จุดหมายแรกของผู้นำสหรัฐฯคือ เกาหลีใต้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เดินทางถึงฐานทัพอากาศโอซาน ในเมืองพยองแท็ก เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดยมีรัฐมนตรีว่การกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ให้การต้อนรับ
ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนมีกำหนดการเข้าหารือกับผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้ ประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล ที่เพิ่งจะสาบานตนรับตำแหน่งไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในวันพรุ่งนี้ ( 21พ.ค.)
"ไบเดน" ยันไม่ถอนคำพูดว่า "ปูตินไม่ควรอยู่ในอำนาจ"
"ไบเดน" ยันสหรัฐฯ จะปกป้องไต้หวัน หากถูกจีนโจมตี
สหรัฐคือพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในวันที่คาบสมุทรเกาหลียังอยู่ในสภาวะสงคราม
สงครามระหว่าง 2 เกาหลีเกิดขึ้นหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นพ่ายแพ้ เกาหลีจึงถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นพรมแดนสมมติ สหภาพโซเวียตได้เกาหลีเหนือไป ส่วนสหรัฐอเมริกาได้เกาหลีใต้
หลังจากนั้นผู้นำสหภาพโซเวียต โจเซฟ สตาลินยกทัพเข้าเกาหลีใต้เพื่อขยายลัทธิคอมมิวนิสต์ สหรัฐฯขอมติจากสหประชาชาติส่งกองกำลังเข้าผลักดันกองทัพสหภาพโซเวียตออกไป และรุกต่อเข้าเกาหลีเหนือจนเกือบติดชายแดนจีน
จีนก็เข้าร่วมสงครามเพราะรู้สึกถูกคุกคาม สงครามดำเนินอยู่ 3 ปีมีทหารเสียชีวิตกว่า 1 ล้านนาย พลเรือนอีก 2 ล้านคน ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงเซ็นสัญญาหยุดยิงเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ปี1953
จากนั้นเกาหลีเหนือก็มุ่งหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และขีปนาวุธข้ามทวีปหรือ ICBM โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องตนเองจากการโจมตีจากเกาหลีใต้และสหรัฐ
ก่อนหน้าการเดินทางมาเอเชียคราวนี้ของผู้นำสหรัฐ มีรายงานข่าวว่า เกาหลีเหนืออาจมีการท้าทายด้วยการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์หรือ ขีปนาวุธ
คนที่พูดเรื่องนี้คือ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐโดยเขาได้เตือนว่า การทดสอบอาจเกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีไบเดนอยู่ที่เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น โดยสหรัฐฯได้เตรียมแผนสำรองไว้แล้วหากเกาหลีเหนือทำเช่นนั้นจริง
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ผู้นำสหรัฐฯจะไปเยือนเขตปลอดทหาร หรือ DMZ ซึ่งเป็นพื้นที่กันชนระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบไบเดนไม่ได้เดินทางไปที่นั่นตามที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้า หลังจากเยือนเกาหลีใต้เสร็จสิ้น ไบเดนก็จะมุ่งหน้าต่อไปยังญี่ปุ่น ซึ่งที่นั่นวาระที่สำคัญที่สุดเป็นเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคเช่นเดียวกัน แต่คราวนี้คู่กรณีจะคือจีน โดยการเยือนญี่ปุ่น ผู้นำสหรัฐจะร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม Quad
Quad เป็นกลุ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงที่ประกอบด้วย สหรัฐฯ, ออสเตรเลีย, อินเดีย และญี่ปุ่น เริ่มขึ้นในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อสร้างความร่วมมือในการคานอำนาจกับอิทธิพลของจีน
ที่ผ่านมา Quad จัดการประชุมมาแล้วสองครั้งในสมัยของไบเดน แต่เป็นการประชุมผ่านระบบออนไลน์ เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ระบาด ดังนั้นนี่จะเป็นครั้งแรกที่ผู้นำจากทั้ง 4 ประเทศจะได้พบปะพูดคุยกันต่อหน้า
ก่อนหน้านี้เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีสหรัฐระบุว่า มีความสำคัญมากที่โลกประชาธิปไตยต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างความมั่นคง จีนออกมาแสดงความไม่พอใจทันที
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุผ่านแถลงการณ์ว่า การที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเพื่อต่อต้านจีนนี้ สะท้อนว่าญี่ปุ่นกำลังเดินทางผิดและไม่ได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ว่าความร่วมมือใดๆ ก็ตามควรเกิดขึ้นเพื่อสันติภาพ ไม่ใช่มุ่งโจมตีประเทศหนึ่ง
จีนมองว่า การประชุม Quad มีขึ้นเพื่อต่อต้านอิทธิพลและการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน
ในขณะที่สหรัฐฯ ระบุว่า ต้องการเน้นไปที่การสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค
ด้านญี่ปุ่นเอง โยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชี้ว่า ที่ผ่านมาจีนไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านการบุกยูเครนของรัสเซีย รวมถึงไม่ได้กระตือรือร้นกับชาติอื่นๆ ที่จะคว่ำบาตรเศรษฐกิจรัสเซีย
ดังนั้นแล้วหลายฝ่ายจึงกังวลต่อความมั่นคงในภูมิภาค ที่ในอนาคตอันใกล้จีนอาจทำแบบเดียวกับรัสเซีย