ยูเครนประณามรัสเซีย สังหารหมู่พลเรือนกว่า 410 คน

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีภาพถ่ายดาวเทียมของบริษัทแม็กซาร์ของสหรัฐ เปิดเผยภาพของสนามเพลาะความยาว 14 เมตร ที่ถูกขุดขึ้นในโบสถ์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีการไปพบศพจำนวนมากอยู่ที่นั่น โดยภาพดังกล่าวได้รับการบันทึกเอาไว้เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา และมีทีมงานของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นยืนยันว่าพบเห็นศพผู้เสียชีวิตจำนวนมากในจุดดังกล่าว

รายงานระบุว่า ในเวลานี้ยูเครนกลับมาเป็นฝ่ายควบคุมภูมิภาคเคียฟทั้งหมดได้อีกครั้ง หลังจากกองกำลังรัสเซียถอนทัพ 

กราดยิงซาคราเมนโต เสียชีวิต 6 ราย

แซนประกันตัว 2 แสนบาท ยันแตงโมปัสสาวะท้ายเรือ

โดยรัฐมนตรีช่วยกลาโหมของยูเครน ระบุว่า เมืองเออร์ปิน เมืองบูชา (Bucha) เมืองฮอสโตเมล (Hostomel) ที่ตั้งของสนามบินฮอสโตเมล และภูมิภาคเคียฟทั้งหมด เป็นอิสระจากผู้รุกรานแล้ว

แต่สถานการณ์ที่เมืองบูชาน่าเป็นห่วงและก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะหลังการถอนทหารออกไปของรัสเซีย มีรายงานว่า พบร่างไร้วิญญาณในชุดพลเรือนอย่างน้อย 20 ศพ เรียงรายอยู่บนถนนสายหนึ่งของเมืองบูชา ซึ่งนายอนาโตลี เฟเดรุค นายกเทศมนตรียืนยันว่า เป็นความจริง แต่ยังไม่สามารถเข้าไปเก็บศพได้ เนื่องจากเป็นกังวลว่า อาจถูกกองกำลังรัสเซียซุ่มโจมตี นอกจากนี้ ทางยูเครนยังระบุด้วยว่า พบศพผู้เสียชีวิตทั้งหมด 410 ศพ ในเมืองต่าง ๆ ใกล้กับกรุงเคียฟ

ด้าน นายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของยูเครน ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงวอซอร์ของโปแลนด์ เปิดเผยวานนี้ว่า การสังหารพลเรือนในเมืองบูชานั้น นับเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายอย่างรุนแรงที่สุดในศตวรรษที่ 21 นี้ โดยเขาระบุว่า จากสิ่งที่เห็นในเมืองบูชานั้น ก็สามารถสรุปได้ว่า รัสเซียนั้นเลวร้ายยิ่งกว่ากลุ่มก่อการร้ายไอซิส

“การสังหารหมู่เมืองบูชานั้นนับเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายอย่างรุนแรงที่สุดในศตวรรษที่ 21 และจากที่เห็นในเมืองบูชา แต่เราก็ไม่ควรลืมเกี่ยวกับเมืองและหมู่บ้านอื่นในภูมิภาคเคียฟ ซึ่งก็ได้กลายมาเป็นที่เกิดเหตุอาชญากรรมสำหรับกองทัพรัสเซีย นี่ไม่ได้พูดเกินจริงนะครับ จากสิ่งที่เราเห็นในเมืองบูชาและบริเวณใกล้เคียง เราสามารถสรุปได้ว่า รัสเซียเลวร้ายยิ่งกว่ากลุ่มไอซิสในแง่ขนาดและความโหดเหี้ยมในการก่ออาชญากรรม เราจะเก็บทั้งหมดเป็นหลักฐาน เราจะทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิสูจน์และนำคนที่มีส่วนรับผิดชอบมาลงโทษต่ออาชญากรรมที่พวกเขาก่อ” คูเลบา กล่าว

เช่นเดียวกันกับ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน ที่ระบุว่า บรรดาผู้นำรัสเซียอยู่เบื้องหลังการสังหารพลเรือนในเมืองบูชา และเขายังประกาศสอบสวนอาชญากรรมของรัสเซียที่ก่อขึ้นในยูเครนอีกด้วย

“ผมต้องการให้บรรดาผู้นำสมาพันธรัฐรัสเซียมาเห็นว่าคำสั่งของพวกเขามันทำให้เกิดปฏิบัติการอะไรขึ้น คำสั่งลักษณะนี้ ปฏิบัติการลักษณะนี้ และนี่คือความรับผิดชอบ สำหรับการสังหาร สำหรับการทรมาน สำหรับการระเบิดแขนคน นอนเรียงรายตามท้องถนน สำหรับการยิงเข้าที่ด้านหลังของศีรษะ” เซเลนสกี กล่าว

ศรีลังกาประกาศเคอร์ฟิว-บล็อกโซเชียลมีเดีย คุมม็อบพิษเศรษฐกิจ

สงกรานต์ 2566 ชวนเที่ยว 19 วัด เสริมโชคลาภ สิริมงคลชีวิต

ผู้นำโลกร้องสอบอาชญากรรมสงครามเมืองบูชา

ภาพต่าง ๆ ที่ออกมา สร้างความสะเทือนใจให้แก่หลายฝ่าย และทำให้บรรดาผู้นำโลกออกมาแสดงความไม่พอใจ โดยผู้นำเยอรมนี นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ออกมาเรียกร้องให้มีการสอบสวนเพราะกรณีดังกล่าวเข้าข่ายก่ออาชญากรรมสงคราม

นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ ผู้นำเยอรมนี ระบุด้วยว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และ ผู้สนับสนุนจะต้องเผชิญผลลัพธ์จากการกระทำของตนเอง หลังจากมีการเปิดเผยภาพศพพลเรือนจำนวนมากในเมืองบูชา ใกล้กรุงเคียฟ ของยูเครน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นพื้นที่ยึดครองของกองทัพรัสเซีย

โดย ชอลซ์ ระบุอีกว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม พร้อมเรียกร้องให้มีการอนุญาตองค์การระหว่างประเทศ เช่น คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ เข้าไปหาหลักฐานการกระทำผิดเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดและผู้ที่อยู่เบื้องหลังมารับผิดชอบ

ส่วน คริสติน แลมเบรคท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเยอรมนี ระบุต่อว่า ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปจะต้องหารือกันในประเด็นการห้ามนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียสังหารหมู่พลเรือนในเมืองบูชา

ขณะที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรซ เลขาธิการสหประชาชาติ โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ ระบุว่า รู้สึกช็อกเป็นอย่างมากกับภาพศพเรือนในเมืององบูชา พร้อมเรียกร้องให้มีการตั้งคณะสืบสวนอิสระเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ

ด้าน นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษ ระบุด้วยว่า ไม่มีการบิดเบือนข้อมูลใดจากรัฐบาลเครมลินของรัสเซียสามารถปกปิดความจริงที่ว่ามีการสังหารพลเรือนในยูเครนได้ และปูตินกำลังสิ้นหวัง การรุกรานยูเครนของเขาล้มเหลว

อย่างไรก็ตาม รัสเซียออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนที่ว่ามีการสังหารพลเรือนในเมืองบูชา โดยแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียปฏิเสธเรื่อกองกำลังรัสเซียทำร้ายพลเรือนในเมืองดังกล่าว และระบุว่า ภาพศพเป็นเพียงการยั่วยุและจัดฉากแสดง และรูปภาพภายในเมืองบูชาเป็นเพียงผลผลิตของรัฐบาลเคียฟ สำหรับสื่อตะวันตกเท่านั้น

นอกจากนี้ ล่าสุดรัฐบาลมอสโกยังได้เรียกร้องให้มีการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติในวันนี้ โดยยื่นคำร้องไปโดยให้เหตุผลว่ามีการยั่วยุจากฝั่งยูเครน หลังยูเครนระบุว่า กองทัพรัสเซียสังหารพลเรือนในเมืองบูชา

ส่วนความคืบหน้าการอพยพประชาชนออกจากเมืองมารีอูปอล ทางตอนใต้ของยูเครน หลังก่อนหน้านี้ ประสบความล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวานนี้รองนายกรัฐมนตรีของยูเครนยืนยันว่ามีการอพยพประชาชนเกือบสามพันคนออกมาจากพื้นที่สู้รบในเมืองมารีอูปอลและแคว้นลูฮันสก์ได้แล้ว

คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศหรือไอซีอาร์ซี (ICRC) พยายามจะอพยพประชาชนออกมาจากเมืองดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถทำได้ โดยโฆษกกาชาดสากล ระบุว่า สถานการณ์ในพื้นที่มีความซับซ้อน และเต็มไปด้วยหลายปัจจัย เช่น ความปลอดภัย ขณะเดียวกันกาชาดสากลก็ถูกกล่าวหาว่าส่งพลเรือนจากมารีอูปอลไปยังรัสเซีย ซึ่งกาชาดสากลปฏิเสธ และตอนนี้ยังมีประชาชนราว 160,000 คน ตกค้างอยู่ภายในเมืองมารีอูปอล ท่ามกลางวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ทวีความรุนแรงขึ้น จากการขาดแคลนอาหาร น้ำดื่มและยารักษาโรค

“เซี่ยงไฮ้”เริ่มล็อกดาวน์เพิ่ม ปิดพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเมืองสกัดโควิด

เมียทะเลาะผัว ตีลูก 5 ขวบระบายอารมณ์