หนาวก็ไม่หวั่น! ชาวรัสเซียฝ่าหิมะชุมนุมใหญ่ จี้รัฐบาลปล่อยผู้นำฝ่ายค้าน
ตำรวจรัสเซียบุกค้นที่พักพวกพ้อง "อเล็กซี นาวัลนี"
ในกรุงมอสโก เมืองหลวงรัสเซีย เต็มไปด้วยผู้ประท้วงที่ออกมาเดินขบวนให้ปล่อยตัวอเล็กซี นาวัลนี ศัตรูทางการเมืองคนสำคัญของประธานาธิบดีปูติน
นอกเหนือจากมอสโก ผู้ประท้วงยังออกมาในอีกเมืองใหญ่หลายเมืองทั่วประเทศหลายคนมาแสดงพลังว่าตนสนับสนุนนาวัลนี
อย่างไรก็ตามบางคนบอกว่า มีเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้น คือ ประท้วงความฉ้อฉลหลายคนก็ระบุว่า และการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม
การชุมนุมอย่างสงบกลายเป็นความวุ่นวาย เมื่อตำรวจเริ่มจับกุมผู้ประท้วง ในนครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ตำรวจรัสเซียทยอยจับกุมผู้ประท้วงไปทีละคน
ส่วนอีกด้านตรึงกำลัง เรียงแถวตั้งโล่ล้อมกรอบผู้ประท้วงไว้ไม่ให้ขยายพื้นที่การชุมนุม
สำนักข่าวเอพีรายงาน ในภาพรวมทั่วประเทศมีผู้ประท้วงถูกจับกุมมากถึง 1,500 คน ด้านจำนวนผู้ประท้วงเมื่อวานนี้ยังไม่ชัดเจน กลุ่มที่จัดการชุมนุมบอกว่า ผู้คนออกมากันมากถึง 60,000 คน แต่สำนักข่าวรัสเซียรายงานราว 14,000 คน
อย่างไรก็ตามข้อมูลจากรัฐบาลรัสเซียน้อยกว่านั้น โดยระบุว่ามีเพียง 9,000 คนเท่านั้น
การชุมนุมยาวไปจนถึงดึก และที่มอสโกยิ่งมืดคนก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ แม้ตลอดหลายชั่วโมงจะมีรายงานการจับกุมผู้ชุมนุมเป็นระยะๆ บนโลกออนไลน์
จากภาพคือถนนคุตเนสกี ซึ่งเป็นย่านการค้าสำคัญ ผู้ชุมนุมรวมตัวกันเต็มถนนตะโกนคำว่า อิสรภาพ สื่อถึงการปลดปล่อยนาวัลนี
เกือบสองเดือนที่รัสเซียไม่มีภาพของการชุมนุมใหญ่แบบนี้ การชุมนุมครั้งล่าสุดเกิดขึ้นได้อย่างไร ที่คนไม่พอใจหลังจากนายนาวัลนีถูกจับกุมและถูกขังในคุกที่ได้ชื่อว่าโหดหิน โดยตัวนายนาวัลนีได้มีการอดอาหารเพื่อประท้วงขอความเป็นธรรม
อเล็กซี นาวัลนี เป็นใคร เขาคือนักการเมืองฝ่ายค้านที่ต่อต้านการครองอำนาจของวลาดิเมียร์ ปูติน ตัวเขาเปิดมูลนิธิต้านคอร์รัปชัน และเผยแพร่หลักฐานที่ตนสืบสวนพบว่ามีการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวางในรัฐบาลปูติน
ชื่อของนาวัลนีกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกหลังตัวเขาถูกลอบวางยาพิษด้วยโนวิช็อค เมื่อปลายเดือนสิงหาคม ปี 2020 และหลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นความพยายามของปูตินในการกำจัดเขา
หลังรักษาตัวในเยอรมนี ต้นเดือนมกราคม นาวัลนีเดินทางกลับมายังรัสเซีย และทันทีที่ถึงสนามบินเขาถูกตำรวจควบคุมจับทันที
แต่หลังถูกจับกุม ทีมงานนาวัลนีเผยแพร่หลักฐานใหม่เกี่ยวกับการคอร์รัปชัน เป็นภาพพระราชวังหรูมูลค่าหมื่นล้านบาทที่ถูกระบุว่า ปูตินสร้างมาจากเงินภาษีประชาชน คนไม่พอใจออกมาประท้วงทั่วประเทศ
กลางเดือนกุมภาพันธ์ นาวัลนีถูกนำตัวขึ้นศาล ศาลตัดสินโทษจำคุก 2 ปีครึ่ง จากความผิดในข้อหาละเมิดทัณฑ์บนคดีปี 2014
จากนั้นเขาถูกส่งตัวไปยัง Penal Colony หมายเลข 2 เรือนจำที่ขึ้นชื่อด้านความโหดเหี้ยมและทรมานจิตใจ
นาวัลนีถูกคุมขังไม่นาน ก็มีรายงานจากทนายออกมาว่า เขาต้องการประท้วงระบบการแพทย์ในเรือนจำที่ย่ำแย่ เนื่องจากหลังถูกส่งไปเรือนจำโหด นาวัลนีมีอาการปวดศีรษะและปวดขา แต่กลับไม่ได้รับการรักษาเริ่มอดอาหารตั้งแต่ 31 มีนาคม จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว
จนกระทั่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางเรือนจำตัดสินใจส่งนาวัลนีไปโรงพยาบาล เพราะมีความกังวลจากหลายฝ่ายว่า เขาอาจเป็นอะไรไปจริงๆ
ในวันนั้น อเล็กซี ลิปต์เซอร์ หนึ่งในทีมทนายของนาวัลนีที่มีโอกาสได้พูดคุยกับลูกความระบุว่า นาวัลนีกำลังมีสุขภาพย่ำแย่
เขาอ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรง และซูบผอม แต่ยังคงยืนยันที่จะอดอาหารประท้วงต่อไป นำมาสู่การจุดกระแสประท้วงล่าสุด
การชุมนุมเมื่อวันพุธเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ เนื่องในการประชุมสมัชชาสหพันธ์รัสเซียประจำปี โดยในงานจะมีสมาชิกสภาและนักการเมืองท้องถิ่นรวมถึงนักข่าวเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
เนื้อหาหลักคือการแถลงนโยบายประจำปีต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่ภายในงานปูตินกล่าวเตือนต่างชาติไม่ให้ล้ำเส้นรัสเซีย
สะท้อนถึงความตึงเครียดที่ขณะนี้รัสเซียมีต่อนานาชาติ หลังจากเมื่อต้นสัปดาห์ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับนาวัลนีไม่ว่าจะดีหรือร้าย ล้วนเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลรัสเซีย เนื่องจากเกิดขึ้นในขณะที่เขาถูกคุมขัง
รวมถึงทางสหภาพยุโรปเองก็ออกมากดดันด้วยเช่นกัน โดยระบุว่า รัสเซียต้องอนุญาตให้นาวัลนีเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสม แม้จะยังคงถูกคุมขังก็ตาม
ไม่เพียงแค่ประเด็นนาวัลนีที่รัสเซียกำลังถูกจับตามองแต่ล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมารัสเซียเพิ่งจะขับไล่ทูตยูเครน โดยระบุว่าเขาเป็นสายลับที่พยายามล้วงความลับประเทศ
คนที่ถูกขับไล่คือ อเล็กซานเดอร์ โซซอนยุก มีตำแหน่งเป็นกงสุลยูเครนประจำสถานกงสุลใหญ่ยูเครน ณ นครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
สถานการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัสเซียกับยูเครนกำลังตึงเครียดบริเวณชายแดนและคาบสมุทรไครเมีย โดยทางรัสเซียได้ส่งทหารเข้าตรึงกำลังมากถึง 150,000 นายส่งผลให้ทางยูเครนก็ต้องเตรียมพร้อมด้านการทหารเช่นกัน
ยังไม่ชัดเจนว่าท่าทีของรัสเซียมีขึ้นจากสาเหตุใด แต่ที่ผ่านมารัสเซียสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนตะวันออก
ในขณะที่นานาชาติตะวันตกมองว่าท่าทีของรัสเซียเป็นการคุกคาม ซึ่งล่าสุดในการแถลงนโยบายประจำปี ผู้นำรัสเซียยังคงยืนยันในท่าทีแข็งกร้าว พร้อมระบุว่า หากชาติใดยั่วยุหรือท้าทายความแข็งแกร่งของรัสเซีย พวกเขาจะเผชิญกับการตอบโต้อย่างหนักหน่วง
อย่างไรก็ตามในการแถลง ประธานาธิบดีปูตินไม่ได้เอ่ยถึงนาวัลนีเลย ซึ่งเป็นท่าทีที่ปูตินทำมาตลอด โดยหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงหรือให้ความสำคัญกับฝ่ายค้านคนนี้
แต่จากการชุมนุมใหญ่หลายครั้งที่ผ่านมากำลังสะท้อนว่า ประเด็นของนาวัลนีได้กลายมาเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลปูตินต้องรับมือ
ในขณะเดียวกันก็ถูกกดดันจากนานาชาติที่จับตามองการบังคับใช้กฎหมายในรัสเซีย เนื่องจากที่ผ่านมามีรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนบ่อยครั้ง