“หนุ่ม กะลา” โดนฟ้องอ่วม 60 ล้าน คดีลิขสิทธิ์ รับ “ผมพลาดไป”
เผยแพร่
ปรับปรุงล่าสุด
นักร้องชื่อดัง “หนุ่ม กะลา” อัพเดทความคืบหน้า หลังถูกค่ายเพลง “มิวสิคบั๊กส์” แจ้งความดำเนินข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เพลง “ยาม” โอดรู้สึกแย่ถูกใส่กุญแจมือ

จากกรณีที่ “นายชนินทร์ วรากุลนุเคราะห์” กรรมการบริษัท เพาเวอร์ เทรเซอร์ จำกัด เจ้าของค่าย “มิวสิคบั๊กส์” แจ้งความดำเนินกับ นายณพสิน แสงสุวรรณ หรือ “หนุ่ม กะลา” 44 คดี 44 ท้องที่ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เพลง “ยาม” ซึ่งทางนักร้องหนุ่มได้เดินทางไปรายงานตัวและขึ้นศาลตามที่ถูกนัดหมาย และวันนี้ ( 5 มี.ค. 62 ) “หนุ่ม กะลา” ได้เปิดใจและอัพเดทคดีความกับสื่อมวลชนว่า
เรื่องคดีตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว
“ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการขึ้นศาลบ้างแล้ว ไปขึ้นศาลมาทั้งหมด 17 ที่ แล้วเรื่องส่วนใหญ่จะอยู่ที่อัยการ”
ยังเหลือกี่ที่
“ยังเหลือที่จะต้องไปส่งตัวตำรวจอีก 2 ที่ เหลือที่กรุงเทพฯหมดเลย อีก 2 ที่มีแถวลาดกระบังไปพรุ่งนี้”
ผ่านมา 17 ที่ใช้เวลานานไหม
“17 ที่ๆผ่านมาใช้เวลาหลายเดือน คือเดินทางไปขึ้นศาลทั่วประเทศ คือขั้นตอนมันเยอะมาก”
ที่ใส่กุญแจมือคืออะไร
“ที่ใส่กุญแจมือ จริงๆมันเป็นขั้นตอนของทางอาญา ทุกคนที่ไปขึ้นศาล โดนทางอาญานี่จะต้อง ก่อนขึ้นศาลจะต้องโดนล็อคกุญแจมือใช่ไหม แล้วก็จะต้องโดนไปไว้ บางศาลก็จะมีห้องที่กักกันตัว หลายๆศาลก็จะเป็นคุกจริงๆ ซึ่งผมก็โดนคุกบ้าง โดนห้องกักกันตัวบ้าง โดนใส่กุญแจมือล่ามกับคนอื่นๆบ้าง”
ที่ลงรูปไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่โดน
“อ่อ ไม่ใช่ครับ”
ความรู้สึกเราเป็นยังไง คือเราเป็นศิลปิน
“เอาจริงๆตอนโดนครั้งแรกมันสับสน มันจะว่าอายก็ไม่เชิง จะว่าทำหน้าไม่ถูกก็ไม่ใช่ เพราะว่าตอนเราเดินเข้าไปในคุกแล้วมีนักโทษอยู่ในคุกจริงๆ แล้วคือพี่ๆในคุกที่จำเราได้ เขาพยายามทักทาย แต่ว่ามันคือสถานที่ที่เราไม่....( ทำท่านึก ) เขาทักมาแล้วเรายิ้มระรื่นไม่ได้ครับ ยิ้มๆระรื่นแล้วโบกมือ พี่ครับพี่ มันไม่ได้อะ ผมแบบไม่โอเค คือไม่โอเคเลย แล้วคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้ผมเสียใจมากที่สุดในชีวิตเรื่องหนึ่ง”
“หนุ่ม กะลา” ตัดพ้อผ่านไอจี “กลางคืนจับไมค์ กลางวันใส่กุญแจมือ”
พอมันเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นสอนอะไรเราบ้าง
“จริงๆตั้งแต่เกิดคดีมันสอนให้ผมมองคนอีกแบบหนึ่ง มันสอนให้ผมแกร่งขึ้นนะ ทุกครั้งที่เวลาผมเดินเข้าไปในห้องกักกันตัวหรือในคุก มันก็จะทำให้ทุกครั้งที่เราออกมาเราแข็งแรงขึ้น ใจเราแข็งแรงขึ้น”
มันเหนื่อยหรือท้อไหมกับชีวิตที่ต้องโดนเยอะขนาดนี้
“ท้อครับ แต่ตอนหลังๆนี่ผมว่าเริ่มชินแล้ว เริ่มชินบ้างแล้ว จะมีสิ่งที่ไม่ชินเลยก็คือการที่จะต้องไปขึ้นศาล ลึกๆจะมีผวาบ้างนิดหน่อย เพราะว่า เราไปแล้วเราก็ลุ้นว่าขอให้เราไม่ต้องเข้าไปอยู่ในคุกอะ เราลุ้นว่าขอให้ศาลนี้คือไม่ต้องล็อคกุญแจมือแล้วพ่วงกุญแจมือเรากับคนอีก 5 คน เดินผ่าฝูงชนไปขึ้นศาล อะไรอย่างนี้ คือเราก็ลุ้นแบบนั้นทุกครั้ง”
ตอนที่โดนกุญแจมือเดินไปด้วย ความรู้สึกมันเป็นยังไงคนมองตลอด
“โห!! ผมจะเล่าให้ฟังว่า ผมเคยใส่สูทไปขึ้นศาล ศาลแรกเลยนะครับ ใส่สูทไปเพราะว่าผมเหมือนว่าผมคงดูละครมาก ว่าขึ้นศาลใส่สูทดีๆ แล้วผมไม่เคยรู้เลยว่ามันมีขั้นตอนของการกักกันตัว ไม่รู้เลยว่ามันมีขั้นตอนของการใส่กุญแจมือ คือผมไม่โอเคเลย แล้วก็โดนมากกว่าใส่กุญแจมือคือการล็อคกุญแจมือพ่วงกับคนอีก 5 คน แล้วก็มีญาติๆประชาชน ยืนดูผมอยู่”
มันมีเรื่องของการที่ว่าตำรวจบุกจับด้วย รู้สึกยังไงกับการที่เราเป็นศิลปินขึ้นโชว์อยู่แล้วโดนบุกจับกลางคัน
“จริงๆตามกฎหมายบุกจับไม่ได้นะ แต่ว่าถ้าผมลงเวทีเมื่อไหร่ ผมโดนรวบได้ ตามกฎหมายเป็นแบบนั้นนะ ทุกวันนี้ผมก็ยังต้องให้ทนายและผู้จัดการเฝ้าระวังเรื่องหมายจับอยู่ ทุกวันนะครับทุกวัน อย่างล่าสุดผมกลับจากฮ่องกงมาก็ไม่ได้นอน ก็ต้องบินต่อไปหาดใหญ่ เพื่อไปสกัดหมายจับไปทำตามขั้นตอนของศาล เสร็จแล้วตอนเย็นก็ต้องบินไปเล่นคอนเสิร์ตที่เชียงใหม่ในวันเดียวกันแล้วไม่ได้นอน”
“หนุ่ม กะลา” โดดเวทีหนีหมายจับละเมิดลิขสิทธิ์เพลง “ยาม”
มันเหมือนกับว่าทำงานไปผวาไปไหม
“หลังๆเริ่มชิน แต่ว่าเราเซฟโดยการที่เราต้องโทร คืออย่างเช่นวันนี้ ผมจะมีงานเล่นพรุ่งนี้ พวกเราทั้งหมดจะต้องเริ่มโทรไปถามตำรวจ ถามอัยการทั้งหมด แล้วพี่พร้อมฟ้องไหม พี่ฟ้องยัง อ่าว.. ยังไม่ฟ้องใช่ไหม โอเคครับพี่ อะไรอย่างนี้”
มันคือการอยู่ในกับความหวาดผวาที่ว่าขึ้นคอนเสิร์ต เราจะก้าวลงจากคอนเสิร์ตแล้วจะมีตำรวจมาจับเราไหม
“จริงๆก็มีความเสี่ยง มีความเสี่ยงมาก แต่ว่าเราก็ทำตามหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุด เพราะว่าคิวงานผมเยอะมากด้วย แล้วเราก็ขอความกรุณาจากพี่ๆที่ศาลและอัยการว่า เห้ย พี่ผมมีคิวอย่างนี้ ผมขอไปอย่างนี้ๆ ได้ไหม บางที่เห็นใจก็ดีไป แต่ถ้าบางที่คุยไม่ได้ ก็คงต้องเจียดเวลาตอนเช้าก่อนโชว์บินลงไป อะไรอย่างนี้”
คิดว่ามันจะจบลงยังไง
“ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะจบยังไง คงต้องทำไปตามขั้นตอนของศาลก่อน”
คิดว่าอีกนานไหม
“น่าจะอีกพักหนึ่ง”
ในฐานะนักร้องอยากเห็นวิธีแก้เรื่องลิขสิทธิ์อย่างไร
“คือผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ซื้อของปลอม ผมไม่ใช้ของปลอม เพราะว่าผมเป็นคนผลิตงาน ผมเคารพเรื่องนี้เป็นอย่างมากนะ และก็ครั้งนี้ที่ผมพลาดไปผมก็ยอมรับ ส่วนน้องๆคนไหนที่กำลังละเมิดอยู่ผมคิดว่าจริงๆไปขอให้ถูกดีกว่า ถ้าเกิดเจอแบบผมมันวุ่นวายจริงๆ”
คิดว่าคดีเรามันร้ายแรงขนาดไหนถึงกับเป็นดูอาชญากรเลยไหม
“ตอนแรกที่เจอคดีผมคิดว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กนะ ก็ชิว โอ้ย!! พี่เชียร์กันไหม ผมจ่ายตังค์พี่เท่านี้อะไรเท่านี้จบ มันไม่ใช่เลย พอยิ่งนับวันพอยิ่งขึ้นไปสู่ศาลมันทำให้เราเห็นเลยว่า เห้ย!! เราเหมือนอาชญากรเลย อย่างล่าสุดที่ผมไปเข้าคุกมา ผมต้องติดกับพี่ๆหลายๆคนที่โดนตัดสิน 28 ปีคดีร้ายแรงหนักๆ เลย ผมมองตัวเองแล้วรู้สึกว่าละเมิดลิขสิทธิ์มันร้ายแรงขนาดนี้จริงๆหรอ”
ในตอนนี้มีการลดทอนบ้างหรือยัง
“ขึ้นศาลใหญ่ๆมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่ลดก็ยังเป็นที่ละ5แสนเหมือนเดิม ที่ละ 5 แสนรวมแล้วน่าจะ20กว่าล้านใช่ไหม และก็ยังมีแพ่งที่ฟ้องผมไปอีก 40 กว่าล้าน”
มันเลยจุดไกล่เกลี่ยมาแล้ว
“เลยแล้ว มันอยู่ในจุดที่แกรมมี่ เหมือนว่าศาลจะเรียกคุยทั้งสองฝ่ายด้วยแล้วทางค่ายก็ลงมาคุยให้ด้วย”
เขาไม่ผ่อนเบาให้เราเลย
“ที่ผมไปขึ้นศาลมาเมื่อเดือนที่แล้วยังไม่ผ่อน ยังเท่าเดิม ยังยืนยันตัวเลขเท่าเดิม”
ได้คุยได้เจรจากับเขาไหม
“จริงๆผมคุยตั้งแต่วันแรกเลย ผมยืนยันว่าข่าวที่ออกไปหรือว่าการที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดให้ข่าวเป็นเรื่องไม่จริงหมดเลย ผมมีหลักฐานทั้งหมดในการคุย คุยมาตั้งแต่วันแรกเลย ไม่เคยหนีเลย ถ้าเกิดไปถามพี่ตำรวจ ศาลอัยการต่างๆนาๆ ผมไปตามขั้นตอน ผมโทรทุกครั้งทุกที่อะไรอย่างนี้หมดเลย และก็ไม่เคยกระโดดเวทีหนีด้วย ผมโชว์ปกติ ไม่เคยต้องหลบๆซ่อนๆในการไปโชว์อะไรทั้งนั้น สิ่งที่ผมและผู้จัดการเตรียมตัวและเตรียมการก็คือโทรไปขอความกรุณาศาล อัยการ หรือตำรวจ ว่าพี่พร้อมเมื่อไหร่เดี๋ยวผมไปให้นะ”
และคอนเสิร์ตครั้งนี้จะไม่มีเรื่องลิขสิทธิ์
“ไม่มีครับ เพราะว่าผมเป็นคนของแกรมมี่อยู่แล้ว ผมร้องเพลงในแกรมมี่ได้ใช่ไหมครับ”
รวบ “หนุ่ม วงกะลา” ข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เพลง "ยาม"
“หนุ่ม กะลา” โอดเดินสายรับทราบข้อหาคดี “เพลงยาม”
“ลาบานูน” เคลียร์ค่าลิขสิทธิ์เพลงจบแล้ว
ขอบคุณภาพจาก IG numkala
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/tags/ข่าววันนี้