แฮชแท็ก #BoycottMcDonalds และ #BoycottCocaCola ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ทั้งเมื่อวานนี้ (7 มี.ค.) และตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียวิจารณ์ว่าทั้ง แมคโดนัลด์ และโคคาโคล่า ยังคงนิ่งเงียบต่อการรุกรานยูเครนและยังคงคงดำเนินธุรกิจต่อไปในรัสเซีย แม้ว่าหลายแบรนด์ชั้นนำจะออกมาร่วมแสดงจุดยืนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดและเครื่องดื่มของชาติตะวันตกอีกมาก ที่ถูกกดดันให้ปิดร้านสาขา หรือหยุดดำเนินธุรกิจในรัสเซียเช่นกัน
แบรนด์รถยนต์ระงับผลิตใน รัสเซีย หลังโจมตี ยูเครน ทั่วโลกไม่พอใจ
หลายชาติยุโรปไม่พอใจ “ฟีฟ่า” ไม่แบน “รัสเซีย”
เช่น KFC เบอร์เกอร์คิง และเป๊ปซี่ ซึ่งยังไม่ออกมาชี้แจงต่อกระแสเรียกร้องดังกล่าว แม้แต่ธุรกิจจากฝั่งเอเชียอย่าง ยูนิโคล่ แบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติญี่ปุ่น ก็ยังต้องออกมาชี้แจงที่ยังตัดสินใจดำเนินธุรกิจในรัสเซียต่อไป ทั้งที่แบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่อื่นๆ ทั้ง Zara และ H&M ได้สั่งปิดร้านสาขาในรัสเซียแล้ว
โดย ทาดาชิ ยานาอิ เจ้าของแบรนด์ยูนิโคล่ ให้เหตุผลว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ควรนำไปสู่การริดรอนสิทธิ์ในการมีเสื้อผ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ของมนุษย์
4 เงื่อนไขจากรัสเซีย ชี้หากยูเครนทำได้ พร้อมหยุดสงครามทันที
ด้าน ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีอีอาร์ไอ ได้โพสต์กรณีที่ บริษัทเอกชน ร่วม boycott รัสเซีย จะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ทั้งน่าสนใจและน่าติดตามอย่างยิ่ง เพราะอาจมีพลังมากกว่ามาตรการ sanction โดยภาครัฐของประเทศใหญ่เสียอีก ข้อดีคือทำให้ประเทศใดที่คิดจะรุกรานประเทศอื่นต้องคิดหนักขึ้นอีก
ข้อเสียคือทำให้ดุลอำนาจเบ้ไปทางประเทศทุนนิยมมากไปหรือไม่ และอาจทำให้กลุ่มทุนใหญ่มีอำนาจกำหนดทิศทางของ geopolitics โลกด้วยนอกเหนือจากระบบทุนนิยมโลกอย่างที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีอะไรช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติโดยรวมจริงหรือไม่
ส่วนความพยายามของสหรัฐฯ และชาติตะวันตก ในการแบนการใช้น้ำมันจากรัสเซีย แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้เปิดเผยว่า สหรัฐฯ อาจเป็นประเทศเดียวที่ประกาศสั่งห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยไม่มีชาติพันธมิตรยุโรปเข้าร่วมด้วย เนื่องจากประเทศต่างๆ ในยุโรปพึ่งพาน้ำมันจากรัสเซียวันละประมาณ 4 ล้านบาร์เรล ขณะที่สหรัฐฯ ใช้น้ำมันจากรัสเซียวันละไม่กี่แสนบาร์เรลเท่านั้น
โดยนายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียมากที่สุด ระบุว่า ไม่สามารถปฏิบัติตามสิ่งที่สหรัฐฯ เสนอได้ในระยะเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
ทั้งนี้ การสั่งห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียของรัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรคโมแครตและรีพับลิกัน โดยคาดว่าน่าจะมีคำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นภายใน 24-36 ชั่วโมงข้างหน้า
ด้าน ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีอีอาร์ไอ ได้โพสต์กรณีที่ บริษัทเอกชน ร่วม boycott รัสเซีย จะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ทั้งน่าสนใจและน่าติดตามอย่างยิ่ง เพราะอาจมีพลังมากกว่ามาตรการ sanction โดยภาครัฐของประเทศใหญ่เสียอีก ข้อดีคือทำให้ประเทศใดที่คิดจะรุกรานประเทศอื่นต้องคิดหนักขึ้นอีก
รัสเซียแผนสูง? เปิดเส้นทางมนุษยธรรม แต่ปลายทางคือรัสเซีย-เบลารุส
ข้อเสียคือทำให้ดุลอำนาจเบ้ไปทางประเทศทุนนิยมมากไปหรือไม่ และอาจทำให้กลุ่มทุนใหญ่มีอำนาจกำหนดทิศทางของ geopolitics โลกด้วยนอกเหนือจากระบบทุนนิยมโลกอย่างที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีอะไรช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติโดยรวมจริงหรือไม่