หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เปิดรายงาน โควิด-19 ไม่ได้เกิดจากน้ำมือมนุษย์


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานสรุปการสืบหาต้นตอโควิด-19 ให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างเป็นทางการ ชี้ไม่พบร่องรอยถูกดัดแปลงพันธุกรรม

หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานสรุปการสืบหาต้นตอโควิด-19 ให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างเป็นทางการ โดยเป็นข้อมูลไม่ลับที่เปิดเผยได้มีความยาวรวมไม่ถึง 20 หน้า ใจความระบุว่า ข้อกล่าวหาที่ว่าไวรัสโควิด-19 เกิดจากน้ำมือมนุษย์และได้รับการออกแบบให้เป็นอาวุธชีวภาพนั้น “เป็นคำกล่าวหาที่ไม่ถูกต้องตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์” และอาจเป็น “ข้อมูลเท็จ”

อนามัยโลก เตรียมส่งทีมไปจีน หาต้นตอโควิด-19 อีกครั้ง

จีนเตรียมศึกษาตัวอย่างเลือดในธนาคารเลือดอู่ฮั่นเพื่อสืบหาต้นตอโควิด-19

หน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯ ยังฟันธงต้นตอโควิด-19 ไม่ได้

หน่วยข่าวกรองส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ จากทั้งหมด 17 แห่ง เห็นตรงกันว่า ไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ถูกดัดแปลงพันธุกรรม อย่างไรก็ตาม หน่วยกรองยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า ไวรัสแพร่กระจายโดยการติดต่อจากสัตว์สู่คน หรือเป็นผลมาจากอุบัติเหตุในห้องแล็บ จึงยังไม่มีคำตอบแน่ชัด ยกเว้นจีนจะได้รับความร่วมมือในการสืบสวนจากจีน

สำนักงานผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ (ODNI) ได้ส่งเอกสารการสืบสวนฉบับเต็มให้กับปรธานาธิบดี โจ ไบเดน ตั้งแต่เดือน ส.ค. แต่เพิ่งเผยแพร่ฉบับสำหรับประชาชนเมื่อวันศุกร์ (29 ต.ค.) ที่ผ่านมา

โดย ODNI ปฏิเสธชัดเจนว่า ทฤษฎีที่ว่าไวรัสโควิด-19 เป็นอาวุธชีวภาพนั้น ไม่ใช่ความจริง เพราะเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้องตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ผู้เสนอทฤษฎีนี้ไม่ได้เข้าถึงข้อมูลสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น (WIV) โดยตรง

สำหรับคำถามเกี่ยวกับเรื่องของพันธุวิศวกรรม รายงานดังกล่าวระบุว่า นักวิเคราะห์ด้านข่าวกรองส่วนใหญ่เชื่อว่า ไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์แต่อย่างใด แม้ว่าการประเมินนี้จะอยู่ในระดับมีความเชื่อมั่นต่ำก็ตาม

ณ เดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ยังไม่มีวี่แววของการพบ “ลายเซ็นทางพันธุกรรม” ที่มักจะเป็นตัวบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่า ไวรัสนั้น ๆ ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาหรือไม่ แต่ยังคงมีการศึกษางานวิชาการว่า มี “เทคนิคทางพันธุวิศวกรรมบางอย่างที่ทำให้ไวรัสพันธุกรรมเปลี่ยนจนแยกไม่ออกจากไวรัสธรรมชาติ” หรือไม่

หน่วยข่าวกรอง 4 แห่งจาก 17 แห่ง ประเมิน “ด้วยความมั่นใจในระดับต่ำ” ว่า ไวรัสโควิด-19 แพร่กระจายจากสัตว์สู่คนผ่านปฏิสัมพันธ์ตามธรรมชาติ โดยประเมินจากพฤติกรรมของ WIV ที่ดูเหมือนจะประหลาดใจจากไวรัสตัวใหม่และได้พยายามระบุตัวตนของโควิด-19 มาตลอด

“ส่วนโอกาสที่เจ้าหน้าที่ห้องแล็บจะติดเชื้อโดยไม่ตั้งใจในขณะที่เก็บตัวอย่างจากสัตว์นั้น มีโอกาสน้อยกว่าการติดเชื้อที่เกิดขึ้นจากพรานล่าสัตว์ เกษตรกร พ่อค้า และคนอื่น ๆ ที่สัมผัสกับสัตว์บ่อยครั้งเสียอีก” การศึกษาระบุ

ขณะเดียวกัน มีหน่วยข่าวกรองแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ที่ไม่ได้ระบุชื่อในรายงานนี้ แต่ทราบโดยกว้างว่าเป็นหนึ่งในหน่วยงานข่าวกรองกลาโหม เชื่อ “ด้วยความมั่นใจระดับปานกลาง” ว่า การระบาดเป็นผลมาจากอุบัติเหตุในห้องแล็บที่ WIV หรือที่อื่น ๆ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนใหฐ่เชื่อ

ตามหลักฐานที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ มีในปัจจุบัน มันชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่า “ไวรัสที่ใกล้เคียงกับโควิด-19 ที่สุดได้รับการระบุว่าอยู่ในค้างคาวจากมณฑลยูนนาน และนักวิจัยกำลังศึกษาความเชื่อมโยงนี้”

ปัจจุบัน ไวรัสโคโรนาที่ใกล้เคียงกับโควิด-19 ที่สุดมีอยู่ 12 ชนิด โดยมี 5 ชนิดพบในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน 2 ชนิดพบในมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ส่วนมณฑลกวางตุ้ง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง กัมพูชา ไทย และญี่ปุ่น พบอย่างละ 1 ชนิด

รายงานระบุว่า “WIV ก่อนหน้านี้เคยทดลองผสมไวรัสโคโรนาที่ค้ลายกับเชื้อก่อโรคซาร์ส (SARS) ก็จริง แต่ไม่มีข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนว่า โควิด-19 หรือ Sars-CoV-2 นั้นถูกดัดแปลงพันธุกรรมโดย WIV หรือไม่”

รายงานของ ODNI ระบุว่า เรื่องราวที่แน่ชัดยิ่งขึ้นเกี่ยวกับต้นกำเนิดของไวรัสนั้นน่าจะเป็นไปไม่ได้หากปราศจากความร่วมมือจากจีนที่มากขึ้น ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นได้ยาก สังเกตจากความพยายามของจีนที่จนถึงตอนนี้ยังคงปิดกั้นการสอบสวนเพิ่มเติมโดยองค์การอนามัยโลก (WHO)

อ่านรายงานฉบับเต็มที่นี่

เรียบเรียงจาก The Guardian

ภาพจาก AFP

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ