“โอมิครอน” โค่น “เดลตา” ขึ้นแท่นโควิดสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ

โดย PPTV Online

เผยแพร่

โควิดสายพันธุ์โอมิครอนใช้เวลาเพียง 3 สัปดาห์ ในการผงาดขึ้นเป็นสายพันธุ์หลักของสหรัฐฯ ด้วยสัดส่วนร้อยละ 73 ของผู้ติดเชื้อใหม่ในตอนนี้ ขณะนี้จึงมีความกังวลว่า งานฉลองและกิจกรรมต่าง ๆ จะถูกยกเลิกหรือไม่ โดยเฉพาะงานเคาท์ดาวน์ที่ไทม์สแควร์ ใจกลางมหานครนิวยอร์ก

“โอมิครอน” แซงหน้า “เดลตา” กลายเป็นโควิด-19 สายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ

ลอนดอนยกเลิกจัดงานปีใหม่หลังผู้ป่วยโควิดพุ่ง

"เช็ก 5 อาการโอมิครอน" ที่แพทย์ตรวจพบในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด

แถวยาวเหยียดนี้คือบรรยากาศของการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในนครนิวยอร์ก เมื่อที่20 ธ.ค. ที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนมากให้ความร่วมมือ และการตรวจหาเชื้อไม่ได้จำกัดอยู่แค่นครเศรษฐกิจ แต่รวมถึงทั่วทั้งรัฐ เพราะขณะนี้นิวยอร์กคือรัฐที่มีผู้ติดเชื้อใหม่มากที่สุดของประเทศ คนที่มาตรวจวันนี้ เล่าว่า พวกเขาไม่ได้กลัวโควิดโอมิครอนเท่าไหร่นัก เนื่องจากข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ไวรัสไม่ได้ก่ออาการป่วยรุนแรงมากไปกว่าเดลตา แต่ก็อดเป็นห่วงบรรดากลุ่มเปราะบางอย่าง ผู้สูงอายุไม่ได้ เพราะเชื้อระบาดเร็วมาก

 

จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ของสหรัฐฯ จากกราฟจะเห็นว่าสถานการณ์ยังไม่ทุเลา ข้อมูลล่าสุดของวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อใหม่ 143,530 ราย ถือว่าไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก จากยอดของวันที่ 19 ธันวาคมที่ตอนนั้นอยู่ที่ราว 130,000 ราย แต่ปัญหาคือ ส่วนใหญ่ของผู้ติดเชื้อใหม่ในขณะนี้มาจากโควิดโอมิครอนมากกว่าโควิดเดลตา

เริ่ม! 27 ธ.ค. นี้ "ศิริราช" เปิดจองวัคซีน "ไฟเซอร์" เข็ม 1, 2 และ 3

รายงานจาก CDC ล่าสุด ขณะนี้โควิดโอมิครอนได้กลายมาเป็นเชื้อสายพันธุ์หลักที่ระบาดในสหรัฐฯ แล้ว ด้วยสัดส่วนร้อยละ 73 ของผู้ติดเชื้อใหม่ ในขณะที่เชื้อเดลตาเหลือสัดส่วนเพียงร้อยละ 27 เท่านั้น นับว่าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะย้อนไปช่วงต้นเดือนธันวาคม ตอนนั้นสัดส่วนผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่พบในประเทศยังอยู่ที่ร้อยละ 1 เท่านั้น เรียกได้ว่า ในเวลาเพียง 3 อาทิตย์ โอมิครอนสามารถล้มเดลตาที่เป็นเชื้อหลักในการระบาด

มากกว่านั้นทาง CDC ยังระบุว่า ขณะนี้ในจำนวน 50 รัฐ มีรายงานการพบเชื้อโอมิครอนแล้ว 48 รัฐ รวมถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี เมืองหลวง ปัจจุบันรัฐที่ไม่พบมีเพียงแค่ รัฐโอกลาโฮมา และรัฐเซาท์ดาโกตา ส่วนรัฐที่กำลังเผชิญกับการระบาดของโควิดโอมิครอนอย่างหนัก โดยคาดกันว่ามีสัดส่วนผู้ติดเชื้อโอมิครอนมากถึงร้อยละ 90 ได้แก่ รัฐนิวยอร์ก, นิวเจอร์ซี และเขตปกครองพิเศษเปอร์โตริโก

สถานการณ์ล่าสุดสร้างความกังวล เพราะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลที่ชาวอเมริกันเตรียมที่จะเดินทางกลับบ้านและท่องเที่ยว นั่นทำให้ปรากฏภาพของชาวนิวยอร์กจำนวนมากเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด

อีกความกังวลก็คือ การฉลองรวมกลุ่มและความบันเทิงจะยังเกิดขึ้นได้หรือไม่ ล่าสุดมีเสียงจาก บิล เดอ บลาซิโอ ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ระบุว่า ยังต้องหารือกับผู้เชี่ยวชาญต่อว่างานฉลอง โดยเฉพาะกิจกรรมเคาท์ดาวน์ที่ไทม์สแควร์จะยังคงเกิดขึ้นได้หรือไม่ หรือต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่เบื้องต้นในขณะนี้มีข้อกำหนดว่าคนที่จะเข้าร่วมงานต้องได้รับวัคซีนครบสองเข็ม

ส่วนด้านการตรวจหาเชื้อ ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กชี้ว่า ได้ร่วมมือกับทำเนียบขาวเพื่อจัดหาอุปกรณ์และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการตรวจหาเชื้อและเข้ารับวัคซีนให้ง่ายที่สุด

จนถึงตอนนี้สหรัฐฯ ยังไม่มีนโยบายห้ามชาวอเมริกันเดินทางในประเทศ แต่มีลิสต์ประเทศเสี่ยงที่ทางการเตือนว่า ชาวอเมริกันไม่ควรไปในช่วงปลายปีนี้ เช่น สเปน และฟินแลนด์  นั่นหมายความว่า ชาวอเมริกันยังคงเดินทางกลับบ้านและท่องเที่ยวในประเทศได้ แม้ว่า CDC จะประกาศว่า โควิดโอมิครอนกลายมาเป็นสายพันธุ์หลักของประเทศแล้วก็ตาม

มีคำแนะนำจากนายแพทย์ แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระบุว่า คนที่มีแผนจะเดินทางควรตรวจหาเชื้อก่อนออกเดินทาง รวมถึงฉีดวัคซีนให้เรียบร้อย เพื่อให้ทั้งตนเองและสมาชิกครอบครัวที่จะไปพบรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น รวมถึงควรสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะด้วยเช่นกัน

 

สอดคล้องกับคำประกาศจากทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมที่จะแถลงเตือนไปยังชาวอเมริกันกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีนระหว่างการขึ้นกล่าวแถลงการณ์ในวันอังคารนี้ ตามเวลาสหรัฐฯ โดยย้ำว่า คนกลุ่มนี้กำลังเพิ่มจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19

คำเตือนให้ฉีดวัคซีนถูกย้ำอีกครั้งในช่วงเวลาเดียวกันกับที่สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตจากโควิดโอมิครอนรายแรกของประเทศแล้ว ผู้เสียชีวิตป็นชาย อายุประมาณ 50 ปี จากรัฐเท็กซัส และยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

ส่วนความคืบหน้าด้านการฉีดวัคซีนในประเทศ ปัจจุบันสหรัฐฯ ฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชนไปแล้วร้อยละ 73.3 เข็มที่สองฉีดไปได้ร้อยละ 61.4  ส่วนเข็มบูสเตอร์โดส ซึ่งเป็นเข็มสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าจะช่วยป้องกันโควิดโอมิครอนฉีดไปได้เพียงร้อยละ 18.2

 

ด้านสถานการณ์ในยุโรป หลายประเทศออกมาตรการควบคุมเข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ยังคงไม่ทุเลา

ผลทดสอบเบื้องต้น “โมเดอร์นา 3 เข็ม” กระตุ้นภูมิต้าน “โอมิครอน” ได้

อังกฤษยกเลิกเคาท์ดาวน์สิ้นปี เหตุโอมิครอนยังระบาดหนั

ล่าสุดอังกฤษ ระบุว่า งานฉลองเทศกาลปีใหม่ที่มีแผนจะจัดขึ้นที่จัตุรัสทราฟัลการ์ในกรุงลอนดอนตอนวันปีนี้ งานดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากการระบาดของโควิดโอมิครอน โดยทาง ซาดิค ข่าน ผู้ว่ากรุงลอนดอนชี้ว่า จำใจต้องยกเลิกการจัดงานเคาท์ดาวน์ประจำปี เพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน

ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในสหราชอาณาจักรยังคงพุ่งสูง ข้อมูลล่าสุดของวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา พบผู้ป่วยใหม่เพิ่มอีก 91,743 ราย  พุ่งเกือบแตะหลักแสนแบบนี้มาตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม แต่ลำพังแค่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ยังไม่เพียงพอ ต้องดูยอดผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้นด้วย

ข้อมูลของกรุงลอนดอน ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา เมืองหลวงของอังกฤษรวมจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่มากถึง 65,500 คนแล้ว ในขณะที่ยอดผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลก็เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 29  เหล่านี้คือปัจจัยที่ทำให้ทางการตัดสินใจยกเลิกงานที่จะรวมกลุ่มผู้คนจำนวนมาก ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอน ล่าสุดยอดสะสมในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 25,000 รายแล้ว ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย

รายงานจากบอริส จอห์นสัน นากยกรัฐมนตรีชี้ว่า สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้หนักหนาอย่างมาก และยังต้องจับตาสถานการณ์เป็นรายชั่วโมง แต่รัฐบาลยังไม่ทิ้งความเป็นไปได้ที่จะคุมเข้มมาตรการ เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากโรคระบาด

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์อังกฤษแทบทุกฉบับพร้อมใจกันขึ้นหน้าหนึ่งของตนด้วยการเชิญชวนประชาชนให้เข้ารับวัคซีนบูสเตอร์โดส

ด้านความคืบหน้าของยอดฉีดวัคซีน ล่าสุดสหราชอาณาจักรฉีดเข็มแรกไปแล้วร้อยละ 89.5 เข็มที่สองฉีดไปได้ร้อยละ 81.8  และเข็มบูสเตอร์โดสฉีดได้ร้อยละ 50.4 หรือราวครึ่งหนึ่งของประชากร

 

ยุโรปคุมเข้มออกมาตรการเพิ่ม อนุมัติวัคซีน โนวาแวกซ์

ด้านประเทศอื่น ๆ ในยุโรปก็เตรียมที่จะออกมาตรการคุมเข้มป้องกันการระบาดในช่วงเทศกาลเช่นกัน โดยเยอรมนีคาดกันว่าจะออกมาตรการใหม่ในไม่กี่วันนี้ ควบคุมจำนวนของการรวมกลุ่มให้ไม่เกิน 10 คน ซึ่งจะบังคับใช้ในวันที่ 28 ธันวาคม และจะกระทบต่อกิจกรรมการเฉลิมฉลองต่าง ๆ

สเปน เตรียมพิจารณากำหนดเวลาเคอร์ฟิว ปิดไนท์คลับ และจำกัดจำนวนคนที่รวมตัวกันได้เช่นกัน

เนเธอร์แลนด์เพิ่งจะล็อกดาวน์รอบใหม่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไป และได้ออกคำสั่งให้ปิดร้านอาหารและร้าค้าที่ไม่จำเป็นไปจนถึงวันที่ 14 มกราคมปีหน้า

ผลวิจัยล่าสุดชี้ "โควิด-19" ส่งผลต่อคุณภาพของอสุจิ

ในขณะที่ภาพรวมของสหภาพยุโรป ล่าสุดอนุมัติวัคซีนโนวาแวกซ์เพิ่มอีกตัว นับเป็นวัคซีนตัวที่ 5 แล้วที่สามารถใช้ป้องกันโควิดในสหภาพยุโรป  โนวาแวกซ์เป็นวัคซีนของสหรัฐฯ มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดร้อยละ 90 แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะรับมือกับโอมิครอนได้ดีแค่ไหน

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ