กรณีเฟซบุ๊กแฟนเพจของสถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย เผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับประกาศการเปิดรับสมัครชาวต่างชาติ ช่วยยูเครนต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซียก่อนหน้านี้ ส่งผลทำให้มีผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์สนใจเดินทางไปเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครช่วยยูเครนรบกันเป็นจำนวนมาก และมีผู้เดินทางมายื่นเอกสารที่สถานเอกอัครราชทูตกันตั้งแต่ช่วงเช้า
อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทยได้ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ แต่มีป้ายประกาศที่ให้ข้อมูลว่า ผู้ประสงค์จะสมัครเป็นทหารอาสาสมัครร่วมรบในยูเครน จะต้องส่งเอกสาร
ยูเครนให้ทหารอาสาต่างชาติไม่ต้องขอวีซ่า
หลายชาติยุโรปไม่พอใจ “ฟีฟ่า” ไม่แบน “รัสเซีย”
ประกอบด้วยสำเนาหนังสือเดินทางและประสบการณ์ทางทหารในใบสมัคร ส่งผ่านอีเมล์ให้กับเลขานุการโทของสถานทูตเท่านั้น
ส่วนค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายทั้งหมด อาสาสมัครเป็นผู้รับผิดชอบด้วยตัวเอง พร้อมยืนยันว่า ข้อมูลบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ระบุว่า อาสาสมัครจะได้รับสัญชาติยูเครนและค่าตอบแทนต่าง ๆ หลังสิ้นสุดสงคราม ไม่เป็นความจริง
ด้านผู้ที่สนใจร่วมเป็นอาสาสมัครรายหนึ่งเปิดเผยว่า ทราบข่าวการรับสมัครจากโซเชียลมีเดีย แต่ข้อมูลที่ได้มาไม่ชัดเจน เลยตัดสินใจเดินทางมาที่สถานทูตยูเครนด้วยตัวเอง
ด้านผู้สนใจสมัครเป็นทหารอาสาในยูเครนอีกรายหนึ่งระบุว่า อยากเดินทางมาสมัครด้วยตัวเอง แต่เมื่อมาถึงแล้วทางสถานทูตแจ้งว่าให้สมัครผ่านทางอีเมล์ จึงต้องกลับไปเตรียมเอกสารใหม่ แต่ส่วนตัวเคยมีประสบการณ์ทางทหารมาแล้วและพร้อมเดินทางไปร่วมรบ
ด้านนายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า ต่อกระแสข่าวว่าคนไทยต้องการสมัครไปเป็นทหารอาสาในยูเครน แม้จะเคารพการตัดสินใจ แต่ค่อนข้างฝืนความรู้สึก เนื่องจากกรมการกงสุล และกระทรวงการต่างประเทศ มีความเป็นห่วงและกังวลอย่างมาก หากคนไทยไปอยู่ในที่ไม่ปลอดภัยและไม่อยากให้คนไทยได้เข้าไปเสี่ยงชีวิต เสี่ยงอันตราย
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่ายังไม่แน่ชัดว่า กรมยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ติดต่อกับสถานทูตยูเครนและสถานทูตที่เกี่ยวข้อง มีการติดต่อกับสถานทูตยูเครนในเรื่องนี้โดยตรงหรือไม่ แต่แน่นอนว่า มีการพูดคุยกันในเรื่องที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานการณ์ในยูเครนและการช่วยเหลือคนไทย พร้อมระบุด้วยว่า หากต้องการเดินทางไปยูเครน แนะนำให้ติดต่อกับสถานทูตไทยในพื้นที่
ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย ระบุด้วยว่า ในตอนนี้ กรมการกงสุล และกระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญสูงสุดกับภารกิจการอพยพคนไทยในยูเครน เจ้าหน้าที่ไทยและสถานทูตทำงานแทบทั้งวันทั้งคืน เพื่อให้คนไทยออกมาได้อย่างปลอดภัย หากคนไทยจะกลับเข้าไปอีก ก็ค่อนข้างฝืนความรู้สึกของผู้ที่ดูแลอีกด้วย
พลเมืองประเทศอื่นๆ จากทั่วโลกก็สนใจสมัครเข้าไปร่วมรบในยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดที่ญี่ปุ่น สื่อท้องถิ่นรายงานอ้างบริษัทในกรุงโตเกียวที่ดูแลเรื่องอาสาสมัครว่า มีชาวญี่ปุ่นสมัครไปร่วมรบแล้ว 70 คน ในจำนวนนี้ 50 คน เป็นอดีตสมาชิกกองกำลังป้องกันตนเอง
ด้านโฆษกสถานทูตยูเครนในญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ได้รับโทรศัพท์จากประชาชนในญี่ปุ่น ที่ต้องการไปร่วมรบในยูเครน แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียด ขณะที่วันที่ 28 ก.พ.สถานทูตยูเครนโพสต์ข้อความในเครือข่ายสังคมออนไลน์ กล่าวขอบคุณชาวญี่ปุ่นที่สอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก เกี่ยวกับการอาสาเข้าร่วมการสู้รบ
ไม่เพียงแต่ชาวต่างชาติ แต่พลเมืองยูเครนที่อยู่ในต่างแดนเองก็เดินทางกลับประเทศไปทำหน้าที่ปกป้องประเทศด้วย โดยกระทรวงกิจการภายในของยูเครน เปิดเผยว่า มีชาวยูเครนเดินทางกลับจากต่างประเทศเพื่อร่วมสู้รบกับรัสเซีย แล้ว 80,000 คน