บททดสอบครั้งใหญ่! เมื่อดาวตลก “เซเลนสกี” ต้องพายูเครน ให้รอดพ้น “ปูติน”

คาดนักแสดงตลกคว้าชัยเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครน

ปธน.ยูเครน จวกรัสเซียทำลายสันติภาพ หลังเซ็นรับรองเอกราช 2 แคว้น

“ยูเครน” ต้าน “รัสเซีย” ไหวหรือไม่ เมื่อกำลังรบน้อยกว่าราว 3 เท่า

ย้อนไป 2-3 ปีก่อนหน้า โวโลดิมีร์ เซเลนสกี เป็นเพียงแค่นักแสดงตลกเท่านั้น แต่วันนี้ต้องรับศึกหนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา นับตั้งแต่ยูเครนแยกตัวจากสหภาพโซเวียตในปี 1991

โดยในตอนที่ชาวยูเครนเลือก โวโลดิมีร์ เซเลนสกี เป็นประธานาธิบดีคนใหม่เมื่อปี 2019 ไม่มีใครคาดคิดว่า อดีตนักแสดงตลกคนนี้จะต้องนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตที่หนักหน่วงที่สุด นั่นคือ การรุกรานจากรัสเซีย

เซเลนสกีไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองเลย เขาเป็นนักแสดงตลก บทที่ส่งให้โด่งดัง คือ บทประธานาธิบดีใน Servant of the People หรือ ผู้รับใช้ประชาชน ซีรีส์ชื่อดังของยูเครน  

ตัวละครในซีรีส์ต่อต้านการคอร์รัปชัน เป็นคุณครูที่บังเอิญได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีหลังวิดีโอที่เขาวิพากษ์วิจารณ์การคอร์รัปชันของรัฐบาลกลายเป็นไวรัล

เซเลนสกี ก็ชูนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันในชีวิตจริง เขาชนะด้วยคะแนนโหวตถล่มทลายถึงร้อยละ 73 แม้ว่านโยบายที่ใช้หาเสียงจะยังคลุมเครือไม่ชัดเจน และออกมาในรูปแบบนามธรรม มากกว่าเป็นแผนการที่พร้อมนำไปปฏิบัติ เช่น ต้องการปราบปรามคอร์รัปชั่น ยุติความขัดแย้งในภาคตะวันออกของยูเครน เป็นต้น

สื่อท้องถิ่นตั้งสมญานามว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งยูเครน” จากลีลาในการหาเสียงที่แตกต่าง

โดย เซเลนสกี ไม่จัดเวทีปราศรัย ไม่มีดีเบท ปราศจากการโจมตีนักการเมืองฝั่งตรงข้าม แต่เขาเปิดเดี่ยวไมโครโฟน และดำเนินภาพลักษณ์แบบเดียวกับตัวละครในซีรี่ส์ ภาพจำที่ชาวยูเครนจดจำเขาได้มากกว่าตัวจริง นอกจากนั้นยังฉลาดในการใช้โซเชียลมีเดียเข้าถึงประชาชน

สาเหตุที่ ประชาชนยูเครน เลือกเซเลนสกี ไม่ใช่เพราะนโยบายแปลกใหม่ แต่เพราะที่ผ่านมาพวกเขาเบื่อกับกลุ่มการเมืองเดิม ๆ

ทั้งนี้ หลังคว้าตำแหน่งสูงสุดของประเทศมาครอง เขาให้คำมั่นว่าจะไม่ทำให้ชาวยูเครนผิดหวังในการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน รวมถึงจะถอนทหารรัสเซียและยุติสงครามในยูเครนตะวันออก

เมื่อ ตุลาคม ปี 2021 ครึ่งทางของการดำรงตำแหน่ง คะแนนความนิยมขอ งเซเลนสกี ตกลงมายังจุดต่ำสุดที่ร้อยละ 25 ผลงานของเขาไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงเหมือนที่ให้สัญญาไว้ อีกทั้งยังสร้างความผิดหวังเมื่อมีรายงานสมาชิกรัฐบาลรับสินบน สมาชิกรัฐบาลถูกเปลี่ยนตัวบ่อย มีเสียงวิจารณ์ถนนเส้นใหม่ที่ใช้งบประมาณสูงลิ่ว สื่อใหญ่ที่สนับสนุนรัสเซียถูกปิด ในขณะที่ยูเครนยังคงครองตำแหน่งประเทศที่มีการคอร์รัปชันมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ตามเดิม ส่วนความพยายามเจรจาสันติภาพกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครนตะวันออกก็ยังไม่คืบหน้ามากนัก

 

ต่อมา พฤศจิกายน ปี 2021 รัสเซียส่งกองกำลังเข้าประจำการตามแนวชายแดนยูเครน นำมาสู่ความขัดแย้งยึดเยื้อจนถึงปัจจุบัน ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด สิ่งที่ชาวยูเครนพอจะมั่นใจได้จากผู้นำคนนี้ก็คือ เซเลนสกีไม่ปลื้มปูตินเท่าไหร่นัก รวมถึงปูตินเองก็ด้วย เพราะในการเลือกตั้งเมื่อปี 2019 ปูตินสนับสนุนคู่แข่งของเซเลนสกี

ในตอนนั้นหลังยูเครนประกาศผลการเลือกตั้งได้เพียง 1 สัปดาห์ ปูตินลงนามอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถยื่นขอสัญชาติรัสเซียได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะพลเมืองยูเครนที่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออก

เซเลนสกี แก้เผ็ดด้วยการประกาศผ่านเฟซบุ๊กว่า ยูเครนเองก็พร้อมให้สัญชาติแก่ทุกคนเช่นกัน โดยเฉพาะชาวรัสเซียที่ต้องทุกข์ทรมานจากระบอบทุจริตและเผด็จการของปูติน พร้อมระบุว่า ยูเครนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและมีเสรีภาพของสื่อ ผู้คนมองว่าทั้งคู่รับน้องกันและกัน แต่ขณะนี้ทั้งสองชาติกำลังจวนเจียนจะเข้าสู่สงคราม

ตลอดการทำงาน 2 ปีครึ่งที่ผ่านมาผู้ นำยูเครนแสดงออกชัดเจนว่า ตัวเขาต้องการพายูเครนให้ใกล้ชิดกับตะวันตกมากขึ้น ทั้งทางเศรษฐกิจและการทหาร จุดแตกหักมาถึงเมื่อนาโตมีแนวโน้มที่จะรับยูเครนเป็นสมาชิกในปีนี้

ทหารรัสเซียตามแนวชายแดนยูเครนเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ สหรัฐฯ ออกคำเตือนว่ารัสเซียพร้อมบุกได้ทุกเมื่อ แต่ผู้นำยูเครนกลับบอกว่าสถานการณ์ไม่มีอะไร และขอให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ

วิกฤตลุกลามเมื่อรัสเซียรับรองเอกราชของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกและส่งทหารเข้ามาในยูเครน เซเลนสกี ออกแถลงการณ์เตือนรัสเซียว่า ชาวยูเครนต้องการสันติภาพ แต่หากเกิดการรุกรานก็พร้อมจะสู้กลับ อีกทั้งยังระบุว่า ได้พยายามติดต่อปูตินแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบรับ

 

ผู้คนตั้งข้อสังเกตว่า ถ้อยแถลงล่าสุดของผู้นำยูเครนท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ เพราะลึก ๆ แล้วกองทัพยูเครนไม่มีทางเทียบกับกองทัพรัสเซียได้ จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ผู้นำยูเครนก็ออกมาระบุว่า ได้ปรึกษาหารือกับสหรัฐฯ แล้ว พวกเขาพร้อมสนับสนุนยูเครน แต่ด้วยสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงจึงขอให้ประชาชนชาวยูเครนพยายามหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านในวันนี้

เมื่อภัยคุกคามจากรัสเซียมาประชิดถึงหน้าบ้าน ชาวยูเครนเสียงแตก บ้างมองว่าเซเลนสกีไม่พร้อมและไม่มีความสามารถพอในการรับศึกหนักขนาดนี้ แต่บางฝ่ายก็มองว่าความท้าทายนี้ใหญ่หลวงเกินไป และเมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่ว่าใครเป็นผู้นำ พวกเขาก็ต้องสนับสนุน

เหตุโจมตีปริศนาเกิดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงในกรุงเคียฟ แต่กระนั้นจนถึงตอนนี้ปูตินก็ยังยืนยันว่า รัสเซียไม่ได้ต้องการบุกยึดยูเครน หรือทั้งหมดคือการทดสอบผู้นำยูเครนด้วยบทเรียนโหดหินของปูติน ที่หากเซเลนสกีผ่านพ้นไปได้เขาจะกลายเป็นวีรบุรุษ  แต่หากล้มเหลวนี่คงเป็นวาระเดียวเท่านั้นที่ชาวยูเครนจะเลือกนักแสดงผู้ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อนให้นำพาประเทศ

รัสเซียบุกยูเครนวันแรก คร่า 137 ชีวิต “เราถูกทิ้งให้สู้โดยลำพัง”