ประชากรในหลายสิบประเทศยากจนอาจไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ประชากร 90 เปอร์เซ็นต์ในหลายสิบประเทศยากจนอาจไม่ได้รับการฉีดวัควีนป้องกันโควิด-19 หลังจากถูกจับจ้อง สั่งซื้อ และกักตุนจากประเทศร่ำรวยในปริมาณที่มากกว่าประชากรในประเทศถึง 3 เท่า

กลุ่มพันธมิตรวัคซีนเพื่อประชาชน หรือ People’s Vaccine Alliance เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า ประเทศที่ร่ำรวยต่างทุ่มเงินซื้อวัคซีนโควิด-19 มากเกินความจำเป็นเพื่อที่จะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนของตนเอง โดยมีการกักตุนไว้มากถึง 3 เท่าของความต้องการแท้จริงภายในสิ้นปี 2564

คุณยายวัย 90 ปี เป็น “คนแรก” ในโลกที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์

ขณะที่ประเทศยากจนอย่างน้อย 67 ประเทศ มีโอกาสได้รับวัคซีนโควิด-19 เพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้น ทั้งที่ 5 ประเทศจาก 67 ประเทศ คือ เคนยา เมียนมาร์ ไนจีเรียปากีสถาน และยูเครน มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกือบ 1.5 ล้านราย

ในทางตรงกันข้ามประเทศที่ร่ำรวย ซึ่งมีประชาชนคิดเป็น 14 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั่วโลกประเทศเหล่านั้นล้วนจับจ้องวัคซีน ไว้ถึง 53 เปอร์เซ็นต์ของสต็อกวัคซีนที่กำลังพัฒนาและมีแนวโน้มที่ให้ผลดี ไม่ว่าจะเป็น สหภาพยุโรปสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ฮ่องกง มาเก๊านิวซีแลนด์ อิสราเอล และคูเวต

จากข้อมูลของ จากข้อมูลของอ็อกซ์แฟม (Oxfam) แคนาดา สั่งซื้อในปริมาณที่เพียงพอเพื่อฉีดวัคซีนให้กับประชากรถึง 5 ครั้ง

เกาหลีใต้ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่จะได้รับวัคซีนที่เพียงพอถึง 88 เปอร์เซ็นต์ ของประชากร 50 ล้านคน

แต่ในขณะเดียวกัน ฟิลิปปินส์ จนถึงขณะนี้สามารถสั่งซื้อได้เพียง 2.6 ล้านโดสสำหรับการส่งมอบในปีหน้า ครอบคลุมประชากรเพียง 1.3 ล้านคนจากประชากรทั้งหมดมากกว่า 100 ล้านคน

“โจ ไบเดน” ตั้งเป้า ฉีดวัคซีนโควิด-19 ชาวอเมริกัน 100 ล้านคน ช่วง 100 วันแรกที่เข้าทำงาน

“ ไม่ควรมีใครถูกปิดกั้นไม่ให้ได้รับวัคซีน โดยมีเหตุมาจากการที่เขาเกิดในประเทศที่มีงบประมาณที่ไม่เพียงพอ และถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลกจะไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19  ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในอีกหลายปีข้างหน้า” Anna Marriott หัวหน้านโยบายสุขภาพของ อ็อกซ์แฟม กล่าว

ขณะที่ สหราชอาณาจักร เริ่มเปิดตัววัคซีน เมื่อวันอังคาร (9 ธ.ค.) และกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่จะทำการฉีดวัคซีนป้องกัน

อย่างไรก็ตาม ในบรรดาวัคซีนทั้ง 3 ชนิดที่มีการประกาศผลว่าประสบความสำเร็จเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ คือ Moderna และ Pfizer-BioNTech ถูกประเทศที่ร่ำรวยจับจองไปแล้ว ในระหว่างที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ในสหรัฐอเมริกากำลังพิจารณาวัคซีนจาก Pfizer-BioNTech  เพื่ออนุญาตให้ใช้ ภายในเดือนนี้

ดร.Mohga Kamal Yanni จาก กลุ่มพันธมิตรวัคซีนเพื่อประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่าในระบบปัจจุบัน บริษัท ยากำลังใช้เงินทุนสาธารณะเพื่อการวิจัย แต่ยังคงรักษาสิทธิพิเศษเฉพาะในบางประเทศที่พัฒนาแล้ว

ดร. ซิดนีย์ หว่อง ผู้อำนวยการร่วมบริหารของ Doctors Without Borders 'Access Campaing (Medecins Sans Frontieres หรือ MSF) ได้เรียกร้องให้ บริษัทยา ไม่ว่าจะเป็น Pfizer,Moderna ขยายการผลิตปริมาณวัคซีนโควิด-19 ซึ่งบริษัทเหล่านั้น ควรจะ แบ่งปันทรัพย์สินทางปัญญา เทคโนโลยีข้อมูลและความรู้เพื่อให้สามารถผลิตวัคซีนได้อย่างกว้างขวางที่สุด และมีราคาที่จับต้องได้

“ หากประชาชนทุกคนไม่สามารถรับวัคซีนโควิด-19 ในราคาที่ยุติธรรมได้และรัฐบาลไม่สามารถเจรจาเพื่อซื้อในราคาถูกได้ ก็ไม่ควรมีบริษัทยาใดได้รับอนุญาตให้ทำกำไรจากการแพร่ระบาดของโรคนี้”

สำหรับ กลุ่มพันธมิตรวัคซีนเพื่อประชาชน  เป็น การรวมตัวของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล, โกลบอล จัสติส นาว และอ็อกซ์แฟม

8 ธ.ค. ดีเดย์สหราชอาณาจักรฉีดวัคซีนโควิด-19 ชุดแรก

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ