“กลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนตะวันออก” คือใคร? ข้ออ้างที่รัสเซียใช้ข้ามแดนยูเครน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ทำความรู้จัก “กลุ่มแบ่งแยกดินแดน” ตัวหมากสำคัญที่ทำให้รัสเซียสามารถส่งกำลังทหารข้ามยูเครนได้สำเร็จ

วันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ประกาศให้แคว้น “โดเนตสค์ (Donetsk)” และ “ลูฮันสค์ (Luhansk)” ในภูมิภาคดอนบาส หรือยูเครนตะวันออก ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน (Separatist) มาเกือบ 10 ปี ให้กลายเป็นรัฐเอกราช มีอิสระจากการปกครองของยูเครน

ทั้งสองแคว้นกลายเป็น สาธารณัฐประชาชนโดเนตสค์ และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ ท่ามกลางเสียงประณามจากนานาประเทศ ว่าการกระทำของรัสเซียเป็นการก้าวล่วงอธิปไตยของยูเครน และผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

สหรัฐและพันธมิตรประกาศแซงชั่น กระทบเศรษฐกิจรัสเซียแค่ไหน?

สภารัสเซียไฟเขียวปูตินส่งทหารรบนอกประเทศ

ชาติพันธมิตรตะวันตก ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย ปมวิกฤตยูเครน

การประกาศของปูตินเกิดขึ้นหลังจากมีเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นในภูมิภาคดังกล่าว รัสเซียจึงอาศัยข้ออ้างว่าต้องการ “รักษาสันติภาพ” ส่งกองกำลังของตนเข้ามายังยูเครน

ประเด็นหนึ่งซึ่งหลายคนอาจยังไม่ทราบ คือเรื่องราวเกี่ยวกับ “กลุ่มแบ่งแยกดินแดน” นี้ ว่าเป็นใคร มาจากไหน และที่สื่อต่างประเทศมักใช้คำว่า “กลุ่มแบกแยกดินแดนที่มีรัสเซียหนุนหลัง” เป็นความจริงหรือไม่?

จุดกำเนิดกลุ่มแบ่งแยกดินแดน

กลุ่มแบ่งแยกดินแดนปรากฏตัวครั้งแรกหลังเกิดเหตุความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนในปี 2014 เมื่อครั้งที่ วิกเตอร์ ยานูโควิช ประธานาธิบดียูเครนซึ่งสนับสนุนรัสเซีย และเชื่อกันว่ามีรัสเซียหนุนหลัง ถูกขับออกจากตำแหน่งจากเหตุประท้วงใหญ่

ครั้งนั้นรัสเซียตอบโต้ด้วยการผนวกคาบสมุทรไครเมียของยูเครนมาเป็นเขตแดนของตน จากนั้น ก็เกิดกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซียเริ่มก่อความไม่สงบในภูมิภาคยูเครนตะวันออก หรือก็คือดอนบาส

ในเดือน เม.ย. 2014 กลุ่มแบ่งแยกดินแดนได้เข้ายึดอาคารของทางการยูเครนในแคว้นโดเนตสค์และลูฮันสค์ พร้อมประกาศสร้าง “สาธารณรัฐประชาชน” และต่อสู้กับกองทหารยูเครนและกองพันอาสาสมัครเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 14,000 ราย

กลุ่มแบ่งแยกดินแดนได้จัดให้มีการลงประชามติเพื่อประกาศเอกราชและเสนอตัวเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ขณะนั้นรัฐบาลรัสเซียไม่ได้ตอบรับ แต่ “เลี้ยง” แคว้นทั้งสองไว้ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทำกดดันยูเครน ไม่ให้เข้าร่วมนาโต (NATO)

ยูเครนและตะวันตกกล่าวหาว่า มีหลักฐานว่า รัสเซียสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนด้วยกองกำลังและอาวุธ แต่รัสเซียปฏิเสธ โดยกล่าวว่า ชาวรัสเซียที่อยู่ในกลุ่มแบ่งแยกดินแดนต่อสู้กับยูเครนด้วยความสมัครใจ

แม้ในเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ถูกยิงตกที่ยูเครนตะวันออกเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2014 จนมีผู้เสียชีวิตถึง 298 คน ที่มีการพบหลักฐานว่า เครื่องบินโดยสารถูกขีปนาวุธที่ยิงจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดน โดยขีปนาวุธดังกล่าวพิสูจน์ทราบว่าเป็นของรัสเซีย ทางรัฐบาลรัสเซียก็ยังคงปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ความพยายามสร้างสันติภาพในยูเครนตะวันออก

หลังจากความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของกองทหารยูเครนในเดือน ส.ค. 2014 ทูตจากรัฐบาลยูเครน กลุ่มแบ่งแยกดินแดน และองค์กรเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ได้ลงนามในสัญญาสงบศึก เกิดเป็นขอตกลงมินสค์ (Minsk I Agreement)

ข้อตกลงดังกล่าวระบุให้มีการหยุดยิงระหว่างทั้งสองฝ่าย ต้องถอนกองกำลังต่างชาติทั้งหมด มีการแลกเปลี่ยนนักโทษและตัวประกัน การนิรโทษกรรม และคำมั่นว่าพื้นที่แบ่งแยกดินแดนอาจมีการปกครองตนเองได้

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงกลายเป็นแค่เสือกระดาษในเวลาอันรวดเร็ว การต่อสู้ระหว่างยูเครนกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนกลับมาดำเนินต่อ จนต้องมีการทำข้อตกลงมินสค์ฉบับที่ 2 (Minsk II Agreement)

ข้อตกลงสันติภาพปี 2015 กำหนดให้ยูเครนต้องมอบสถานะพิเศษให้กับพื้นที่แบ่งแยกดินแดน ให้พวกเขาสามารถสร้างกองกำลังตำรวจของตนเองและมีสิทธิแต่งตั้งอัยการและผู้พิพากษาในท้องที่ นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่ายูเครนจะได้สิทธิ์ควบคุมชายแดนที่ติดกับรัสเซียคืนมาได้ราว 200 กิโลเมตรเท่านั้น

ยูเครนมองว่า เงื่อนไขดังกล่าวเป็นการทรยศต่อผลประโยชน์ของชาติ ทำให้การดำเนินการดังกล่าวหยุดชะงัก อย่างไรก็ดี ข้อตกลงมินสค์ช่วยระงับการต่อสู้เต็มรูปแบบได้ในระดับหนึ่ง แต่สถานการณ์ยังคงตึงเครียด และเกิดการปะทะกันเป็นระยะ

เมื่อข้อตกลงมินสค์ชะงัก ความหวังของรัสเซียที่จะใช้พื้นที่แบ่งแยกดินแดนในการสร้างอิทธิพลต่อยูเครนโดยตรงจึงล้มเหลว แต่ความขัดแย้งที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องได้ทำให้ทรัพยากรของยูเครนร่อยหรอลง และขัดขวางเป้าหมายของบูเครนในการเข้าร่วมนาโต

นอกจากนี้ รัสเซียยังได้พยายามรักษาดินแดนของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนด้วยการแจกหนังสือเดินทางรัสเซียมากกว่า 720,000 ฉบับ ให้แก่ประชากรประมาณ 1 ใน 5 ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน จากประชากรประมาณ 3.6 ล้านคน และยังได้ให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและการเงินแก่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนด้วย

ฉีกข้อตกลงทิ้ง

การประกาศรับรองเอกราชโดเนตสค์และลูฮันสค์ของปูติน ได้ทำลายข้อตกลงสันติภาพมินสค์ และทำให้ความตึงเครียดกับชาติตะวันตกทวีความร้อนระอุขึ้น โดยปูตินยังได้ลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ซึ่งปูทางให้รัสเซียสามารถสนับสนุนกองกำลังและอาวุธได้อย่างเปิดเผย

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีการยิงปืนและเหตุระเบิดในโดเนตสค์และลูฮันสค์ ยูเครนและตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่าปลุกปั่นความตึงเครียดเพื่อสร้างข้ออ้างสำหรับการบุกรุกยูเครน ในทางกลับกัน รัสเซียกล่าวหายูเครนว่าพยายามใช้กำลังทวงคืนดินแดนที่เป็นของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน

เมื่อวันศุกร์ (18 ก.พ.) ผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนออกวิดีโอแถลงการณ์ประกาศอพยพพลเรือน โดยอธิบายว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็น “การรุกรานจากยูเครน”

แต่ข้อมูลที่ฝังอยู่ในวิดีโอระบุว่า คำแถลงของพวกเขาได้รับการบันทึกไว้ล่วงหน้าเมื่อ 2 วันก่อนซึ่งสถานการณ์ยังค่อนข้างสงบ บ่งบอกถึงแผนการโดยเจตนาที่พยายามแยกภูมิภาคทั้งสองออกจากยูเครน

จากข้อมูลทั้งหมดจึงพอจะสรุปได้ว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของยูเครน ถือเป็นหนึ่งในตัวหมากสำคัญของรัสเซีย ที่ทำให้ในที่สุดแล้ว ณ วันนี้ รัสเซียก็สามารถส่งกองกำลังเข้าไปยังยูเครนได้สำเร็จ

 

เรียบเรียงจาก AP

ภาพจาก AFP

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์


TOP ต่างประเทศ

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ