจัดการเรื่องนี้เพราะมีภาพที่ไม่เหมาะสมของลำไยอยู่ในแชตด้วย จึงต้องทำสัญญาเพื่อไม่ให้มีภาพที่ไม่เหมาะสมหลุดออกไปใช่หรือไม่ ซึ่งแดนเซอร์หนุ่ม ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่าแล้วภาพไม่เหมาะสมไปถ่ายไว้ทำไม แดนเซอร์หนุ่ม บอกว่า ตอนนั้นมันมีแอลกอฮอล์ในตัวด้วย
แดนเซอร์หนุ่ม บอกอีกว่า หลังจากนั้น ตนกับลำไยก็ไม่ได้ยุงเกี่ยวกัน แต่ก็ยังทำงานด้วยกันในฐานะหัวหน้ากับลูกน้อง เพราะเวลาทำงานก็แยกรถตู้กันอยู่แล้ว และก็เจอกันแค่บนเวทีเท่านั้น
ด้านนายห้าง ประจักษ์ชัย ไหทองคำ ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้เข้าไปก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวลำไยแต่แรก ส่วนเรื่องที่บอกว่าค่ายทำสัญญาจ่ายเงินให้กับแฟนเก่าบอสนั้น ตนไม่รู้เรื่อง เพิ่งจะรู้หลังเป็นข่าว ตนก็ไปสอบถามแฟนตนแล้วก็ถามว่าทำไมมีการไปทำเป็นสัญญาเป็นหลักฐาน ทำไมไม่จ่ายเงินสดแล้วก็จบ ซึ่งแฟนตนบอกว่ากลัวบอสจะไม่เอาเงิน 2 ล้านแล้วเรื่องจะไม่จบ เมื่อถามว่าทำไมค่ายต้องไปทำสัญญากับโมแทนบอสด้วยนั้น นายห้างประจักษ์ชัย บอกว่า ในตอนนั้นแฟนตนเป็นคนตัดสินใจ ซึ่งตนไม่รู้จริงๆ แต่ประเมินว่าเขาคงคิดว่าจะใช้สัญญาในนามบริษัทไปควบคุมน้องผู้หญิง จากการรับเงินก้อนโตจากบริษัทไป เรา เพราะถ้าให้บอสไปทำสัญญากลัวว่าเรื่องจะไม่จบ
เมื่อถามว่ามีบทลงโทษแดนเซอร์หนุ่มอย่างไร นายห้างประจักษ์ชัย บอกว่า ก็ต้องให้บอสพักการแสดงคู่กับลำไยไปก่อน ส่วนจะพักชั่วคราวหรือพักตลอดไปก็ต้องรอดูกระแสไปก่อน ส่วนเรื่องเพลงใหม่ลำไยที่ปล่อยออกมาในตอนนี้เลยนั้น ก็เป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสหลังจากโดนด่าฟรีไปแล้วก็ต้องหยิบฉวยไว้ แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่คอนเท้นต์โปรโมทเพลงใหม่แต่อย่างใด
ทั้งนี้ก็ต้องโทโทษแทนลำไย วันนี้ก้ให้ลำไยตั้งหลักนิดหนึ่ง ผมก็กราบขออภัยเอฟซีลำไย และพี่น้องชาวไทย ที่ทำให้ผิดหวังในตัวน้อง และหลังจากพลาดไป ก็ปรับ Mindset ใหม่ ทำอะไรก็ให้ระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งต้องขอโทษแทนลำใยด้วย” นายห้างประจักษ์ชัย กล่าว
ด้านโม (แฟนเก่า) ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่ได้เรียกเงิน 10 ล้านบาท แต่ตอนนั้นยอมรับว่าจับได้แล้วโมโหมาก อาจจะพูดอะไรไปเพราะโมโห แต่หลังจากคุยกันก็ไม่อยากได้เงิน 5 หมื่น แต่ต้องการให้เขาพูดเรื่องจริง อยากให้เขาแถลงข่าวยอมรับ แต่พอบอสไปติดต่อกับค่ายว่าตนต้องการแบบนี้ แต่ทางค่ายบอกว่าทำไม่ได้ ก็เลยมีการโทรมาพูดคุยกับตนว่าทำแบบนั้นไม่ได้ และเสนอว่าให้เอาเงินจากบอสไหมเป็นค่าเสียใจเสียเวลาที่คบกัน แล้วถ้าบอสมีไม่พอก็ให้เอาจากทางค่าย แต่ตอนนั้นตนโกรธก็เลยพูดไปว่างั้นก็ขอ 5 ล้าน แต่หลังจากนั้นทางค่ายบอกให้ได้แค่ 2 ล้าน ส่วนเรื่องที่ต้องทำสัญญากับค่ายไหทองคำ เพราะค่ายกลัวว่าตนเอาเงินไปแล้วจะไม่จบ
เมื่อถามว่าแล้วจบไหม โม บอกว่า ตนก็โพสต์ในเฟซบุ๊กแค่คนในครอบครัวว่าเศร้า ว่าโกรธ แต่ไม่ได้พูดชื่อทำให้ใครเสียหาย เมื่อถามว่าเรื่องราวต่างๆได้ให้บุคคลที่ 3 ส่งเรื่องให้เพจต่างๆไหม โม ยืนยันว่าไม่แน่นอน ขณะที่ แดนเซอร์หนุ่ม แย้งว่า ข้อมูลทั้งหมดมาจากโมแน่นอน อย่างเรื่องเงิน 1 แสนในสเตทเม้นท์ ไม่มีใครรู้นอกจากโม
ส่วนเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อตกลงว่าจ่ายเงิน 2 ล้านแล้วไม่เปิดเผยภาพหรือคลิปที่ไม่เหมาะสมนั้น โม ยืนยันว่าตนไม่ได้เปิดเผย และยืนยันว่าไม่มีรูปแล้ว เพราะลบตั้งแต่วันนั้น และยืนยันไม่ได้ส่งให้ใคร แต่ตอนนั้นที่บอสรู้ว่าตนไปเจออะไร แล้วรู้ว่าตนโหลดเก็บไว้ แล้วเขาพยายามจะมาลบ ตนก็เลยบอกไปว่าไม่ต้องลบหรอกเพราะส่งให้คนอื่นไปหมดแล้ว คือพูดเพราะความโกรธ ขณะที่แดนเซอร์หนุ่ม ยืนยันว่า โมมีการส่งให้ญาติจริง เพราะแม่ของตนก็ยังได้รับคลิปเหมือนกัน และโมเป็นคนส่งเอง
โดยโม บอกว่า ที่ส่งคลิปให้แม่บอส เพราะมองว่าแม่แฟนก็เหมือนแม่เรา เพราะตอนนั้นบอกแม่บอสแล้วว่าบอสเป็นยังไง แต่แม่บอสไม่เชื่อเลยส่งคลิปให้ และตอนนั้นตนก็ยังไม่ได้รับเงินอะไรเลย
นอกจากนั้นแดนเซอร์หนุ่ม ยังบอกอีกว่า โมเคยบอกกับเขาว่า ในตอนนั้นไม่ได้อยากเลิกกัน แต่เดี๋ยวถ้าได้เงินจากค่ายแล้วค่ายแล้วค่ายไปอยู่ด้วยกันแล้วค่อยไปแฉต่อ ด้าน โม บอกว่า ตนหมดคำจะพูดเลย ตนจะพูดแบบนั้นทำไม เมื่อถามว่า หากไม่ได้รับเงิน 2 ล้าน จะเปิดเผยภาพไม่เหมาะสมหรือข้อมูลเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่ง โม บอกว่า ตอนที่คุยอยากให้เขามาแถลง ไม่ได้อยากให้เขาลอยตัว
ส่วนกรณีที่ถูกมองว่าอาจเข้าข่ายเป็นการรีดเอาทรัพย์นั้น โม ยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นคนเสนอขอเงิน แต่ทางค่ายบอกว่าไม่สามารถให้แถลงข่าวตามที่ตนต้องการได้ แล้วเขาก็ถามว่าตนต้องการอะไร และบอกว่าถ้าตนแฉเขาสามารถฟ้องได้ 100 ล้านก็ฟ้องได้ ตนก็โกรธเหมือนกัน ส่วนที่ระหว่างการพูดคุยทำสัญญาที่ตนถามว่าตนจะได้อะไรนั้น ก็เพราะตนเสียใจไง
ขณะที่ผู้รับชมส่วนใหญ่ต่างแสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่ารู้สึกสงสารลำไย และมองว่าในเรื่องนี้ฝ่ายที่ผิดคือแดนเซอร์หนุ่มทั้งเรื่องคบซ้อน และกรณีถ่ายรูปที่ไม่เหมาะสม