ชนิดที่ “โค้ชป๊อบ ปองกูล” ยอมใช้สิทธิ์ปุ่มบล็อคครั้งสุดท้ายเพื่อให้ได้มาซึ่งคนที่ต้องใจ (แม้ว่าสุดท้าย โค้ชโจอี้บอยจะเป็นตาอยู่คว้าไปก็ตาม) หรือ “โค้ชเจนนิเฟอร์ คิ้ม” ทุ่มใช้ปุ่มบล็อคจนหมดเนื้อหมดตัว ด้วยเหตุนั้นคงจะมีหลายคนที่อยากรู้จักว่า นักร้องเสียงจริงผู้ที่ถูกเลือกทั้ง 8 คนจากอีพีนี้นั้นมีใครและเป็นใครกันบ้าง
คนแรกคือ “ไอซ์-อภิญญา โล่หิรัญ” พยาบาลสาวจากโรงพยาบาลศิริราช ที่นำเพลง “ไหง่ง่อง” ของ ตั๊กแตน ชลดา มาถ่ายทอดได้อย่างสนุกสนานนั้นเป็นเด็กกิจกรรมมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นงานสันทนาการและเข้าค่ายก็ตาม กระทั่งในปัจจุบันตอนเข้าเป็นพยาบาลที่ศิริราช ก็จะถูกจับร้องเพลงตามงานของโรงพยาบาล คอยเอ็นเตอร์เทนคนดู จนไอซ์เรียกตัวเองว่า ”นักร้องคาราโอเกะจอฟ้า” ปกติชอบฟังเพลงหลายแนว แต่พอมาทำงาน พี่ ๆ พยาบาลส่วนใหญ่เป็นคนอีสาน เวลาร้องเพลงอีสาน เลยได้รับอิทธิพลตรงนั้นมา
ไม่เพียงเท่านั้น บทเพลงยังมีความสำคัญกับชีวิตการทำงานของไอซ์ด้วย เคยมีเหตุการณ์ที่พยาบาลสาวคนนี้ค้นพบว่าเพลงกลายเป็นสิ่งที่ทำเข้ากับคนไข้ได้ดีขึ้น ครั้งนั้นเป็นเคสคนไข้ระบบประสาทเป็นเด็กก้าวร้าว จนวันหนึ่งเด็กคนดังกล่าวได้ฮัมเพลงขึ้นมา ไอซ์เลยลองทายชื่อเพลงดู สรุปว่าถูก ยังผลให้เข้ากับเด็กคนนั้นได้ดีและป้อนยาได้ง่ายขึ้น
สำหรับเหตุผลที่มา “เดอะวอยซ์ 2018” เพราะได้แรงบันดาลใจจากคุณหมอนีนี อาจารย์แพทย์หนุ่มน้ำเสียงบาดใจจากซีซั่น 6 พอเห็นคุณหมอนีนีมาปีที่แล้ว ก็รู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ครั้งนี้เลยตัดสินใจมาลองดู
คนต่อมา “แตงโม-สยาภา สิงห์ชู” ศิษย์เก่า “เดอะวอยซ์” จากเวที “เดอะวอยซ์คิดส์ ซีซั่น 4” ก็ถ่ายทอดเพลง “ออเจ้าเอย” ได้ไพเราะจับใจ จน “โค้ชป๊อบ” กับ “โค้ชคิ้ม” ต่างบลั๊ฟต่างเหน็บใส่กันไม่หยุดเพื่อแย่งชิงสาวน้อยเสียงสวยคนนี้กัน ซึ่งเป็นผลจากความรักในการร้องเพลงมาตั้งแต่อนุบาล 2 เพราะพ่อชอบฟังเพลง ชอบเปิดทีวี ชอบเลียนแบบนักร้องในทีวี และประกวดร้องเพลงมาตลอด รวมถึงแข่งขันรายการ “เดอะวอยซ์คิดส์ ซีซั่น 4” ที่เข้าถึงรอบ Semi Final ยังผลให้ได้ไปออกรายการ Stage Fighter กับเพื่อน ๆ “เดอะวอยซ์คิดส์” ด้วย โดยมีพ่อแม่คอยสนับสนุนในสิ่งที่ชอบ คอนพาไปประกวดร้องเพลงหรือเรียนร้องเพลงไม่เคยขาด สำหรับแนวเพลงที่ถนัด คือ ลูกทุ่ง แต่ตอนนี้ฟังเพลงหลายแนวมากขึ้น รวมถึง ป๊อป R&B ด้วย โดยมีความฝันสูงสุดคือ อยากมีผลงานเพลงเป็นของตัวเอง และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ส่วนเหตุผลที่มา “เดอะวอยซ์ 2018” เพราะ อยากมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่อายุไม่ถึงเลยไป “เดอะวอยซ์คิดส์” ก่อน ตอนนี้อายุถึงแล้ว เลยมาสมัคร “เดอะวอยซ์ 2018” ในที่สุด
คนถัดมา “บูม- ภูริทัต ปิยสัตย์ตันติ” ที่ฝากผลงานการร้องเพลงบลูส์ยุคบุกเบิกของ Robert Johnson ได้อย่างเข้าถึงจนเข้ารอบได้ไม่ยากนัก ต่างจากชีวิตที่ผ่านมาของเขาที่ไม่เคยง่ายดาย เมื่อเริ่มสนใจหัดกีตาร์ด้วยตัวเอง ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางบ้านนัก
ยังผลให้เมื่อก่อน “บูม” เคยน้อยใจพ่อแม่ เพราะไม่สนับสนุน ทั้งยังชอบบอกว่ารำคาญเสียงกีตาร์เวลาซ้อม ก็เลยบ่มเพาะเป็นคนที่กบฏทางความคิด และต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่า ดนตรีนั้นก็สามารถเลี้ยงชีพได้ จนตอน ม.6 ก็ประสบวิกฤตชีวิต พ่อตกงาน ป่วยหนักอยู่เป็นปีด้วยโรคตับแข็ง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อขาดเสาหลักของบ้าน “บูม” ที่เคยเป็นเด็กเกเร ชอบกิน ชอบเที่ยว ก็ต้องกลายมาเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งของครอบครัว โดยเริ่มเล่นดนตรีกลางคืน เพื่อหาเงินมาดูแลครอบครัว ขณะเดียวกันก็เลยได้พิสูจน์ให้แม่เห็นไปในคราวเดียวกันว่า เสียงกีตาร์ที่แม่เคยรำคาญหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวได้
สำหรับเหตุผลที่มา “เดอะวอยซ์ 2018” นั้นเพราะเขาคิดว่าเวทีนี้เปิดกว้างไม่จำกัดแนวเพลง เลยอยากลองมาดู และก็ประสบความสำเร็จในขั้นต้นแล้ว และน่าจะเป็นรากฐานที่มั่นคง ซึ่งอาจช่วยสานต่อความฝันที่อยากทำเพลงของตัวเองออกไป และมีคนรู้จัก รวมทั้งได้ออกทัวร์ไปทั่วประเทศ
อีกหนึ่งคนที่ทำให้เวที “เดอะวอยซ์ 2018” เปี่ยมด้วยสีสันทางดนตรีคือ เควิน- Saharat Oleary หนุ่มน้อยลูกครึ่งไทย – อเมริกัน วัย 15 จากโคราช ตอนนี้ศึกษาอยู่ เกรด 9 ที่ AIMS โคราช เริ่มร้องเพลง จากร้องเล่น ๆ หลายคนชมว่าร้องเพราะทำให้เควินอยากร้องเพลงอย่างจริงจังมากขึ้น จึงตั้งวงกับเพื่อนเล่นตามงาน โรงเรียน โดยนอกจากร้องนำแล้ว หนุ่มน้อยยังเล่นกีตาร์ เปียโน ขลุ่ย และ อูคูเลเล่ ได้อีกด้วย ปัจจุบันนอกจากเรียนก็ยังได้แต่งเพลง ร้องเพลง ทำ Clip ลง Youtube ชื่อ Channel Kevoman, the PGK3
ตอนนี้ เควิน วางแผนชีวิตเอาไว้ 2 แบบ คือ หนึ่ง เรียนที่ไทย และทำเพลงอยากเป็นศิลปิน หรือ สอง ไปเรียนต่อที่อเมริกาตามความตั้งใจของพ่อ โดยอาจเรียนเกี่ยวกับนิเทศฯ และตัดต่อ ส่วนความฝันของเควินก็คืออยากมีเพลงเป็นของตัวเองที่คนอื่นรู้จัก ซึ่งหลังจากเคี่ยวกรำกับเวที “เดอะวอยซ์ 2018” เชื่อว่าฝันของเขาจะกลายเป็นจริงในอีกไม่นาน
อีกหนึ่งหนุ่มที่มีความฝันอยากทำงานเพลงของตัวเองคือ “บอสส์- ธีระวัฒน์ เรืองสวัสดิ” นักศึกษาด้านดนตรีโดยตรง แต่ตอนนี้ดร็อปเรียนเพราะที่บ้านมีปัญหาด้านการเงิน เลยส่งตัวเองเรียน แต่ตอนนี้งานน้อยเลยเลยต้องดร็อปไว้ก่อน โดยในช่วงที่ไม่มีเงินเรียนอาจารย์และเพื่อนๆ ให้กำลังใจและค่อยช่วยเหลือเรื่องเงิน แต่ก็ยังแบ่งเบาภาระไม่ได้ทั้งหมด จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขาสมัครเข้าร่วมในซีซั่นนี้ เพราะอยากเป็นที่รู้จักจะได้มีงานและมีเงินมาเรียนต่อให้จบ
ส่วนตัว “บอสส์” ชอบเล่นดนตรี ชอบร้องเพลงแนวแจ๊ส ชอบ Scat กีตาร์มาก ๆ สำหรับความฝันสูงสุดที่เขาตั้งความหวังเอาไว้ก็คือ อยากมีเพลงของตัวเอง และทำงานเกี่ยวกับดนตรีไปตลอดชีวิต
เช่นเดียวกับ “เต๋า-ทัศนัย กิตติรุ่งสุวรรณ” อายุ : 20 ปี นักศึกษาดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่มีความฝันอยากทำงานด้านดนตรี จากความรักด้านร้องเพลงที่ถูกบ่มเพาะจากพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก ด้วยที่บ้านชอบร้องเพลงทั้งบ้าน พี่สาวของเต๋าเองก็ชอบเดินสายประกวดตอนที่เรียนอยู่มัธยม
สำหรับตัว เต๋า นั้นเคยร้องเพลงร้านอาหารอยู่ช่วงหนึ่ง ร้องจนเส้นเสียงอักเสบเพราะว่าวิ่งงาน วันนึงร้อง 3 ร้านก็เคยมาแล้ว บวกกับเรียนหนัก ในที่สุดจึงต้องหยุดไป
ในแง่ของเพลงที่ชอบนั้น เต๋า เผยว่าชอบร้องเพลงเก่า ส่งผลให้ตอนเรียนที่ต้องแต่งเพลงเพื่อใช้สอบ ไม่ว่าจะแต่งมากี่เพลง เพื่อนก็จะบอกว่ามันเหมือนเพลงรุ่นเก่าเสมอ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหน สไตล์ใดก็ไม่สำคัญ ตราบเท่าที่เพลงที่ร้องสามารถมอบความสุขให้กับผู้อื่นได้ เช่นเดียวกับ เพลง “ตายทั้งเป็น” ที่เขานำมาถ่ายทอดในรอบ Blind Audition ด้วยแบบของตัวเองได้อย่างเปี่ยมสีสัน
ถ้าพูดเรื่องความรักในการร้องเพลง “อนิล สุวรรณโชติ” ถือได้ว่าไม่แพ้ใคร และเป็นอาชีพที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตมาโดยตลอด โดยเป็นนักร้องประจำอยู่ร้าน “กระติ๊บ” ตรงบิ๊กซีลาดพร้าว เวลา 4-6 โมง มาเป็นเวลา 8-9 ปีแล้ว และวิ่งร้านอื่นบ้างแบบไม่ประจำ
ในความคิดชอง “อนิล” เรื่องของเสียงนี่นเป็นเหมือนพรสวรรค์ตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่ไม่ได้ร้องเพลง และเธอก็ไม่ได้เรียนร้องเพลง แต่คอยร้องตามวงเหล้าและงานต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก รวมถึงการประกวด”ซูบารุ อวอร์ด” ปี 37 ที่ทำให้ค่าย “มีเดีย ออฟ มีเดีย” รับ “เล็ก” เข้าค่าย เริ่มออกสายงานต่าง ๆ เป็นนักร้องเปิดวงให้ศิลปินดัง ๆ โดยมีแม่เป็นคนคอยสนับสนุนพานั่งรถไปประกวดตามเวทีต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก รวมถึงเวที “เดอะวอยซ์” ที่แม่ของเธออยากเห็นลูกสาวออกทีวีในรายการนี้มาก
จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือ เมื่อปีที่แล้ว ชีวิต “อนิล” มีอันต้องพบวิกฤต “เส้นเลือดในสมองแตก” อาการสาหัส แต่สุดท้ายกลับรอดมาอย่างปาฏิหาริย์ ทั้งหมอก็ไม่คิดว่าจะกลับมาปกติได้ขนาดนี้ โดย เวลาว่างก่อนไปทำงาน ชอบร้องเพลง แต่งเพลง จนมีเพลงที่คนเอาไปแชร์ในโลกโซเชียลที่มียอดวิวเป็นล้าน ชื่อเพลง “หวยแดก”
ปิดท้ายกันด้วย “เล็ก-พงษธร กำบัง” ชาวประมงหนุ่มมากรอยสักที่เสียงร้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ทำให้เพลง “อกหักเพราะรักเมีย” ของ ยิ่งยง ยอดบัวงาม กลายเป็นเพลงของเขาได้อย่างน่าชื่นชม “เล็ก” เริ่มต้นร้องเพลงจริงจังตั้งแต่ตอนเรียนประถม หลังโดนครูพาไปหัดร้องเพลงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว รวมถึงพาไปประกวด ซึ่งครั้งแรกก็ได้ที่ 1 เลย จากนั้นประกวดมาเรื่อยๆ
พอถึงตอน ม.ต้น “เล็ก” ก็เริ่มหัดเล่นกีตาร์ด้วยตัวเอง จนจบม.3 ก็ออกจากโรงเรียน เพราะพ่อไม่ให้ต่อเทคนิค เลยไม่เรียน ออกมาทำงาน ไปออกเรือกับพ่อแทน จากนั้นก็กลับมาเอาจริงเรื่องเรียน และไปเรียน กศน.จนจบ ม.6 ก่อนที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัย และได้เอาจริงในเรื่องดนตรีมากขึ้นอีก โดยไปอยู่วงเพื่อชีวิต ได้ไปร้องกลางคืน โดย “เล็ก” จะเล่นกีตาร์และร้องนำ เป็นอย่างนั้นอยู่เกือบ 2 ปีก่อนที่จะตัดสินใจเลิกเรียนอีกครั้ง เลยกลับบ้านมาทำประมงจนถึงปัจจุบัน
สำหรับสาเหตุที่มารายการ “เดอะวอยซ์ 2018” นั้น เล็กต้องการใช้เวทีนี้ในการพิสูจน์ตัวเอง หลังเคยมีคนบอกว่าเขาร้องเพลงไม่ดี และไม่น่าจะที่ไปประกวดรายการใหญ่ๆ ได้ ซึ่งผลงานการแสดงเพลงของเขาก็ได้พิสูจน์ไปแล้วว่า เขาก็เป็นเสียงจริงตัวจริงคนหนึ่งเช่นกัน
ติดตามให้กำลังใจผู้เข้าแข่งขันที่มีคุณภาพด้านเสียงร้องเช่นนี้ได้ในรายการ “The Voice 2018 เสียงจริง ตัวจริง” ทุกคืนวันจันทร์ เวลา 20.15 น. และรีรัน ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.15 น. ทางช่อง พีพีทีวี เอชดี 36 และรับชมทางออนไลน์ www.pptvhd36.com
ติดตามความเคลื่อนไหว TheVoice2018 และ ชมคลิปไฮไลท์
