ผลประชุมนาโต เพิ่มทหาร-รัสเซียเป็นภัยคุกคามอันดับ 1

โดย PPTV Online

เผยแพร่

การประชุมสุดยอดผู้นำนาโต 30 ชาติที่จัดขึ้นที่มาดริดของประเทศสเปนเสร็จสิ้นลงแล้ว ผลจากการประชุมครั้งนี้จะมีผลต่อการจัดระเบียบความมั่นคงใหม่ของโลกนับจากนี้ไป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียเรียกผลที่เกิดจากการประชุมครั้งนี้ว่า เป็นการคลี่ม่านเหล็ก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสงครามเย็นอีกครั้ง เพื่อปิดกั้นระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก

บรรดาผู้นำชาตินาโตได้เริ่มทยอยเดินทางออกจากกรุงมาดริดของประเทศสเปนแล้วหลังการประชุมเสร็จสิ้นลง

ผลจากการประชุมที่ดำเนินมา 3 วัน คือการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งขององค์กรความมั่นคงแห่งนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เลขาธิการนาโต เยนส์ สโตลเทนเบิร์กเรียกว่า "เปลี่ยนจากรากฐาน"

หนึ่งในนั้นคือ การเปลี่ยนมุมมองต่อรัสเซีย จากที่เคยเรียกว่าเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ ให้กลายมาเป็นภัยคุกคามโดยตรงและสำคัญที่สุดของนาโต

นานาชาติผิดหวัง เจรจาปัญหา ยูเครน-รัสเซีย ยังไม่เจอทางออก

ยืดเยื้อ สงครามรัสเซีย ยูเครน | กาแฟดำ EP47 | 31 มี.ค. 65 | สุทธิชัย หยุ่น

การเปลี่ยนสถานะและมุมมองต่อรัสเซียตามมาด้วยการปรับยุทธศาสตร์ทางการทหารครั้งใหญ่ ในที่ประชุม ชาติสมาชิกนาโตประกาศเพิ่มกำลังพร้อมรบหรือ Nato Response Forece (NRF) ที่ตอนนี้มีอยู่ 40,000 นาย ให้เป็น 300,000 นายจะเพิ่มกองเรือพิฆาตในสเปน ส่งเครื่องบินรบ F-35 ไปสหราชอาณาจักร เพิ่มศักยภาพการป้องกันภัยทางอากาศในเยอรมนีและอิตาลี่

ส่วนที่โปแลนด์ สหรัฐจะตั้งสำนักงานใหญ่ของกองทัพน้อยที่ 5 อย่างถาวร โดยผู้นำสหรัฐทิ้งท้ายในการแถลงข่าวก่อนออกจากประเทศสเปนว่า ทั้งหมดเพื่อปกป้องทุกตารางนิ้วของนาโต และรัสเซียคิดผิดหากคิดว่าสงครามในยูเครนจะทำให้ชาตินาโตแตกแยกกัน

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของนาโตสร้างความไม่พอใจให้รัสเซีย โดยเฉพาะประกาศให้รัสเซียเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่ง

รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนประเทศเบลารุส พูดเรื่องนี้ระหว่างการแถลงข่าวว่า ขั้นตอนของการคลี่ม่านเหล็กอันใหม่ระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกได้เริ่มขึ้นแล้ว

เขาบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในที่ประชุมนาโตคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ชาติตะวันตกไม่ได้พยายามทำความเข้าใจความกังวลและผลประโยชน์ของรัสเซียแม้แต่น้อย และจากนี้ไปรัสเซียคงจะไม่สามารถเชื่อใจชาติตะวันตกได้อีกต่อไป

การใช้คำว่า “ม่านเหล็ก” คือสิ่งที่บ่งชี้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียตกต่ำมากที่สุดนับตั้งสิ้นสุดสงครามเย็นหรือการล่มสลายของสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1991

“ ม่านเหล็ก” ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในช่วงสงครามเย็น ซึ่งเป็นการต่อสู้ทางอุดมการณ์และการใช้ตัวแทนทำสงครามระหว่างโลกเสรีที่นำโดยสหรัฐ และโลกคอมมิวนิสต์ที่นำโดยสหภาพโซเวียต

โดยคนที่ใช้คำนี้เป็นคนแรกคือ นายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิลล์ของสหราชอาณาจักร โดยใช้เพื่อเปรียบเทียบว่า สหภาพโซเวียตคือ ดินแดนหลังม่านเหล็กจากหลังที่พยายามปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างจากโลกตะวันตก

นั่นคือสิ่งที่เกิดในช่วง 3 วันที่ผ่านมาของการประชุมนาโต ซึ่งจากนี้ไปหลายฝ่ายมองว่า ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกจะมีมากขึ้น จากการปรับยุทธศาสตร์ความมั่นคงครั้งใหญ่ของนาโต อาจเรียกได้ว่า นี่เป็นสงครามเย็นครั้งใหม่

ในส่วนของนโยบายที่มีต่อสงครามในยูเครน ชาติสมาชิกนาโตประกาศร่วมกันว่า จะให้ความช่วยเหลือกับยูเครนทุกทางรวมถึงการส่งอาวุธให้ตราบใดที่สงครามยังดำเนินอยู่

เมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จุดที่มีการสู้รบกันหนักและมีความคืบหน้าที่น่าสนใจอยู่ทางภาคใต้ของยูเครน ซึ่งเป็นแนวที่ติดกับทะเลดำโดยเฉพาะบริเวณที่เรียกว่า เกาะงู

เกาะงูเป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลดำ โดยที่นี่ถูกรัสเซียยึดได้ตั้งแต่วันแรกที่รัสเซียยกทัพเข้ายูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ถึงแม้พื้นที่จะเล็กมาก โดยหทารที่ประจำการบนเกาะมีไม่เกิน 20 นาย แต่เกาะงูมีความสำคัญในทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่งต่อทั้งรัสเซียและยูเครน โดยเกาะงูตั้งอยู่ระหว่างจุดยุทธศาสตร์สำคัญถึง 3 จุด

ห่างไปทางทางเหนือประมาณ 35 กิโลเมตรคือ เมืองโอเดสซา ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของยูเครนบนทะเลดำ ตอนนี้เป็นที่ประจำการของกองเรือยูเครนหลังเสียไครเมียให้รัสเซียไปเมื่อปี 2014

ทางตะวันออกของเกาะงูคือ แคว้นไครเมีย ที่ตั้งของฐานทัพเซวาสโตปอล ซึ่งเป็นกองเรือของรัสเซียบนทะเลดำ

ส่วนทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะงูคือ ชายฝั่งของโรมาเนีย ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพสหรัฐที่ใหญ่ที่สุดบนทะเลดำ นั่นก็คือ ฐานทัพคอนสแตนตา

ดังนั้น หากใครได้ครอบครองเกาะงู ก็จะได้เปรียบในการปกป้องพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั้ง 3 จุดนี้

รัสเซียยึดเกาะงูได้ตั้งแต่วันแรกๆของการทำสงคราม และการยึดเกาะงูได้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รัสเซียสามารถปิดกั้นเส้นทางในทะเลดำไม่ให้ยูเครนขนส่งสินค้าทางการเกษตรออกจากท่าเรือในเมืองโอเดสซาได้

หลังจากยึดครองอยู่ 4 เดือน เมื่อวานนี้จู่ๆรัสเซียก็ประกาศถอนกำลังออกจากที่นั่น

โดยโฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียให้เหตุผลในระหว่างการแถลงข่าวว่า เนื่องจากภารกิจของรัสเซียบนเกาะงูเสร็จเรียบร้อยแล้ว และการถอนกำลังออกมาเพื่อแสดงความหวังดีต่อยูเครนและเพื่อให้โลกให้เห็นว่า รัสเซียไม่ได้เป็นฝ่ายที่พยายามปิดกั้นไม่ให้ยูเครนใช้เส้นทางในทะเลดำขนส่งสินค้าทางการเกษตร

 

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนบอกว่า การถอนกำลังออกจากเกาะงูของรัสเซียไม่ใช้เพราะรัสเซียหวังดี แต่เป็นเพราะว่าทหารรัสเซียแพ้ในการรบที่นั่น

ผู้นำยูเครนประกาศว่า ขณะนี้เกาะงูได้กลับมาอยู่ในความครอบครองของยูเครนอีกครั้ง และยูเครนจะเอาแผ่นดินของตัวเองกลับคืนมาทีละน้อย

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา การต่อสู้แย่งชิงเกาะงูเป็นไปอย่างดุเดือด ทางกายภาพ เกาะงูเป็นเกาะเล็กจึงค่อนยากที่จะป้องกันพื้นที่ แม้รัสเซียจะมีทหารประจำการที่นั่น แต่ก็ไม่สามารถปฏิบัติการอะไรได้มาก กลายเป็นเป้าโจมตี

ประกอบกับการที่ยูเครนใช้วิธีดักทำลายเรือรัสเซียที่ขนส่งเสบียงและยุทโธปกรณ์ไปที่นั่น ทำให้ในที่สุดรัสเซียต้องยอมทิ้งเกาะงู

ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความเสียหายหลังจากรัสเซียถอนกำลังออกไป ที่ทั้งอาคารและรถที่ถูกเผา

เกาะงูถือเป็นอีกหนึ่งความสูญเสียของรัสเซียบนทะเลดำหลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา เรือมอสควา ซึ่งเป็นเรือธงของกองเรือรัสเซียบนทะเลดำถูกยูเครนจมลงแต่การที่รัสเซียล่าถอยจากเกาะงูไม่ได้หมายความว่า การสู้รบด้านนี้จะเบาลง

ล่าสุดเมื่อช่วงเวลาตีหนึ่งที่ผ่านมา  รัสเซียยิงขีปนาวุธใส่เมืองตามแนวทะเลดำอย่างหนักและมีรายงานผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

สภาพความเสียหายของอาคารที่พักอาศัย 9 ชั้นแห่งหนึ่งของเมือง บิโฮรอด ดนิสทรอฟสกี (Bilhorod-Dnistrovskyi) เมืองตากอากาศบนทะเลดำที่ไม่ไกลนักจากเมืองโอเดสซา

สภาพของอาคารที่พังถล่มลงมาจากแรงของขีปนาวุธทำให้เกิดไฟไหม้ลุกท่วม มีคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยตัวเลขจากทางการยูเครนคือเสียชีวิต 18 ราย

และมีรายงานด้วยว่า ยังมีผู้ติดอยู่ในซากอาคารจำนวนมาก เนื่องจากเวลาที่เกิดเหตุคือ เวลาตีหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนหลับอยู่

รัสเซียเริ่มโจมตีทางใต้หนักในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเมืองที่เป็นเป้าหมายหลักและถูกโจมตีหนักที่สุดคือ มิโคลายิฟ ซึ่งเป็นเป็นด่านหน้าก่อนถึงโอเดสซา

โดยเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่นี่ถูกรัสเซียใช้ขีปนาวุธต่อต้านเรือรบ แบบ Kh-22 ยิงเข้าใส่ถึง 11 ลูกเป้าหมายสูงสุดของรัสเซียทางตอนใต้คือ เมืองโอเดสซา ฉายาไข่มุกแห่งทะเลดำ เมืองนี้ก่อตั้งเมื่อปี 1794 โดยจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 แห่งรัสเซีย

เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของยูเครน เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญ ทั้งเฟื่องฟูไปด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม สถานที่เชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหลายแขนง

และที่สำคัญคือ เป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของยูเครน โดยสินค้าร้อยละ 70 ผ่านเข้าออกที่ท่าเรือของเมืองนี้

สมรภูมิบนทะเลดำจึงน่าจับตามองเพราะมีความสำคัญไม่เฉพาะกับคู่สงครามอย่างรัสเซียและยูเครนเท่านั้น แต่มีความสำคัญกับคนอีกเกือบครึ่งโลก เพราะการสู้รบที่เกิดขึ้นที่นี่ทำให้ยูเครนไม่สามารถส่งออกสินค้าทางการเกษตรได้กว่า 4 เดือนแล้ว

ที่ผ่านมามีความพยายามนานาชาติในการไกล่เกลี่ยเพื่อให้รัสเซียยอมเปิดทางแต่ไม่เป็นผล โดยที่ผ่านมารัสเซียอ้างว่าไม่ได้ปิดกั้นทะเลดำ แต่ที่ยูเครนเดินเรือสินค้าไม่ได้เพราะว่ามีทุ่นระเบิดในทะเลดำจำนวนมากที่ตัวเองวางไว้เพื่อป้องกันรัสเซียรุกคืบโดยนับตั้งแต่นี้ รัสเซียจะไม่เชื่อถือสหรัฐและสหภาพยุโรปอีกต่อไป

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ