ความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในเมืองต่างๆใกล้ๆกับกรุงเคียฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของยูเครนเข้าไปสำรวจความเสียหาย หลังกองทัพรัสเซียถอนกำลังออกไป โดยภาพเผยให้เห็นถนนและสะพานในเมืองเออร์พินได้รับความเสียหาย ใช้การไม่ได้ ขณะที่ถนนในเมืองบูชามีร่องรอยความเสียหาย และมียานพาหนะของกองทัพถูกเผาจอดทิ้งไว้
ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ลงพื้นที่เหล่านั้นเมื่อวานนี้ และเขาระบุว่า มันยากมากขึ้นที่ยูเครนจะไปเจรจากับรัสเซีย หลังจากที่พวกเขาทราบถึงขนาดความเสียหายที่กองทัพรัสเซียได้ก่อขึ้นในยูเครน
ประธานาธิบดีปูติน สนใจร่วมประชุมกลุ่มประเทศ G20 ที่อินโดนีเซียในปีนี้
“ยูเครน” ขอ “อบราโมวิช” ช่วยเจรจา "ปูติน" ยุติสงคราม
ประธานาธิบดีเซเลนสกี ยังได้เข้าไปสำรวจความเสียหายเมืองบูชา ซึ่งมีการไปพบสนามเพลาะความยาว 14 เมตร ที่ถูกขุดขึ้นในโบสถ์แห่งหนึ่ง ซึ่งในนั้นมีศพจำนวนมากอยู่ และพบร่างไร้วิญญาณในชุดพลเรือนอย่างน้อย 20 ศพ เรียงรายอยู่บนถนนสายหนึ่งของเมืองบูชา
ผู้นำยูเครนระบุว่า นี่คืออาชญากรรมสงคราม และเหตุการณ์นี้ควรได้รับการจดจำจากทั่วโลกว่า การสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
หลังจากนั้น ผู้นำยูเครนแถลงว่า กองทัพรัสเซียได้สังหารและทรมานพลเรือนกว่าสามร้อยคนในเมืองบูชา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นเป็นหลักฐานในการกล่าวหาว่ารัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามขึ้น โดยยูเครนเริ่มทำการสอบสวนสิ่งที่รัสเซียทำที่เมืองดังกล่าวแล้ว และคาดว่า จำนวนเหยื่อจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ เมื่อมีการไปตรวจสอบทั้งเมืองเรียบร้อยแล้ว พร้อมเตือนด้วยว่า นี่เป็นเพียงแค่ความเสียหายของหนึ่งเมืองเท่านั้น
ด้านนายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของยูเครน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนกรุงวอร์ซอของโปแลนด์เปิดเผยว่า การกระทำอันโหดร้ายของกองทัพยูเครนนั้นอาจจะร้ายแรงยิ่งกว่านี้ เพราะในเวลานี้ยูเครนยังไม่สามารถเข้าไปสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นในหลายหมู่บ้านและเมืองได้ ดังนั้นเขาจึงเรียกร้องขอให้ประเทศต่างๆอย่ารีรอที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเพิ่มเติม
รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครนยังบอกด้วยว่า การหวาดกลัวประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียนำมาสู่สงครามครั้งนี้ และย้ำว่าในเวลานี้ ยูเครนต้องการอาวุธมากกว่านี้
ด้านประธานาธิบดีเซเลนสกีมีกำหนดการจะแถลงในที่ประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่จะจัดขึ้นในวันนี้อีกด้วย
ขณะที่ทางฝั่งรัสเซียก็ออกมาปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองบูชา โดยระบุว่าเป็นการจัดฉากของฝ่ายยูเครน
นายเซอร์เก้ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย เปิดเผยวานนี้ ถึงข้อกล่าวหาของชาติตะวันตกที่ระบุว่าทหารรัสเซียสังหารพลเรือนในเมืองปูชานั้นไม่เป็นความจริง โดยรัฐบาลเครมลินปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและระบุว่า หลุมศพและศพที่พบเห็นนั้นเป็นการจัดฉากของรัสเซียเพื่อทำให้รัสเซียเสื่อมเสียชื่อเสียง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครน โดยเฉพาะในเมืองบูชา นำไปสู่ปฏิกิริยาของผู้นำโลก โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองบูชาของยูเครน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน คืออาชญากรสงคราม และต้องถูกนำตัวมารับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
โดยไบเดน ระบุว่าสหรัฐฯจะต้องรวบรวมรายละเอียดทั้งหมด เพื่อนำไปสู่การพิจารณาคดีก่ออาชญากรรมสงครามของปูติน
เช่นเดียวกับ จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่ากองกำลังของรัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างชัดเจนต่อการสังหารพลเรือนในเมืองบูชา แต่ยังไม่ทราบว่าทหารหน่วยใดของรัสเซียที่เข้าไปปฏิบัติการในเมืองบูชา
ส่วนเหตุสังหารหมู่พลเรือนอย่างเหี้ยมโหดในเมืองบูชาของยูเครนทำให้ยุโรปเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย ซึ่งสหภาพยุโรป ยืนยันว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นอาชญากรรมสงคราม โดยสหภาพยุโรปได้ขอประณามสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองบูชาและเมืองอื่นๆ ซึ่งรัสเซียกำลังแสดงให้เห็นว่า ได้พุ่งเป้าไปที่พลเรือน และละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
โลกยุคแห่งปัญหา “ยูเครน” ยังไม่จบ “อัฟกานิสถาน-เมียนมา” ก็ยังวิกฤต
ราคาน้ำมันโลกแนวโน้มปรับลง จากการระบายน้ำมันสำรองของสหรัฐ-พันธมิตร
ขณะที่ประธานาธิบดี เอมมานุเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสก็ออกมาเรียกร้อง ให้มีการออกมาตรการห้ามใช้น้ำมันจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองบูชา นอกจากนี้ ฝรั่งเศสยังเตรียมขับนักการทูตรัสเซีย 35 คน พ้นประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมมือกับประเทศยุโรปชาติอื่นๆอีกด้วย เช่นเดียวกันกับเยอรมนีที่มีการสั่งขับนักการทูตรัสเซียออกนอกประเทศไปแล้ว 40 คน