เกาหลีเหนือโชว์ภาพถ่ายโลก จากการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 7 ในปีนี้
เกาหลีเหนือยังไม่หยุด ทดสอบขีปนาวุธรอบที่ 7 ไกลสุดในรอบ 5 ปี
หน้าตาของขีปนาวุธฮวาซอง 12 ขีปนาวุธพิสัยกลางมาก หรือ IRBM ที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รายงานระบุว่า ฮวาซอง 12 เคลื่อนที่ไปได้ประมาณ 800 กิโลเมตรที่ระดับความสูงที่สุดคือ 2,000 กิโลเมตร ก่อนจะตกลงในทะเลตะวันออก ซึ่งทางการเกาหลีเหนือยังปล่อยภาพจากกล้องที่ติดกับขีปนาวุธ ซึ่งได้ถ่ายภาพนอกโลกไว้ด้วย
การทดสอบอาวุธล่าสุดมีความสำคัญตรงที่ เป็นความคืบหน้า เพราะครั้งสุดท้ายที่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลางมากคือ เมื่อปี 2017
ฮวาซอง 12 คือขีปนาวุธพิสัยกลางมาก หรือ IRBM มีความสามารถในการเดินทางได้ไกลสุดประมาณ 3,000-5,500 กิโลเมตร ด้วยระยะนี้ นั่นหมายความว่าเกาหลีเหนือสามารถโจมตีไปถึงเกาะกวม ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิกได้
แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวนี้สร้างความกังวลให้กับสหรัฐฯ ทันที ล่าสุดมีรายงานว่า ทางสหรัฐฯ ได้ส่งคำร้องไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือ UNSC ให้จัดประชุมด่วนต่อประเด็นที่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธลูกใหม่นี้
โดยทางทำเนียบขาว ระบุว่า การทดสอบดังกล่าวเป็นการแสดงออกถึงการยั่วยุ และการต่อต้านมาตรการคว่ำบาตรที่นานาชาติดำเนินการเพื่อกดดันเกาหลีเหนือ รวมถึงยังมีความกังวลว่า หากนานาชาติไม่ดำเนินการใด ๆ เกาหลีเหนืออาจพัฒนาไปสู่การทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล หรือขีปนาวุธข้ามทวีปในอนาคตอันใกล้
ความพยายามจัดการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติยังเกิดขึ้นเนื่องจากเกาหลีเหนือดำเนินการทดสอบอาวุธอย่างต่อเนื่องในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยตั้งแต่เข้าปี 2022 เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธไปแล้วมากถึง 7 ครั้ง ในจำนวนนี้มีสองครั้งคือเมื่อวันที่ 5 และวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา เกาหลีเหนือยังระบุด้วยว่า เป็นขีปนาวุธแบบไฮเปอร์โซนิกหรือขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วถึง 5 เท่าของความเร็วเสียงหรือเท่ากับ 6,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้ยากต่อการตรวจจับและสกัด เพราะกว่าระบบเรดาร์จะตรวจจับได้ ขีปนาวุธแบบไฮเปอร์โซนิกก็เข้าใกล้เป้าหมายแล้ว
อันที่จริงไม่ต้องรอให้เกาหลีเหนือทดสอบอาวุธถึง 7 ครั้ง สหรัฐฯ ก็เริ่มดำเนินการบางอย่างแล้ว เพราะย้อนไปเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ชาวเกาหลีเหนือ 5 คน เจ้าหน้าที่ชาวรัสเซีย 1 คน และบริษัทรัสเซียอีก 1 บริษัทที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนสนับสนุนการพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตามจีนและรัสเซียใช้สิทธิวีโต้ ห้ามมติดังกล่าว จึงต้องติตตามกันต่อว่าหากการประชุมในวาระครั้งใหม่ของ UNSC เกิดขึ้นจริงตามที่สหรัฐฯ ร้องขอจะมีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่
เกาหลีเหนือเผยสารคดี ปี2021 ปีแห่งชัยชนะของท่านผู้นำ
เมื่อวานนี้ เกาหลีเหนือยังได้เผยแพร่สารคดีชุดใหม่ ที่บอกเล่าความสำเร็จประจำปีของ คิม จองอึน โดยระบุว่า ปี 2021 ที่ผ่านมา เป็นปีแห่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของผู้นำเกาหลีเหนือ
สารคดีชุดนี้เปิดมาด้วยตัวหนังสือที่เขียนว่า “วีแดฮัน ซึงรีเอ แฮ 2021 นยอน” แปลว่า “ปี 2021 ปีแห่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่” พร้อมภาพของคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุด ขี่ม้าขาวริมชายหาดใต้แสงอาทิตย์อัสดง และมีเสียงของผู้บรรยายกำลังเล่าว่า ปี 2021 นั้นเป็นปีแห่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เผยแพร่โดย สถานีโทรทัศน์เกาหลีเหนือ หรือเคซีทีวี ซึ่งตัวสารคดีมีความยาวถึง 2 ชั่วโมง
โดยเนื้อหาในสารคดีนอกจากจะยกย่องผลงานของผู้นำแล้ว ยังหยิบเอาความเปลี่ยนแปลงที่คิม จอง อึน ผอมลงมานำเสนอด้วยว่า คิม จอง อึน ซูบผอมลงเพราะเขา “ทุกข์ใจ” แทนประชาชน ในช่วงปีที่วุ่นวายกับการแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศ
ภริยาท่านผู้นำ ปรากฏตัวครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
ล่าสุดในวันนี้มีอีกหนึ่งความฮือฮาจากเกาหลีเหนือ นั่นคือ การปรากฏตัวครั้งแรกในรอบ 5 เดือนของภริยาท่านผู้นำ รี ซอล จู ภริยาของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือปรากฏตัวพร้อมกับสามีเมื่อคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยทั้งคู่เดินทางไปชมการแสดงในโรงละครของกรุงเปียงยาง
ภริยาท่านผู้นำสวมชุดฮันบกสีแดง-ดำ และสื่อรายงานว่า ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเข้ามาในงาน ทั้งนักแสดงและแขกเหรื่อต่างปรบมือและโห่ร้องด้วยความดีใจ
รี ซอล จู หายหน้าไปจากสื่อนานถึง 5 เดือน สร้างความกังวลว่าเธออาจมีปัญหาด้านสุขภาพ แต่จากภาพล่าสุดบ่งชี้ว่า เธอสบายดีและยังแข็งแรง เรื่องราวของเธอนั้นลึกลับ และมีข้อมูลน้อยมาก อีกทั้งข้อมูลที่มีบางอย่างก็ไม่ได้รับการยืนยัน แม้แต่อายุของภรรยาท่านผู้นำก็ไม่มีใครทราบแน่ชัด โดยเชื่อกันว่าเธอน่าจะมีอายุ 30 กลางๆ เกิดในช่วงปี 1985 - 1989 และน่าจะมีลูกกับคิม จอง อึน แล้วสามคน
สำหรับ รี ซอล จู เกิดในครอบครัวชนชั้นสูง แม่เป็นเจ้าหน้าที่แพทย์ พ่อเป็นศาสตราจารย์ เธอมีการศึกษาที่ดี โดยจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ก่อนจะทำงานเป็นนักร้องในคณะประสานเสียง แม้จะมีสถานะเป็นถึงภรรยาท่านผู้นำ แต่คนเกาหลีเหนือเองก็รู้จักเธอน้อยมาก พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านผู้นำคิมปิ๊งรักกับรี ซอล จู ได้ยังไง โดยช่วงแรกที่เธอปรากฏตัว ในช่วงปีแรก ๆ ที่คิมดำรงตำแหน่งผู้นำ หลายคนยังเข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นสมาชิกระดับสูงของพรรค หรือญาติของคิม จอง อึน
อันที่จริงเพิ่งจะมาทราบและยืนยันกันอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ว่าผู้หญิงคนดังกล่าวคือภรรยาท่านผู้นำ โดยในปี 2018 เป็นครั้งแรกที่สื่อเกาหลีเหนือรายงานตำแหน่งของรี ซอล จู ว่า เธอเป็น สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศ จากเดิมที่เรียกเธอว่าสหาย ดังที่ใช้เรียกสมาชิกพรรคทั่วไป
นักวิเคราะห์เชื่อว่า การยกตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งให้แก่รี ซอล จู เป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power ที่เกาหลีเหนือพยายามที่จะทัดเทียมประเทศอื่น ๆ ตลอดจนแสดงออกให้เห็นว่า เกาหลีเหนือนั้นเป็นประเทศปกติ