กองทัพทหารรัสเซีย รุกคืบถึงใจกลางเมืองมาริอูปอลแล้ว


โดย PPTV Online

เผยแพร่




การสู้รบในเมืองมาริอูปอล เมืองท่าสำคัญของยูเครนที่ตกอยู่ภายใต้วงล้อมของกองทัพรัสเซียได้ขยายวงมาถึงพื้นที่ใจกลางเมืองแล้ว

กระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเมื่อวานนี้ว่า กองทัพรัสเซียกำลังยกระดับการปิดล้อมพื้นที่รอบๆ เมืองมาริอูปอล และกำลังสู้รบกับกองกำลังชาตินิยมยูเครนในพื้นที่ใจกลางเมืองดังกล่าว ซึ่งถูกโจมตีอย่างหนักตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ วาดิม บอยเชนโก นายกเทศมนตรีเมืองมาริอูปอล ที่เปิดเผยว่าการสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด โดยได้มีการปะทะกันด้วยการใช้รถถังและปืนกลอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกคนต้องหลบอยู่แต่ภ่ายในบังเกอร์  

ยูเครน ผนึกกำลังสู้สุดใจ งัดกลยุทธ์ตอบโต้รัสเซียทุกวิถีทาง

ปฏิกิริยาโลกลูกหนังกับวิกฤตสงคราม "รัสเซีย-ยูเครน"

จนถึงขณะนี้พลเรือนมากกว่า  350,000 คน ยังติดค้างอยู่ในเมืองมาริอูปอล และกำลังเผชิญกับปัญหาด้านอาหาร และน้ำที่มีจำนวนจำกัด

ส่วนการทิ้งระเบิดโจมตีโรงละครเมืองมาริอูปอลที่ถูกใช้เป็นสถานที่หลบภัยสู้รบของประชาชนประมาณ 1,000 คน ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซลินสกี้ ผู้นำยูเครน เปิดเผยว่าผู้ที่อยู่ภายในโรงละครดังกล่าวได้รับความช่วยเหลือแล้วมากกว่า 130 คน แต่ยังมีอีกหลายร้อยคนที่ติดอยู่ภายใต้ซากอาคาร ซึ่งปฏิบัติการค้นหาจะดำเนินต่อไป แม้จะถูกกองทัพรัสเซียยิงถล่มอย่างหนัก

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ระบุว่าขนถึงขณะนี่ยังไม่มีข้อมูลจำนวนผู้เสียชีวิตที่สามารถยืนยันได้ แต่พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน

ขณะที่ โครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ ได้เตือนว่าห่วงโซ่ระบบการผลิตอาหารในยูเครนกำลังล่มสลาย โดยโครงสร้างพื้นฐานจำนวนหนึ่งได้ถูกทำลาย  ทำให้ร้านค้า และ โกดังไม่มีสินค้าหลงเหลืออีกต่อไป 

โดย จาคอบ เคอร์น ผู้ประสานงานฉุกเฉินโครงการอาหารโลกด้านวิกฤตในยูเครน ระบุว่าการขนส่งสินค้าไปยังพื้นที่ของต่างๆเป็นไปอย่างล่าช้า เนื้องจากความไม่สงบในประเทศ ซึ่งรวมทั้งความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของผู้ประกอบอาชีพขับรถขนส่งด้วย

นอกจากนี้เคอร์น ยังแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในหลายเมืองของยูเครนที่ถูกปิดล้อม อย่างเช่น มาริอูปอล โดยระบุว่าอาหารและน้ำในพื้นที่เหล่านี้กำลังร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ และขบวนรถบรรเทาทุกข์ไม่สามารถเข้าถึงเมืองมาริอูปอลได้

สำหรับโครงการอาหารโลก ซื้อข้าวสาลีเกือบครึ่งหนึ่งจากยูเครน ซึ่ง นับตั้งแต่เกิดวิกฤตรัสเซียบุกยูเครนตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ราคาอาหารได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หน่วยงานดังกล่าวมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ กว่า 2,000 ล้านบาท 

ขณะที่ แมทธิว ซอลต์มาร์ช โฆษกข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติเปิดเผยว่าจำนวนผู้ลี้ภัยจากยูเครนที่เดินทางข้ามพรมแดนมายังโปแลนด์มีจำนวนลดลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้ลี้ภัยลดลงมาอยู่ที่ประมาณวันละ 50,000 คน หรือครึ่งหนึ่งของระดับสูงสุเที่เคยมีจำนวนผู้ลี้ภัยข้ามพรมแดนมากถึงวันละ 100,000 คน แต่จำนวนอาจเพิ่มขึ้นได้หากการสู้รบขยายวงมากขึ้นในทางตะวันตกของยูเครน

ส่วนที่นอร์เวย์ เกิดเหตุเครื่องบินทหารของกองทัพสหรัฐฯ ตกลงในทะเลอาร์กติก ทางภาคเหนือของประเทศเมื่อวานนี้ โดยเครื่องบินลำที่เกิดเหตุเป็นเครื่องบินรุ่นวี-22 ออสเปรย์ ( V-22 Osprey) ของหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่อยู่ในระหว่างการร่วมซ้อมรบกับชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต

ขณะที่ศูนย์ประสานงานปฏิบัติการช่วยเหลือของนอร์เวย์ เปิดเผยว่าเครื่องบินลำนี้สูญหายไปตั้งแต่เวลา 18.26 น. ตามเวลายุโรปของเท่อวานนี้ หรือประมาณ 00.26 น. วันนี้ ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุมีสภาพอากาศเลวร้าย โดยผู้อยู่บนเครื่องมีจำนวนทั้งหมด 4 คน และจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม   

โดยทีมโฆษกของหน่วยงานดังกล่าวได้ส่งเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยและเครื่องบินทหารรุ่นโอไรออนเข้าไปทำการค้นหาและพบเครื่องบินที่ตกแล้ว แต่ไม่สามารถลงจอดในบริเวณจุดตกได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องเดินทางเข้าสู่พื้นที่ผ่านทางบกแทน

ส่วนการประชุมคณะมนตรีคณะความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC เมื่อวานนี้ ตัวแทนจากฝ่ายรัสเซียยังคงอ้างว่าฝ่ายยูเครนใช้อาวุธชีวภาพที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐในการสู้รบ 

โดย วาซิลี เนเบนเซีย เอกอัคราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ ระบุว่าได้มีการผลิตส่วนประกอบของอาวุธชีวภาพในยูเครน ซึ่งมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐ ให้การสนับสนุนด้านการเงินโดยตรงแก่ห้องปฏิบัติการชีวภาพในยูเครน

แต่ข้ออ้างดังกล่าวถูกตอบโต้จากสมาชิกส่วนใหญ่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติ โดย ลินดา โทมัส เอกอัคราชทูตสหรัฐ ประจำสหประชาติวิจารณ์ ว่าข้ออ้างดังกล่าวของรัสเซียเป็นความพยายามเผยแพร่ข้อมูลเท็จบนอินเทอร์เน็ต

กระทรวงการต่างประเทศของลิทัวเนีย ลัตเวีย และเอสโตเนีย ประกาศร่วมกัน เกี่ยวกับการขับนักการทูตรัสเซียรวมกัน 10 คน โดยลิทัวเนียขับเจ้าหน้าที่การทูตของรัสเซีย 4 คน ลัตเวียและเอสโตเนียประเทศละ 3 คน เนื่องจาก “มีความพยายามบ่อนทำลายความมั่นคงภายใน” และ “การเผยแพร่ข้อมูลบดเบือนเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย.

ขณะเดียวกัน ทั้งสามประเทศยืนยันว่า เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับยูเครน ด้านกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ

ขณะที่ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ IMO เปิดเผยว่านอกจากชาวยูเครน 3.2 ล้านคนที่เดินทางออกประเทศเพื่อลี้ภัยการสู้รบ จำนวนชาวยูเครนที่ต้องเดินทางไปยังพื้นที่อื่นภายในประเทศิเพื่อความปลอดภัยขณะนี้มีจำนวนเกือบ 6.5 ล้านคน นั่นหมายความว่าประชนชาวยูเครนราว 1 ใน 4 ของจำนวนประชากรทั้งหมด 44 ล้านคน  ต้องอพยพออกจากถิ่นที่อยู่ของตัวเอง และยังมีอีก 2.2 ล้านคนที่กำลังพิจารณาลี้ภัย

นอกจากนี ยังมีประชาชนในยูเครนอีกประมาณ 12 ล้านคนที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการสู้รบ เนื่องจากไม่สามรรถเดินทางออกมาได้ เนื่องจากหลายปัจจัยทั้งความปลอดภัยเส้นทางไม่สามารถใช้สัญจรได้เพราะถนนและสะพานถูกทำลาย  หรืออาจไม่มีความพร้อมด้านการเงิน หรือ ขาดข้อมูลที่เพียงพอ

โดยหน่วยงานดังกล่าวของสหประชาชาติประเมินว่าสถานการณ์การอพยพในยูเครนตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับเดียวกับสงครามกลางเมืองของซีเรีย ที่ทำให้ประชาชนต้องลี้ภัยรวมกันมากถึง 13 ล้านคน 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ