“ฟรีน สโรชา จันทร์กิมฮะ” นักแสดงสาวชาวไทยผู้สร้างประวัติศาสตร์ร่วมงานระดับโลกอย่าง “Met Gala 2025” เป็นครั้งแรก พ่วงด้วยตำแหน่งอันดับ 4 ผู้ที่สร้างมูลค่าทางสื่อสูงสุดกว่า 190 ล้านบาทไทย วันนี้ควงคู่จิ้น “เบคกี้ รีเบคก้า” เปิดประสบการณ์โกอินเตอร์ เดินพรมแดงเทศกาลหนังเมืองคานส์เป็นครั้งที่ 2 แต่กว่าที่ทั้งคู่จะมีวันนี้ เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ฟรีน : วันแรกก็รู้สึกว่าจริงเหรอ เป็นเราจริงเหรอ ฟรีนเป็นแฟนคลับ Met Gala มาหลายปี เป็นคนที่อินกับแฟชั่นมากๆ พอได้เสพของปีก่อนๆ กลายเป็นว่าเราต้องไปยืนอยู่ตรงนั้น แอบตื่นเต้นกดดัน แต่รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ค่ะ มันไม่ง่ายเลยในการไปยืนอยู่ตรงนั้น
ภาพที่เห็นตามสื่อ กับเวลาไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ เป็นยังไงบ้าง?
ฟรีน : ตอนนั้นต้องคอนฟิเดนท์มากๆ เพราะมันสั้นมาก กับการเข้าไปอยู่ตรงนั้น พื้นที่เดินพรมเล็กมากค่ะ ไม่เกิน 5 นาทีเสร็จแล้วค่ะ แต่เตรียมตัวนานมาก กว่าเราจะได้ชุดที่เหมาะกับเรา เบื้องหลังการทำงานค่อนข้างนานมาก แต่เดินจริงๆ แป๊บเดียว แต่รู้สึกดีมาก เป็นเกียรติมากๆ ค่ะ
เบคกี้รู้สึกยังไง?
เบคกี้ : รู้สึกภูมิใจ เป็นงานที่ใหญ่มากๆ พี่ฟรีนน่าจะชอบ พี่ฟรีนชอบแฟชั่นอยู่แล้ว ตื่นเต้นแทนเลย เก่งมากๆ และทำได้ดีมากๆ ค่ะ พอเห็นเขาเดินก็ดีเลยค่ะ สวยค่ะ ดูไม่ตื่นเต้นเลย แต่รู่ว่าข้างในต้องตื่นเต้นมากๆ เก่งมากค่ะ
ฟรีน : ตื่นเต้น แต่ ณ วินาทีนั้นต้องแบบว่า มาเลยค่ะ มาได้เลยใครเรียก
ในไทยต้องมีคนดูแลเราคนนึง แต่อันนี้ลงรถแล้วไปคนเดียวเลย?
ฟรีน : พอเดินพรมเสร็จก็มีพี่ๆ สต๊าฟยืนอยู่ ก็ต้องถามว่าดินเนอร์ไปทางไหนคะ จนถึงที่นั่งค่ะ ไปคนเดียว เป็นครั้งแรกค่ะ แต่ข้างในสวยมากๆ ไม่มีภาพให้ดู เพราะเป็นกฎ Met Gala ห้ามใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปทุกอย่าง ไปถึงเขาจะแรปโทรศัพท์ปิดกล้องเลย ห้ามถ่ายรูป ฟรีนก็เคารพกฎเขา ไม่ได้ถ่ายอะไรเลย เดินอย่างเดียว แต่สวยมาก ระหว่างทางเป็นอาร์ตมิวเซียม เป็นศิลปะทุกอย่างอยู่ตรงนั้น เหมือนเราได้เสพงานศิลปะและมิวเซียม แต่ไม่สามารถถ่ายอะไรออกมาได้ อยู่ในความทรงจำ
เดินไปทักหนึ่งคน?
ฟรีน : ทีแรกก็มีความกล้าๆ กลัวๆ เหมือนกัน เราขี้เกรงใจด้วย บังเอิญเห็นพี่ลิซ่าพอดี ก็เอายังไงดีน้อ (หัวเราะ) นี่คือคนไทยที่จะคุยกับเราได้ แต่พี่ลิซ่าเลยนะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ลองดู ก็ไปเซย์ไฮพี่ลิซ่า บอกว่าพี่ลิซ่าสวัสดีค่ะ น้องฟรีนนะคะ มาจากประเทศไทยเหมือนกัน เขาก็อ้าว คนไทยเหรอคะ ก็ได้คุยกัน ก็ชมพี่ลิซ่าว่าสวยมาก หุ่นดีมาก ได้คุยกันประมาณนั้นค่ะ สวยม้ากกก สวยมากๆ แค่นั้นแหละค่ะ ก็บอกว่าขอบคุณนะคะ ยินดีที่ได้เจอ ยินดีที่ได้คุย ไม่กวนแล้วค่ะ หนูเขิน มีโทรศัพท์แต่ไม่ถ่ายดีกว่า
คว้าอันดับสี่สร้างมูลค่าทางสื่อสูงสุดในงาน ติดอันดับท็อป 5 เป็นบุคคลที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในวันนั้นด้วย ภูมิใจมั้ย?
ฟรีน : ไม่คิดเหมือนกันว่าเป็นความจริง หนูอยากขอบคุณแฟนคลับ รวมถึงทีมงาน ทั้งเมเนเจอร์ อาร์ติสต์ ทุกคนทำงานเป็นทีมหมดเลย แฟนคลับเก่งมากๆ แม้กระทั่งเขารู้ ณ วันที่ฟรีนไปนิวยอร์ก มันเป็นความลับ ไม่มีการเตรียมตัว วางแผนอะไรก่อนเลย เขาก็เซอร์ไพรส์ ตรงนั้นไม่กี่วันในการเตรียมตัว ฟรีนรู้สึกว่าเขาเก่งมากในการเดินไปด้วยกันครั้งนี้ แล้วเป็นครั้งแรกของทุกคน ก็ต้องขอบคุณทุกคนนะคะ
เบคกี้ ก็อินเตอร์เหมือนกัน แต่แยกกันไปคนละงาน เราไปคานส์เป็นปีที่สอง?
เบคกี้ : ตื่นเต้นมากค่ะ ปีนี้เบคกี้ไปกับลอริอัลในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ ปีนี้ได้ไปกับแม่ชมพู่ กับพี่ณิชา ซึ่งน่ารักกันทุกคนเลยค่ะ ทุกวันมีกิจกรรม แอ็คทิวิตี้ใดๆ ที่ต้องทำ จนกระทั่งวันงานเลย ตื่นเต้นทุกวัน ไม่อยากให้วันไหนลุคซ้ำเลยค่ะ ซึ่งยากมาก แต่ละวันหนูเปลี่ยนประมาณ 3-4 ชุด มีงานทุกวันค่ะ ทุกครั้งที่ออกจากโรงแรมจะมีชุดใหม่ที่เข้ามา
กับพี่ชมพู่ร่วมงานกันมาก่อน?
เบคกี้ : เล่นหนังเรื่องลอง ลีฟ เลิฟว์! เล่นเป็นแม่ลูกกันมาก่อน ประมาณ 2 ปีค่ะ แม่ชมน่ารักมาก ดูแลตลอด คอยชวนคุย ตอนไปกินกาล่าดินเนอร์ของลอริอัล ก็นั่งด้วยกัน จะคอยถามว่าอันนี้กินได้มั้ย คอยตักข้าวให้ น่ารักมาก
ฟรีนเห็นเบคกี้ในคานส์ รู้สึกยังไง?
ฟรีน : สวยค่ะ เราบอกน้องตั้งแต่ก่อนบินว่าสู้ๆ นะ เจ็ตแลค กินข้าวเยอะๆ เป็นกำลังใจให้ รอชมชุดสวยๆ ก็พูดตลอด แท็กตลอด
เคยคิดมั้ยว่าวันนึงจะดังขนาดนี้?
ฟรีน : ไม่เคยคิดเลยค่ะ ย้อนกลับไปไม่เคยมีภาพแบบนี้ในชีวิต รู้สึกว่ามันไกลตัวมากๆ เลย มันเกินไปเยอะมากๆ
เบคกี้ : ไม่คิดว่าจะมีคนมารู้จักเยอะขนาดนี้ค่ะ
ย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นเข้าวงการของทั้งคู่ จุดเริ่มต้นคืออะไร?
ฟรีน : ฟรีนประกวดมิสทีนไทยแลนด์ 2016 ค่ะ นานมาก เกือบ 10 ปีค่ะ เริ่มแรกที่รู้สึกว่าเริ่มก้าวเท้าเข้ามาในวงการบันเทิงแล้ว ตอนแรกอยากประกวดเพราะที่ประกวดต้องเก็บตัวที่เชียงใหม่ หนูแค่อยากไปเชียงใหม่เลยไปประกวดค่ะ (หัวเราะ) อยากไปมากค่ะ ก็ได้ไปสมใจ ตอนนั้นคอมพลีตชีวิตมากๆ ได้ไปเชียงใหม่ก็สมใจแล้ว จากนั้นไม่สนใจอะไรเลย ว่าจะต้องได้ที่หนึ่งหรือที่เท่าไหร่ (หัวเราะ)
เป็นเด็กกตัญญูมาก ทำงานส่งเสียตัวเองเรียน และดูแลครอบครัวตั้งแต่เรียนม.ปลายเลยเหรอ?
ฟรีน : ม.3 ม.4 ตอนนั้นหนูขายเสื้อผ้าในเพจนึงตอนนั้นมีเงินในบัญชีเยอะมาก 1.6 หมื่น รู้สึกรวยมากๆ แล้ว (หัวเราะ) ตอนนั้นมีเงินกับการขายของ หรืออะไรที่ช่วยคุณแม่ได้ ก็มีเงินตั้งเท่านี้แน่ะ เยอะมากเลย
แม่เคยพูดมั้ยว่าภูมิใจในตัวเราแค่ไหน?
ฟรีน : เขาพูดทุกวันค่ะว่าภูมิใจในตัวหนู ในทุกๆ งานเขาจะมาขอบคุณแฟนคลับด้วยกัน หรือขอบคุณที่ช่วยซัปพอร์ต เขาจะตื่นเต้นทุกครั้งเวลาฟรีนจะมีงานอะไรหรือจะไปทำอะไรจะคอยซัปพอร์ตทุกๆ งาน ตอนนั้นหนูทำหลายอย่าง แคสงาน โฆษณา ถ่ายแบบ ทำหมดเลยค่ะ เล็กๆ น้อยๆ ก็ทำ ถ่ายเสื้อผ้าก็ทำ
เบคกี้ล่ะ?
เบคกี้ : หนูไปประกวดไทยแลนด์ ก็อต ทาเลนต์ค่ะ ตอนอายุ 13 หนูชอบร้องเพลงมาก ทุกวันนี้ก็ยังร้อง แล้วก็เรียนกีต้าร์กับเปียโนด้วย
สองคนนี้เจอกันครั้งแรกในซีรีส์เรื่องอะไร?
ฟรีน : ทฤษฎีสีชมพูค่ะ
เบคกี้ : ครั้งแรกเลย แอบลองรักค่ะ แต่เรื่องแรกที่เล่นด้วยกัน คือทฤษฎีสีชมพู แอบลองรักเป็นฟีลเพื่อนสนิทค่ะ แต่เป็นคู่จิ้นก็ทฤษฎีสีชมพู
ทำไมตัดสินใจเล่นเกิร์ลเลิฟ?
ฟรีน : ลองดูได้ ตอนนั้นไม่คิดอะไรเลย ลองดู ลองทำ ถ้าไม่ลงมือทำ ก็ไม่รู้อะไรเลย
เบคกี้ : อยากลองค่ะ โอกาสเข้ามาเราก็ลองทำดู เป็นซีรีส์อีกเรื่องนึงค่ะ
เคยบอกความในใจซึ่งกันและกัน?
ฟรีน : บอกตลอดค่ะ บอกกันเองนี่แหละ (หัวเราะ) หลักๆ คุยกันคือเป็นห่วงสุขภาพ ทำงานด้วยกันทุกวัน มันรู้กันอยู่แล้ว
เบคกี้ : ดูแลสุขภาพด้วยนะ พักผ่อนเยอะๆ
ฟรีน : ขอให้ไม่เจ็บไม่ป่วย มีความสุขเยอะๆ แฮปฟันในทุกๆ เรื่อง
ขอบคุณแฟนคลับที่คอยให้กำลังใจ?
ฟรีน : ถ้าไม่มีพี่ๆ ทุกคนก็คงไม่มีฟรีน-เบคกี้ในวันนี้ ทุกๆ โอกาสที่เราร่วมกันเดินทางก็ขอบคุณมากๆ นะคะหวังว่าจะอยู่ด้วยกันในทุกๆ วั้น โอบกอดไปเรื่อยๆ นะคะ
เบคกี้ : ทุกความสำเร็จของเราเป็นเพราะพวกคุณค่ะ
ที่มา : รายการคุยแซ่บShow