เมื่อวันอังคาร (3 พ.ค.) เจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และเจ้าหน้าที่จากยูเครน เปิดเผยว่า นอกจากคดีหญิงในยูเครนถูกทหารรัสเซียข่มขืนที่เคยมีรายงานก่อนหน้านี้ ยังพบว่ามีผู้ชายและเด็กชายในยูเครนตกเป็นเหยื่อถูกทหารรัสเซียข่มขืนเช่นกัน ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน
ปรามิลา แพตเทน ตัวแทนพิเศษของสหประชาชาติด้านความรุนแรงทางเพศในสงคราม กล่าวว่า “ฉันได้รับรายงาน แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน … เกี่ยวกับคดีความรุนแรงทางเพศต่อผู้ชายและเด็กชายในยูเครน”
อัยการยูเครนเปิดชื่อ 10 ทหารรัสเซีย ทรมานประชาชนในเมืองบูชา
แพทย์นิติเวชยูเครนเผย ศพหญิงยูเครนบางศพมีร่องรอยถูกข่มขืนก่อนถูกสังหาร
แพทย์นิติเวชยูเครนเผย หลายศพในเมืองบูชา ถูกสังหารด้วย “ลูกดอกเหล็ก”
แพตเทนเสริมว่า อาจเป็นเรื่องยากที่ผู้ชายและเด็กชายที่ถูกข่มขืนจะแจ้งความเอาผิดหรือรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น
“ปกติมันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงและเด็กหญิงที่จะรายงานการข่มขืน ทั้งจากความอัปยศและเหตุผลอื่น ๆ แต่บ่อยครั้งที่มันเป็นเรื่องยากกว่าที่ผู้ชายและเด็กชายจะรายงานอาชญากรรมที่เกิดขึ้น … เราต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเหยื่อทุกคนในการรายงานคดีการใช้ความรุนแรงทางเพศ” เธอกล่าว
เธอเตือนว่า คดีความรุนแรงทางเพศหลายสิบคดีในยูเครนที่ก่อโดยทหารรัสเซียที่อยู่ระหว่างการสอบสวนจนถึงขณะนี้ “เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็ง” ขณะที่เธอเรียกร้องให้ผู้รอดชีวิตออกมาต่อสู้ และให้ประชาคมระหว่างประเทศค้นหาผู้กระทำความผิดและให้พวกเขาต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ
อิรินา เวเนดิกโทวา อัยการสูงสุดของยูเครน กล่าวว่า สำนักงานอัยการของเธอได้รวบรวมรายงานความรุนแรงทางเพศโดยกองทหารรัสเซียต่อชายและหญิงทุกวัยตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ
เวเนดิกโทวากล่าวว่า รัสเซียตั้งใจใช้การข่มขืนเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ “แน่นอนว่านี่คือการทำให้ประชาชนในสังคมหวาดกลัว … พวกเขาทำทุกอย่างเพื่อบังคับให้ยูเครนยอมจำนน”
เธอเสริมว่า มีรายงานเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศในยูเครนที่เกิดจากรัสเซียไม่กี่คดี เนื่องจากเหยื่อบางรายได้เดินทางออกนอกประเทศ และบางส่วนที่ยังอยู่ในยูเครนก็กลัวที่จะพูดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม อัยการและทีมสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐานความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพบว่า การข่มขืนหมู่ การบังคับข่มขืนด้วยอาวุธปืน และการข่มขืนต่อหน้าเด็ก เป็นหนึ่งในคดีที่รวบรวมมาได้
ลุดมีลา เดนิโซวา กรรมาธิการสิทธิมนุษยชนยูเครน ได้จัดทำเอกสารอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับคดีของผู้หญิง 25 คนที่ถูกขังในห้องใต้ดินและถูกข่มขืนในเมืองบูชา
ขณะที่แพทย์นิติเวชที่ทำการตรวจชันสูตรศพหญิงยูเครนที่ถูกฝังในหลุมศพจำนวนมากในบูชาและเออร์ปิน กล่าวว่า พวกเขาพบหลักฐานว่าบางคนถูกข่มขืนก่อนถูกทหารรัสเซียสังหาร
แพตเทน กล่าวว่า เธอเดินทางมายังกรุงเคียฟ เนื่องจากมีข้อบ่งชี้จำนวนมากถึงความรุนแรงทางเพศที่แพร่หลายและเป็นระบบในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน และมีความเสี่ยงที่สตรีชาวยูเครนที่หนีออกนอกประเทศจะตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์
“สัญญาณเตือนทั้งหมดเป็นสีแดงในยูเครน มีคดีความรุนแรงทางเพศที่โหดร้ายเกิดขึ้น ... ฉันไม่สามารถกลับไปทำงานในสำนักงานของฉันในนิวยอร์กได้เมื่อได้เห็นรายงานความรุนแรงทางเพศที่บาดใจเช่นนี้ ฉันมาที่นี่เพราะเราต้องทำให้แน่ใจว่า จะมีผลลัพธ์เกิดขึ้นสำหรับอาชญากรรมเหล่านี้” แพตเทนกล่าว
ขณะนี้ สถานการณ์ที่ทหารรัสเซียยังคงยึดอาณาเขตทางตอนใต้และตะวันออกของยูเครนไว้ได้ ทำให้มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเกิดตดีข่มขืนที่นั่น นักเคลื่อนไหวได้พยายามที่จะนำชุดคุมกำเนิดฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ โดยเร็วที่สุด
แพตเทนบอกว่า โลกได้อนุญาตให้มีการใช้ความรุนแรงทางเพศ ซึ่งเป็นอาวุธราคาถูก เงียบ และมีประสิทธิภาพ มาโดยตลอด
“ถูกเพราะไม่เสียเงิน มีประสิทธิภาพมาก เพราะไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเหยื่อ แต่ยังส่งผลกระทบต่อทั้งครอบครัว สังคม ... มันคือสงครามชีวภาพ มันเป็นสงครามจิตวิทยา” เธอกล่าว
ยูเครนยังได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติสำหรับการสืบสวนคดีความรุนแรงทางเพศ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชของฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์เดินทางมาให้ความช่วยเหลือในการสอบสวน ขณะที่สหราชอาณาจักรให้สัญญาว่าจะส่งผู้สอบสวนไปช่วยรวบรวมหลักฐานการก่ออาชญากรรมสงครามรวมถึงความรุนแรงทางเพศเช่นกัน
ทั้งนี้ หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า ท้ายที่สุดแล้ว หากพบหลักฐานความผิดจริง ทหารรัสเซียที่ก่อเหตุจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ เนื่องจากพวกเขาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของรัฐบาลรัสเซีย ที่ปฏิเสธเสียงแข็งมาตลอดว่าไม่ได้ก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน
สหรัฐฯ รับประกันความปลอดภัยให้สวีเดนระหว่างรอเข้าร่วมนาโต
โควิดไทย 10 จังหวัดสูงสุด ปอดอักเสบ 1,638 ราย กทม.ทรงตัว
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP