เซอร์กี รุดสกอย เจ้ากรมใหญ่ยุทธการ กองเสนาธิการทหารรัสเซีย ระบุว่า ศักยภาพในการสู้รบของกองกำลังยูเครนได้ลดลงอย่างมาก ซึ่งทำให้รัสเซียสามารถทุ่มความพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายหลักได้ ซึ่งก็คือการปลดปล่อยภูมิภาคดอนบาสที่เป็นที่ตั้งของสองรัฐอิสระ โดเนตสค์และยูฮันสค์ ที่อยู่ในการครอบครองของฝ่ายกบฏ
“ปฏิบัติการช่วงแรกบรรลุวัตถุประสงค์โดยส่วนใหญ่ ศักยภาพการสู้รบของกองทัพยูเครนได้ลดลงอย่างมาก ซึ่งทำให้เราสามารถทุ่มความพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายหลักได้ ซึ่งก็คือการปลดปล่อยดอนบาส” รุดสกอย ระบุ
รุดสกอย กล่าวย้ำว่า กองทัพรัสเซียเคยพิจารณาที่จะจำกัดปฏิบัติการแค่ในดอนบาส แต่ได้เลือกที่ขยายปฏิบัติการไปทั่วยูเครน เพื่อสร้างความเสียหายแก่โครงสร้างพื้นฐานทางทหาร และขัดขวางกองกำลังยูเครนไม่ให้มาสมทบทางตะวันออก
การประกาศนี้ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นว่า รัสเซียอาจกำลังเปลี่ยนเป้าหมาย หลังเผชิญกับการต่อต้านอย่างแข็งกร้าวจากยูเครนในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาของสงคราม
ขณะที่เจ้าหน้าที่ชาติตะวันตกเชื่อว่า รัฐบาลมอสโกตระหนักแล้วว่าแผนของตัวเองล้มเหลว และที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อรักษาหน้า และอาจเป็นการเริ่มต้นสู่การหาทางลง
ยูเครนมั่นใจมีชัยเหนือรัสเซีย
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน แถลงผ่านวิดีโอเมื่อคืนที่ผ่านมา (25 มี.ค.) การต่อต้านของทหารยูเครนได้สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่รัสเซียในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีข่าวว่ารัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียได้หายตัวไป พร้อมกับย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องเจรจาอย่างเร่งด่วนและหวังผลได้
“ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพที่กล้าหาญของเราได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อศัตรู ความสูญเสียใหญ่หลวง มีข่าวว่ารัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียหายตัวไปด้วย จากการยับยั้งความเคลื่อนไหวของรัสเซีย ทหารของเรากำลังนำรัฐบาลรัสเซียไปสู่ความคิดง่ายๆ และมีเหตุผล ซึ่งก็คือ เราต้องพูดคุย คุยกันอย่างมีความหมาย เร่งด่วน ยุติธรรม เพื่อผลลัพธ์ ไม่ใช้ประวิงเวลา” เซเลนสกี กล่าว
ด้าน เซอร์กี ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และเป็นผู้รับผิดชอบปฏิบัติการทางทหารพิเศษ ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะเกือบ 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในการประชุมระหว่างประธานาธิบดีปูติน กับรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ ก็มีนายชอยกูประชุมอยู่ด้วย
คำแถลงของนายเซเลนสกี สอดคล้องกับที่ที่ปรึกษาของเขาออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า ทหารรัสเซียไม่มีแรงจูงใจที่จะต่อสู้ในยูเครน และตอนนี้อยู่ในสถานะตั้งรับในหลายพื้นที่ หลายคนปฏิเสธที่จะร่วมการสู้รบ หลังได้ยินว่าเพื่อนทหารเสียชีวิตในยูเครนจำนวนมาก
ด้านกระทรวงกลาโหมอังกฤษระบุว่า ยูเครนกำลังยึดเมืองหลายเมืองคืนจากทหารรัสเซียได้ และกำลังตั้งแนวรับห่างจากกรุงเคียฟไปทางตะวันออก 35 กิโลเมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่กลาโหมอาวุโสของสหรัฐฯ ระบุว่า การรุกคืบเข้ามายังกรุงเคียฟของกองทัพรัสเซียดูเหมือนว่าจะหยุดแล้วอย่างน้อยก็ในตอนนี้ หลังรัสเซียหันไปให้ความสำคัญกับการสู้รบเพื่อควบคุมภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออก
ส่วนทหารยูเครนที่อยู่ในแนวรบใกล้กรุงเคียฟเชื่อมั่นว่าตัวเองจะมีชัยชนะเหนือกองทัพรัสเซีย หลังจากที่มอสโกประกาศแผนปรับเป้าหมายทางทหาร โดยแนวรบใกล้กรุงเคียฟหยุดนิ่งมาหลายสัปดาห์แล้ว หลังขบวนรถหุ้มเกราะของรัสเซียสองกลุ่มหลักชะงักอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกของเมือง กองกำลังยูเครนพยายามล้อมทหารรัสเซียในย่านชานเมืองตะวันตก เช่น เออร์ปิน บูชา และฮอสโตเมล ขณะที่บนแนวรบทางเหนือ ทหารยูเครนไม่ได้แสดงความกังวลถึงความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะเข้ามาถึงตัวเมือง
"พวกนั้นไม่มีโอกาสแล้ว โอกาสเดียวของพวกเขาก็คือความตาย เราจะชนะ แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่ใช่สำหรับเรา ไม่ใช่สำหรับพวกเขา การเคลื่อนไหวของของพวกเขาทื่อ เฉื่อย และสับสนวุ่นวาย" ทหารยูเครนคนหนึ่งระบุ
เปิดตัวเลขความสูญเสียในสงคราม
สำหรับตัวเลขความสูญเสียในสงครามครั้งนี้ ล่าสุดกระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่า มีทหารรัสเซียเสียชีวิต 1,351 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 3,825 นาย ซึ่งตัวเลขนี้น้อยกว่าที่ทางยูเครนกล่าวอ้างหลายเท่า โดยฝ่ายยูเครนระบุว่า มีทหารรัสเซียเสียชีวิตในการสู้รบราว 15,000 นาย
ด้านสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติยืนยันว่า นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากทำสงครามในยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ จนถึงคืนวันที่ 23 มีนาคม มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 1,035 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 1,650 คน
ขณะที่ล่าสุด เจ้าหน้าที่ในเมืองมารีอูปอลของยูเครน ออกมายืนยันว่า มีประชาชนเสียชีวิตในเหตุโจมตีโรงละครเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาราว 300 คน