“จอห์น ลี” ผู้นำฮ่องกงคนใหม่ เจ้าของฉายา “พิคาชูผู้ซื่อสัตย์ของจีน”

โดย PPTV Online

เผยแพร่

เปิดประวัติผู้นำคนใหม่ของฮ่องกง เจ้าของฉายา “พิคาชู” และทิศทางการบริหารฮ่องกงหลังจากนี้

ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัสเซียกำลังบุกยูเครน และอาจมีแผนควบรวมพื้นที่บางส่วนของยูเครนมาเป็นของตัวเอง ที่อีกมุมหนึ่งของโลก ในเอเชีย “ฮ่องกง” กำลังเผชิญกับความเคลื่อนไหวที่เชื่อได้ว่า จีนกำลังจะควบคุมฮ่องกงไว้ในกำมือได้อย่างเบ็ดเสร็จ

เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นเนื่องจาก “จอห์น ลี คา-ชิว” อดีตหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงฮ่องกงวัย 64 ปี ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำคนต่อไปของฮ่องกง แทนที่ แคร์รี แลม

จอห์น ลี ผู้นำคนใหม่ของฮ่องกง อดีตตำรวจปราบม็อบประชาธิปไตย

ว่าที่ผู้นำฮ่องกง พร้อมให้โอกาสเยาวชนที่เคยร่วมม็อบต่อต้านจีน

ฮ่องกงเตรียมคลายมาตรการโควิด ขยายเวลาเปิดบาร์-ลดข้อจำกัดร้านอาหาร

ในการเลือกตั้งผู้บริหารระดับสูงของฮ่องกง ลีเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียว ซึ่งชื่อของผู้สมัคร (ที่มีเพียงชื่อเดียวนี้) ไม่ได้มาจากเสียงของประชาชน แต่เป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ของจีน หรือมีแนวคิดสนับสนุนจีน

นั่นทำให้ จอห์น ลี ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน จากการสำรวจความเห็นประชาชนฮ่องกงเมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า มีประชาชนเพียง 34.8% เท่านั้นที่เห็นดีกับการให้ลีเป็นผู้นำฮ่องกง

ผู้นำที่มาจากวงการตำรวจ

ลีแตกต่างจากผู้นำฮ่องกงคนอื่น ๆ ที่มักมีความสัมพันธ์กับภาคธุรกิจหรือมีประสบการณ์ในงานราชการ ภูมิหลังของลีมาจากการเป็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย โดยเขาเข้าร่วมกองกำลังตำรวจฮ่องกงในปี 1977 ตั้งแต่ครั้งฮ่องกงยังมีสถานะเป็นเมือง ขณะนั้นเขาอายุราว 19-20 ปี ทำงานในแผนกแก้ปัญหาอาชญากรรม

จากนั้นลียังคงเป็นตำรวจในยุคที่ฮ่องกงเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้กำกับการในปี 1997 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่อังกฤษมอบฮ่องกงให้กับจีน

ลียังคงมีผลงานและชื่อเสียงอย่างต่อเนื่อง โดยได้ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจ ซึ่งดำรงตำแหน่งสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในกองกำลังตำรวจฉ่องกงเมื่อปี 2010

เดิม จอห์น ลี ถือ 2 สัญชาติ คือฮ่องกง และอังกฤษ แต่เขาได้ทิ้งสัญชาติอังกฤษไปไม่นานก่อนที่เขาจะรับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงในปี 2012

เมื่อเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงภายใต้การบริหารของแคร์รี แลม เขามีบทบาทสำคัญในการผลักดันร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนในปี 2019 ซึ่งจุดชนวนให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองและสังคมครั้งใหญ่ที่สุดของฮ่องกงในรอบหลายทศวรรษ

เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่ “ปราบม็อบ” ด้วยความรุนแรง จนสถานการณ์ในฮ่องกงหลายครั้งเกือบบานปลาย จากการประท้วงซึ่งเริ่มต้นอย่างสันติกลายเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุม

ตำรวจซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของนายลีในฐานะหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการใช้ปืนใหญ่ฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง และกระสุนจริงในการต่อสู้กับผู้ประท้วง

แต่ลีก็ออกมาแก้ต่างและปกป้องการใช้กำลังของตำรวจฮ่องกง โดยกล่าวว่า การใช้ความรุนแรงของผู้ประท้วงบางคนถือเป็น “การก่อการร้าย” และ “ลัทธิสุดโต่ง” ที่จำเป็นต้องจัดการอย่างเข้มงวด

ต่อมาในเดือน มิ.ย. 2020 จีนผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่เข้มงวดเพื่อบังคับใช้ในฮ่องกง ซึ่งทำให้ลงโทษผู้ประท้วงที่ต่อต้านจีนได้ง่ายขึ้น และนำไปสู่การจับกุมผู้ไม่เห็นด้วยมากกว่า 100 คน

ภายใต้กฎหมายความมั่นคง ลีดูแลการจับกุมผู้ประท้วงจำนวนมากในปี 2021 โดยกล่าวหาว่าพวกเขาพยายาม "ทำให้รัฐบาลฮ่องกงเป็นอัมพาต" ด้วยการจัดการเลือกตั้งขั้นต้น

เขายังสั่งให้ตำรวจเข้าตรวจค้น Apple Daily หนังสือพิมพ์ฝั่งประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง ซึ่งต่อมาถูกบังคับให้ปิดตัวลงหลังจากทรัพย์สินถูกระงับ และพนักงานหลายคนถูกจับกุมภายใต้กฎหมายความมั่นคง

จากนั้นลีได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการดูแลเรื่องความมั่นคงของชาติที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เขากล่าวว่า กฎหมายดังกล่าว (จากจีน) ได้ช่วยฮ่องกงให้ฟื้น “เสถียรภาพจากความโกลาหล” และ “เขาจะขจัดอุดมการณ์แห่งความเป็นอิสระ ความรุนแรง และแนวคิดสุดโต่งของฮ่องกง”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฮ่องกง ทำให้สหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อ จอห์น ลี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ รวมถึงยูทูบก็ได้บล็อกบัญชีผู้ใช้สำหรับหาเสียงของเขา

ก่อนหน้านี้ จอห์น ลี เคยบอกกล่าวเป็นนัยว่า หากเขาได้ดำรงตำแหน่งผู้นำฮ่องกง เขาจะให้ความสำคัญกับปัญหาด้านความมั่นคง ซึ่งรวมถึงการใช้กฎหมายด้านความมั่นคงมาตรา 23

กฎหมายดังกล่าวระบุว่า ฮ่องกงควรออกกฎหมายเพื่อ “ห้ามการกระทำใด ๆ ที่เป็นการทรยศ การแยกตัว ยุยงปลุกปั่น และโค่นล้มจีน”

ในเดือน มิ.ย. ปีที่แล้ว เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าเลขาธิการฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทรงอิทธิพลที่สุดอันดับ 2 ของฮ่องกง เทียบได้กับหัวหน้าคณะรัฐมนตรี เขาดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้ไม่ถึง 1 ปี ก่อนที่จะลาออกในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำฮ่องกง

ฮ่องกงหลังจากนี้ ในการดูแลของ “พิคาชู” ผู้ซื่อสัตย์ของจีน

อุดมการณ์ของ จอห์น ลี ที่เห็นชัดว่าสนับสนุนจีนและต่อต้านประชาธิปไตยในฮ่องกง ทำให้นักวิจารณ์ตั้งชื่อเล่นหรือฉายาให้กับลีว่า “พิคาชู (Pikachu)” ซึ่งเป็นตัวละครจากการ์ตูนชื่อดังระดับโลกอย่างโปเกมอน โดยมีที่มาจากชื่อ “คา-ชิว” ในชื่อ “จอห์น ลี คา-ชิว” ที่ออกเสียงคล้ายกัน

อีกเหตุผลหนึ่งที่ลีได้ฉายานี้คือคุณลักษณะที่คล้ายคลึงกัน โดยพิคาชูในการ์ตูนเป็นโปเกมอน (คล้าย ๆ สัตว์เลี้ยง) ที่มีความผูกพันและซื่อสัตย์กับเทรนเนอร์ (เจ้าของ) ของตัวเอง เป็นการเปรียบเทียบว่า จอห์น ลี เป็น “สัตว์เลี้ยงที่ภักดีต่อจีน”

วิลลี วอ-ลัป แลม นักรัฐศาสตร์ กล่าวว่า การแต่งตั้งลีเป็นผู้นำฮ่องกงเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า ฮ่องกงกำลังกลายเป็น “รัฐตำรวจ” และเตือนว่าการปราบปรามทางการเมืองจะรุนแรงขึ้นภายใต้การดูแลของเขา

ด้าน จอห์น เบิร์นส์ นักวิจารณ์การเมือง ระบุว่า “การเลือกลีเป็นสัญญาณว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่มั่นใจในความมั่นคงปลอดภัยในฮ่องกง นอกจากนี้ยังทำให้เรารู้ว่า รัฐบาลกลางยังคงไม่ไว้วางใจรัฐบาลฮ่องกงและประชาชน”

รอนซอน ชาน ประธานสมาคมนักข่าวฮ่องกง กล่าวว่า มีความกังวลอย่างยิ่งว่า หลังจากนี้ ประชาชนในฮ่องกง รวมถึงสื่อ อาจถูกลงโทษหากมีการแสดงออกทางความคิดที่ขัดกับลี ซึ่งจะบ่มเพาะปัญหาสิทธิเสรีภาพในฮ่องกงให้ตึงเครียดขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลในประเด็นที่ว่า ลีขาดประสบการณ์ในการจัดการเศรษฐกิจและสวัสดิการสังคม ซึ่งอาจส่งผลต่อฮ่องกงซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าและการเงินของโลก ละตั้งคำถามว่า ลีจะสามารถพลิกฟื้นฮ่องกงที่ประสบเสียหายหนักจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้อย่างไร เขาจะต้องจัดการกับปัญหาเช่นการขาดที่อยู่อาศัยและความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้น

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าผู้มีอิทธิพลของฮ่องกง โดย 1 สัปดาห์หลังจากการเสนอชื่อลีเป็นผู้นำ เขาได้จัดตั้งทีมที่ปรึกษาที่มีบุคคลสำคัญหลายคน เช่น หลี่ คาชิง ชายที่ร่ำรวยที่สุดของฮ่องกง เฮนรี ถัง กรรมการที่ปรึกษาระดับสูงของจีน แม้แต่ดาราหนัง เฉินหลง ก็อยู่ในรายชื่อที่ปรึกษาด้วย

วิกเตอร์ หลี่ ประธานของบริษัท CK Hutchison Holdings Ltd กล่าวในแถลงการณ์ว่า ลีคือ “ตัวเลือกที่เหมาะสม” ที่จะเป็นผู้นำคนต่อไปของฮ่องกง “เพราะฮ่องกงจะเจริญรุ่งเรืองได้ก็ต่อเมื่อมีเสถียรภาพเท่านั้น”

ลีแสดงตนอย่างชัดเจนแล้วว่า เขาจะกำหนดรูปแบบการปกครองฮ่องกงไปในทิศทางไหน

ในการแถลงนโยบายของเขาเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ลีเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบูรณาการฮ่องกงกับเมืองอื่น ๆ ของจีนที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยจุดที่น่าสังเกตคือ ในการแถลงนี้ใช้ภาษาจีนล้วน ไม่มีการแปลภาษาอังกฤษให้ แม้ว่าภาษาอังกฤษจะเป็นหนึ่งภาษาราชการของฮ่องกงก็ตาม

ลีได้เปรียบเปรยว่า ฮ่องกงเป็นเหมือนวงดนตรีซิมโฟนี และแม้เขาจะขาดประสบการณ์ในการบริหารบ้านเมือง แต่เขาก็จะเป็น “วาทยกร” ที่จะกำกับดูแลฮ่องกงให้ออกมาสวยงามเหมาะสม ซึ่งอาจต้องวงเล็บห้อยท้ายว่า ‘ในแบบที่จีนต้องการ’

 

เรียบเรียงจาก BBC / CNN

ภาพจาก AFP

อังกฤษรายงานพบผู้ป่วยโรคหายาก “โรคฝีดาษลิง” คาดติดมาจากไนจีเรีย

ยูเครนมอบเหรียญรางวัลให้ “เพทรอน” สุนัขสืบหาวัตถุระเบิดขวัญใจชาวเน็ต

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ