เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ระบุว่าขณะนี้รัสเซียได้สะสมกำลังทหารตามแนวพรมแดนที่ติดกับยูเครนในระดับที่มากพอต่อการเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ พร้อมย้ำเตือนพลเมืองอเมริกันให้เดินทางออกจากยูเครนภายใน 48 ชั่วโมง
โดย ซัลลิแวน เผยว่าจากการประเมินของหน่วยงานด้านข่าวกรองพบความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะเปิดฉากการโจมตีกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนอย่างรวดเร็ว ซึ่ง ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน อาจสั่งให้กองทัพบุกยูเครนก่อนที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในประเทศจีน จะเสร็จสิ้นในวันที่ 20 ก.พ.นี้
ผู้นำยูเครนเตือนเสี่ยงทำสงครามเต็มรูปแบบกับรัสเซีย
สหรัฐฯแฉรัสเซียจ่อสร้างสถานการณ์บุกยูเครน
อย่างไรก็ตาม ซัลลิแวน ยอมรับว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ปูติน ได้ออกคำสั่งให้กองทัพรัสเซีย บุกยูเครนแล้วหรือไม่
สำหรับการแถลงข่าวของซัลลิแวน มีขึ้นหลังจากที่ ไบเดน ได้ประชุมผ่านระบบสื่อสารทางไกลเป็นเวลา 20 นาทีร่วมกับผู้นำชาติพันธมิตร ท่ามกลางกลางการเสริมกำลังทหารและความพยายามทางการทูตเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและสหรัฐ
โดยผู้นำชาติพันธมิตรที่ร่วมพูดคุยกับ ไบเดน ประกอบไปด้วยแคนาดา ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี เยอรมนี โปแลนด์ โรมาเนีย รวมทั้งตัวแทนจากนาโตและคณะกรรมาธิการยุโรป
ขณะเดียวกันทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยว่า ในวันนี้ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์กับ ปูติน ในเวลาประมาณ 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งเป็นการพูดคุยกันครั้งแรกรับตั้งแต่สิ้นเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมารัสเซียได้เพิ่มกำลังทหารตามแนวชายแดนมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้สหรัฐฯ เชื่อว่ารัสเซียมีแผนบุกยูเครนจริง แม้ ปูตินจะยืนยันว่า การส่งกำลังทหารรัสเซียไปประจำการตามแนวชายแดนติดยูเครนครั้งนี้ เพื่อต้องการบังคับเส้นเขตแดน เพื่อให้มั่นใจว่ายูเครน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของรัสเซียจะไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของนาโต
ด้าน สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 4 คน ที่เปิดเผยว่า สหรัฐฯจะส่งกำลังทหารเพิ่มอีก 3,000 นาย ไปยังโปแลนด์ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เพื่อสนับสนุนการทำงานของนาโต นอกเหนือจากกำลังทการ 8,500 นาย ที่สหรัฐฯได้เตรียมพร้อมไว้เพื่อช่วยเหลือชาติพันธมิตรในยุโรป
หลังจากที่สหรัฐได้ออกมาเตือนว่ารัสเซียอาจส่งทหารบุกยูเครนในเร็วๆนี้ ทำให้หลายชาติได้ออกคำเตือนให้พลเมืองของตนเดินทางออกจากยูเครนทันที ทั้ง ญี่ปุ่น อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และ แลตเวีย ส่วนอิสราเอลเปิดเผยว่ากำลังอพยพครอบครัวของเจ้าหน้าที่ทูตของตนออกจากยูเครน
เช่นเดียวกับกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียที่ยอมรับว่ามีความเป็นไปไปได้ที่อาจต้องสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ทางการทูตออกจากกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน โดยให้เหคุผลว่าไม่ต้องการให้เข้าหน้าที่รัสเซียถูกใช้เป็นเครื่องมือยั่วยุให้เกิดความรุนแรง
ขณะเดียวกัน นาโต ได้ส่งกำลังทหารเพิ่มเติมไปยังประเทศสมาชิกในยุโรปตะวันออก ขณะที่อังกฤษได้สั่งทหารประมาน 1,000 นาย เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์วิกฤตด้านมนุษยธรรมที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้เครื่องบินรบรุ่น “ยูโรไฟเตอร์ ไต้ฝุ่น ทู ” ( Eurofighter Typhoon II ) จำนวน 4 ลำ จากสเปน พร้อมดัวยกำลังทหาร 130 นาย ได้เดินทางถึงประเทศบัลแกเรีย ซึ่งเป็นชาติสมาชิกนาโตในยุโรปตะวันออกเมื่อวานนี้ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนทางอากาศ ร่วมกับกองทัพบัลแกเรียจนถึงสิ้นเดือน มี.ค นี้
เช่นเดียวกับ เนเธอร์แลนด์ ที่คาดว่าจะส่งเครื่องบินรบ F-35 2 ลำ ไปยังบัลแกเรีย เพื่อปฏิบัติภารกิจเดียวกัน โดยการส่งทหารดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนรับมือการเพิ่มกำลังทหารของรัสเซีย โดยบัลแกเรียเตรียมจัดตั้งกองกำลังทหาร 1,000 นาย เพื่อทำงานประสานกับนาโต
ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดี นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ผู้นำอังกฤษ ได้เดินทางไปยังกรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม เพื่อหารือวิกฤติการณ์ในยูเครนกับ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้
การพบกันดังกล่าวได้มีกันหารือถึงข้อเสนอเพิ่มกำลังทหารของอังกฤษในเอสโตเนียซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของนาโต้ การเพิ่มจำนวนเครื่องบินรบในแถบตอนใต้ของยุโรป และการเพิ่มกำลังทางทะเลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก
โดย จอห์นสัน เรียกสถานการณ์ในยุโรปตะวันออกในขณะนี้ว่า “วิกฤติด้านความมั่นคงในยุโรปครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี” พร้อมเรียกร้องให้ชาติพันธมิตรองค์การนาโต้ร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อรับมือความท้าทายนี้ ขณะเดียวกันก็กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าปูติน ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะบุกยูเครนหรือไม่ “แต่ข่าวกรองที่ได้มาสั่งสัญญาณไม่สู้ดีนัก”