เรามาดูว่าตอนนั้นอู่ฮั่นล็อกดาวน์อย่างไร?
มาตรการล็อกดาวน์ในเมืองอู่ฮั่นเริ่มในวันที่ 23 มกราคมปี 2020
- เมืองอู่ฮั่นถูกปิดตาย ประชาชนราว 11 ล้านคนต้องอยู่แต่บ้าน
- รถไฟ รถโดยสารสาธารณะ เครื่องบิน และทางหลวงทั่วเมืองอู่ฮั่นถูกห้ามเข้าออกเมือง
- เจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจ จำกัดการเดินทางระหว่างเมือง
- สำนักงานปิด ร้านค้าปิดยกเว้น ร้านขายอาหารและยา
อนามัยโลกเล็งสำรวจถ้ำค้างคาว หาต้นตอโควิด-19
ทีมสืบหาต้นตอโควิด-19 ของ WHO คาดโควิดไม่ได้อุบัติที่อู่ฮั่น
ช่วงแรกๆ ทางการอนุญาตให้ประชาชนออกจากบ้านได้บ้าง แต่หลังๆ ยกระดับมาตรการห้ามไม่ให้ออกจากบ้านเลย ทำให้ประชาชนต้องพึ่งการสั่งอาหารและของใช้ผ่านระบบเดลิเวอรี่ บางพื้นที่กำหนดว่า ประชาชน 1 คนต่อ 1 ครัวเรือนสามารถออกไปซื้อของใช้จำเป็นได้ 1 ครั้ง ทุกๆ 2 วัน
หลังจากนั้นมาตรการเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม เจ้าหน้าที่ได้เคาะประตูตามบ้านเพื่อตรวจสุขภาพเชิงรุกให้ประชาชน หากใครป่วยจะต้องเข้ารับการกักตัวโดยทันที
ส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จะถูกส่งจากโรงพยาบาลตรงไปยังศูนย์จัดฌาปนกิจ ไม่มีการจัดงานศพ และญาติผู้เสียชีวิตสามารถมารับเถ้ากระดูกเพื่อประกอบพิธีได้ในภายหลัง ระหว่างล็อกดาวน์ก็มีการระดมตรวจหาเชื้อ กันคนติดเชื้อออกมา โรงพยาบาลสนามถูกสร้างขึ้นในเวลาอันรวดเร็วหลังจากตกอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์นาน 11 สัปดาห์หรือ 3 เดือน อู่ฮั่นกลับมาเปิดเมืองอีกครั้งในวันที่ 8 เมษายน 2020 โดยสองสัปดาห์ก่อนเปิดเมืองอู่ฮั่นพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 2 รายเท่านั้น
อย่างไรก็ตามแม้จะพบผู้ติดเชื้อเพียงหลักหน่วย แต่อู่ฮั่นก็ไม่ชะล่าใจ ประกาศโครงการที่ชื่อว่า “10 Days of Battle” หรือแปลเป็นไทยว่า 10 วันแห่งการต่อสู้ ซึ่งเป็นโครงการที่อู่ฮั่นตั้งเป้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ชาวอู่ฮั่นทั้งหมดราว 11 ล้านคนภายใน 10 วัน
หลังจากตรวจโควิด-19 ให้ประชาชนทั้งหมด อู่ฮั่นรายงานการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 206 ราย โดยทั้งหมดคือผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ
จากนั้นชาวอู่ฮั่นก็กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ภาพที่ปรากฏแก่ชาวโลกคือ ปาร์ตี้สระน้ำขนาดใหญ่ในเมืองอู่ฮั่น ที่มีผู้เข้าร่วมงานหลายพันคนรวมตัวกันอย่างอัดแน่นเต็มพื้นที่ โดยส่วนใหญ่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย
ส่วนนี่คือภาพของวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวันครบรอบหนึ่งปีที่อู่ฮั่นประกาศล็อกดาวน์ จะเห็นว่าบรรยากาศของปีนี้แตกต่างจากปีที่แล้วโดยสิ้นเชิง ประชาชนออกมาเดินซื้อของเต็มท้องถนน หลายคนออกมาฝึกไท่เก๊ก และเต้นรำที่สวนสาธารณะอย่างสนุกสนาน
กระนั้น สัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขายังคงระวังตัวจากโรคระบาดก็คือหน้ากากอนามัย โดยชาวอู่ฮั่นส่วนใหญ่ยังคงสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้าน
ชาวอู่ฮั่นเปิดเผยว่า เมื่อมองย้อนกลับไป การล็อกดาวน์ปีที่แล้วคือช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างมาก ส่วนนี่คือภาพบรรยากาศวันตรุษจีนในเมืองอู่ฮั่น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชาวอู่ฮั่นต่างออกมาเล่นดอกไม้ไฟและชมโคมไฟที่ถูกตกแต่งไปทั่วเมือง ซึ่งเป็นภาพบรรยากาศปีใหม่ที่กลับมาอีกครั้ง หลังจากเมื่อปีที่แล้วกิจกกรรมทั้งหมดถูกห้ามเพราะการล็อกดาวน์
ไม่ใช่แค่เมืองอู่ฮั่นเท่านั้นที่ประกาศล็อกดาวน์แบบเข้มงวด แต่ตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาด เมืองอื่นๆ ของจีนก็ประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดเช่นกัน โดยประชาชนส่วนใหญ่มองว่าสถานการณ์โรคระบาดในอู่ฮั่นและที่อื่นๆ ในจีนเริ่มดีขึ้นและปลอดภัยแล้ว สะท้อนให้เห็นว่าจีนสามารถคุมโควิด-19 ได้ดี โดยตอนนี้จีนมีผู้ติดเชื้อสะสมราว 92,000 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมราว 4,600 ราย
อย่างไรก็ตามมาตรการที่เข้มงวดมาพร้อมกับการควบคุมข่าวสาร
นี่คือ จาง จ้าน นักข่าวพลเมืองที่ถูกตัดสินโทษจำคุก 4 ปี จากการรายงานข่าวการระบาดของโควิด-19 โดยเธอมีความผิดในข้อหายุยงปลุกปั่นและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ซึ่งศาลระบุว่า เป็นความตั้งใจก่อความวุ่นวายในสังคม
ย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงต้นของการระบาด ในเวลานั้นจางได้อ่านข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ความยากลำบากในเมืองอู่ฮั่น เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปเพื่อทำข่าว เพื่อรายงานความจริงที่เกิดขึ้น
จางถ่ายคลิปวิดีโอ รูปภาพ และสัมภาษณ์ผู้คนมากมายเกี่ยวกับชีวิตในเมือง ซึ่งในตอนนั้นหลายคนระบุว่า พวกเขาไม่ได้ทราบข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนคำอธิบายจากรัฐบาลมากพอในการป้องกันโรค
ท่ามกลางสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย เธอเผยแพร่ข่าวที่เธอลงภาคสนามขึ้นบนแชนแนลยูทูป แต่จากนั้นไม่นานในเดือนพฤษภาคม เธอก็ถูกจับกุมตัว โดยจะเห็นว่า หนึ่งในวิดีโอของเธอที่เผยแพร่ในยูทูปแชนแนลส่วนตัว ช่วงท้ายของวิดีโอเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งเข้ามาห้ามปราม และขอให้เธอลบภาพที่ถ่าย
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ใช่รายแรกที่ถูกจับกุม นับตั้งแต่การระบาดเกิดขึ้น มีนักข่าวและสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งถูกจับกุม หรือหายตัวไปจากการรายงานข่าว เดือนกุมภาพันธ์ เฉิน ชิวซื่อ ผู้สื่อข่าวด้านสิทธิมนุษยชน หายตัวไปอย่างลึกลับ หลังไลฟ์บรรยากาศของอู่ฮั่นในช่วงล็อคดาวน์
กรณีนี้ยังเกิดขึ้นกับนักข่าวอีกสองคนคือ หลี่ เจ๋อหัว และฟางบิน ทั้งสองถูกจับจากการรายงานข่าวในอู่ฮั่นเช่นกัน โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุสำคัญมาจากการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลต่อความสามารถในการรับมือกับการระบาด
“บิ๊กตู่” เชื่อ 14 วัน สถานการณ์ดีขึ้น ขอทุกคนอดทน ผ่านช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ”