ในจุดนี้มีกองกำลังยูเครนชุดสุดท้ายหลายร้อยนายที่ยังไม่ยอมจำนน และถูกรัสเซียล้อมกรอบโจมตีมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ภาพที่ออกมาทหารหลายนายอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บหนัก
ล่าสุดรัสเซียกับยูเครนบรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว และเริ่มอพยพทหารที่บาดเจ็บออกมา ตัวเลขทหารที่บาดเจ็บที่อพยพออกมาอยู่ที่ประมาณ 267 นาย โดยทั้งหมดถูกพาไปอยู่ที่เมืองที่กองทัพรัสเซียครอบครองอยู่
คืนที่ผ่านมา รถบัสกว่า 10 คันที่มีตราอักษร Z ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกองกำลังรัสเซียที่ปฏิบัติการในยูเครน ได้ทยอยออกมาจากพื้นที่ของโรงงานอาซอฟสตอล
หัวอกคนเป็น “แม่” ในวันที่ลูกสู้อยู่ในสมรภูมิ “มาริอูปอล”
"ปูติน" เปลี่ยนแผน ยกเลิกบุกยึดโรงงาน Azovstal สั่งแค่ปิดล้อม
และรถบัสอย่างน้อย 5 คัน ที่ภายในรถปรากฎภาพของกองกำลังยูเครนประมาณ 53 คนที่ได้รับบาดเจ็บ ได้เดินทางมาถึงที่เมืองโนโวซอฟสก์ ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่มีรัสเซียหนุนหลัง
ขณะที่อีก 211 นายได้รับการอพยพผ่านทางระเบียงมนุษยธรรมแยกไปยังพื้นที่อีกจุด ภายในเมืองเดียวกัน
การอพยพทหารยูเครนที่บาดเจ็บถูกควบคุมอย่างใกล้ชิดโดยกลุ่มทหารรัสเซียที่มีผ้าสีขาวผูกไว้ที่แขน
หลังภาพการอพยพปรากฏออกมา ประธานาธิบดีเซเลนสกีระบุว่า ภารกิจในการปกป้องอาซอฟสตอลสิ้นสุดลงแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ การรักษาชีวิตฮีโร่ของยูเครนไว้
เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหมยูเครน ที่ได้ออกมาแถลงว่า ทหารทั้งหมดที่ปักหลักอยู่ในอาซอฟสตอลได้ทำภารกิจเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว และรัฐบาลจะทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือทหารเหล่านั้นออกมา
ส่วนคนที่ออกมาได้แล้ว และขณะนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย จะมีการแลกเปลี่ยนตัวกับทหารรัสเซียที่ยูเครนจับไว้
การนำตัวทหารที่บาดเจ็บออกมาจากอาซอฟสตอลครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังการเจรจาอย่างจริงจังระหว่างทั้งรัสเซียและยูเครน
นี่อาจจะเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดการต่อต้านของยูเครนในเมืองมาริอูปอล หลังจาก กองกำลังยูเครนสามารถต้านทหารรัสเซียไว้ได้นานหลายสัปดาห์
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า การไม่ยอมจำนนของกองกำลังชุดสุดท้ายในอาซอฟสตอลคือ วิธีการซื้อเวลาเพื่อสกัดกั้นการรุกคืบของรัสเซียทางใต้ไว้ให้นานที่สุด เพื่อรออาวุธจากทางชาติตะวันตก และเมื่ออาวุธถึง ก็ถึงเวลาที่จะรักษาชีวิตของทหารเหล่านี้
ด้านฝั่งรัสเซียเองก็ได้ปล่อยภาพวิดีโอของนักรบยูเครนที่ออกมาจากอาซอฟสตอลเช่นกัน โดยอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพนักรบจากกองพันอาซอฟ จำนวน 265 คนที่ยอมวางอาวุธและมอบตัว และในจำนวนนี้มี 51 นายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เขาระบุว่า ตอนนี้ รัสเซียได้ส่งทุกคนไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลโนโวซอฟสก์ ในแคว้นโดเนตสก์เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ได้รับการรักษาแล้ว กองพันอาซอฟเหล่านี้จะถูกดำเนินคดีโดยฝ่ายรัสเซีย ซึ่งดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีรัสเซียได้ให้คำมั่นว่า การพิจารณาคดีของกองพันอาซอฟ จะเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่บัญญัติไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศแน่นอน
อย่างไรก็ดียังไม่มีความชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมาริอูปอลหลังจากนี้ รัสเซียจะทำอย่างไรต่อไป หากได้ครอบครองเมืองนี้โดยสมบูรณ์
หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า รัสเซียอาจใช้วิธีการจัดทำประชามติเพื่อผนวกรวมเหมือนกับที่เคยทำกับไครเมีย
แต่คำถามคือ ชาวเมืองจะเห็นด้วยหรือไม่ที่ต้องยอมอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซียหลังจากที่รัสเซียถล่มเมืองนี้จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก
รัสเซียเจอการต้านจากยูเครนอย่างหนัก การรบไม่เป็นไปตามแผน ไม่คืบหน้าแถมยังถูกยูเครนโต้กลับและยึดคืนพื้นที่ได้
โดยเฉพาะที่คาร์คีฟ ที่ขณะนี้เริ่มชัดเจนว่ารัสเซียถอนทัพออกไปแล้วจุดนี้กองกำลังยูเครนสามารถโต้ตอบรัสเซียกลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถยึดคืนพื้นที่คืนได้เกือบหมดแล้ว
เนื่องจากได้อาวุธที่มีประสิทธิภาพจากชาติตะวันตก เช่น M-777 HOWITZERS ปืนใหญ่ลากจูงขนาด 155 มม ที่ยิงได้ไกล มีความแม่นยำสูง โดยยูเครนได้จากสหรัฐฯ ถึง 90 กระบอก
เมื่อวานมีภาพของทหารยูเครนกลุ่มหนึ่งแสดงความดีอกดีใจในขณะที่ถ่ายภาพพร้อมกับหลักปักเขตแดน โดยพวกเขาระบุว่า ขณะนี้พวกเขาอยู่ที่ชายแดนยูเครนรัสเซีย พวกเขาสามารถผลักดันทหารรัสเซียออกจากแนวรบด้านนี้ได้สำเร็จแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ประธานาธิบดีเซเลนสกีก็อัดคลิปกล่าวแสดงความยินดีที่กองกำลังชุดนี้สามารถยึดคาร์คีฟกลับมาได้
ศาสตราจารย์ไมเคิล คลาร์ก ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงจากศูนย์สงครามศึกษา ของมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ประเทศอังกฤษให้ความเห็นว่า การที่รัสเซียถอนกองกำลังออกจากคาร์คีฟในครั้งนี้ ไม่ใช่การแพ้พ่ายแพ้ครั้งใหญ่ แต่เป็นการย้ายทัพมากกว่า
เมื่อลงไปดูในภูมิประเทศของสนามรบทางภาคตะวันออกจะพบว่า ในสนามรบระหว่างฝ่ายรัสเซียและยูเครนมีแม่น้ำโดเนตสก์คั่นกลางอยู่
กองทัพยูเครนจะอยู่ทางซ้ายของแผนที่หรือทางตะวันตก ในขณะที่กองทัพรัสเซียอยู่ทางขวาของแผนที่หรือทางตะวันออก ไมเคิลมองว่าทั้งสองฝ่ายมีจุดป้องกันที่ดีจากการที่มีแม่น้ำคั่นกลางอยู่
เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะทำการโจมตี จะทำได้ยากลำบาก เนื่องจากแม่น้ำจะกลายเป็นอุปสรรคในการโจมตีทันที
ศาสตราจารย์ไมเคิลวิเคราะห์ว่า แผนการในตอนแรกของรัสเซียคือ เริ่มต้นจากการจะยึดพื้นที่บริเวณตั้งแต่เมืองคาร์คีฟลงไปจนถึงเมืองมาริอูปอล
แต่เมื่อแผนไม่สำเร็จอย่างที่วางไว้ รัสเซียจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็น การยึดจากเมืองอีซุมไปที่เมืองโดเนตสก์ ดังที่เราได้เห็นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
และในช่วง 36 ชั่วโมงที่ผ่านมา รัสเซียได้ย้ายกองกำลังจากเมืองคาร์คีฟ และกองทหารจากเมืองเบลโกรอดในรัสเซียเข้าไปสู้ในสมรภูมิขนาดเล็ก เพื่อยึดพื้นที่ที่เมืองซีวีโรโดเนตสก์จนถึงสวิตลาดาร์สก์แทน
นี่ทำให้เห็นว่ารัสเซียพยามค่อยๆ ยึดพื้นที่ดอนบาสที่ละน้อย มากกว่าที่จะทำแบบวงกว้าง ซึ่งล้มเหลวไปแล้วหลายรอบ
อย่างก็ดี รัสเซียไม่อาจยังไม่ประสบผลสำเร็จในการปิดล้อมภูมิภาคดอนบาส เนื่องจาก ตอนนี้ทหารรัสเซียบางส่วนยังไม่สามารถข้ามแม่น้ำโดเนตสก์มาได้ การปิดล้อมภูมิภาคนี้จึงทำได้ยาก
ส่วนพื้นที่ทางใต้อย่างมาริอูปอล ศาสตราจารย์ไมเคิล กล่าวว่า มีประเด็นที่น่าสนใจคือ รัสเซียใช้ฟอสฟอรัสขาวในการรบที่อาซอฟสตอลเพื่อให้เกิดควัน สร้างอุปสรรคต่อการมองเห็น ซึ่งการใช้ในบริบทนี้ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย หากไม่ได้ใช้ฟอสฟอรัสขาวโจมตีโดยตรงใส่พลเรือนหรือทหาร
การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่อาซอฟสตอล และการถอนกำลังที่คาร์คีฟถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ คงต้องติดตามกันต่อไปว่ากองทัพรัสเซียจะทำอะไรต่อหลังจากที่สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามแผน