สื่อต่างประเทศ The Guardian ได้รับเอกสารลับมากกว่า 124,000 ฉบับ ซึ่งเปิดเผยว่า “อูเบอร์ (Uber)” ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและเครือข่ายคมนาคม ซึ่งเป็นที่รู้จักในไทยในฐานะแพลตฟอร์มเรียกรถรับจ้าง ได้มีการละเมิดกฎหมาย หลอกตำรวจ ใช้ความรุนแรงต่อผู้ขับขี่ และล็อบบี้รัฐบาลหลายประเทศอย่างลับ ๆ เพื่อขยายธุรกิจทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
เอกสารลับที่รั่วไหลออกมานี้ เผยให้เห็นแนวปฏิบัติที่น่าสงสัยซึ่งทำให้อูเบอร์กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงและเติบโตอย่างรวดเร็ว
"อูเบอร์" เปิดให้สั่งกัญชาผ่านแอปฯ เริ่มแคนาดาที่แรก
“อูเบอร์” รับร้องเรียนล่วงละเมิดทางเพศ กว่า 3,000 ครั้งในสหรัฐฯ
อูเบอร์ เปิดตัวบริการ “เรือดำน้ำ”โดยสารเจ้าแรกในโลก
ข้อมูลภายในเอกสารลับครอบคลุมระยะเวลา 5 ปีช่วง 2013-2017 ที่อูเบอร์ดำเนินการโดย ทราวิส คาลานิก ผู้ร่วมก่อตั้ง ซึ่งพยายามทำให้แพลตฟอร์มเรียกรถรับจ้างของตนมีอยู่ในเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายรถสาธารณะและระเบียบข้อบังคับรถแท็กซี่ในหลายประเทศ
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า อูเบอร์พยายามวิ่งเต้นขอการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดี มหาเศรษฐี ผู้มีอำนาจ และยักษ์ใหญ่ด้านสื่อของแต่ละประเทศ เพื่อให้ผู้มีอิทธิพลเหล่านี้เปิดช่องทางให้อูเบอร์สามารถเข้าไปทำธุรกิจเรียกรถรับจ้างได้
เอกสารลับประกอบด้วยอีเมลกว่า 83,000 ฉบับ รวมถึงข้อความในแอปพลิเคชันสื่อสารต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่า ผู้บริหารของอูเบอร์รู้ตัวดีว่าพวกเขากำลังละเมิดกฎหมายของหลายประเทศ โดยผู้บริหารคนหนึ่งส่งข้อความในเชิงหยอกล้อว่า “พวกเรากลายเป็นโจรสลัดไปซะแล้ว” ขณะผู้บริหารอีกคนยอมรับว่า “เราก็แค่ทำผิดกฎหมาย”
เอกสารรั่วไหลยังมีข้อความการสื่อสารกันระหว่าง คาลานิกและเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยพบว่า เขาได้แอบช่วยอูเบอร์ในฝรั่งเศส โดยให้อูเบอร์สามารถติดต่อเขาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้โดยตรงและบ่อยครั้ง
มาครงดูเหมือนจะพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยอูเบอร์ โดยมีกระทั่งข้อความหนึ่งที่บอกกับอูเบอร์ว่า เขาได้ทำ “ข้อตกลงลับ” กับพรรคฝ่ายตรงข้ามในคณะรัฐมนตรีของฝรั่งเศสให้ด้วย
อูเบอร์ยังเคยพยายามติดต่อ โอลาฟ ชอลซ์ ประธานาธิบดีเยอรมนี ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองฮัมบูร์ก แต่ถูกปฏิเสธและไม่ยอมรับรูปแบบธุรกิจของอูเบอร์ ทำให้ผู้บริหารอูเบอร์แสดงความไม่พอใจและเหยียดหยามความคิดของชอลซ์ ผู้บริหารคนหนึ่งบอกกับว่า ชอลซ์เป็น “ตัวตลกตัวจริง”
นอกจากชอลซ์และมาครงแล้ว อูเบอร์ยังเคยติดต่อกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่เขาเป็นรองประธานาธิบดีของบารัก โอบามา และจอร์จ ออสบอร์น นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรขณะนั้น ซึ่งทั้งสองคนต่างเคยแสดงท่าทีสนับสนุนอูเบอร์
ในช่วงที่อูเบอร์ขยายธุรกิจ ได้มีการดึงดูดคนขับและผู้โดยสารจำนวนมากให้หันมาใช้แพลตฟอร์ม ตากเดิมที่ใช้บริการรถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมายของแต่ละประเทศ จนเกิดการตัดราคาตลาดรถแท็กซี่
เอกสารฉบับหนึ่งระบุว่า เพื่อระงับแรงต่อต้านที่รุนแรงต่อบริษัทและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมายแท็กซี่และแรงงาน อูเบอร์วางแผนที่จะใช้เงินพิเศษ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3 พันล้านบาท) ในปี 2016 สำหรับการการล็อบบี้วิ่งเต้นและประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะ
โดยเป้าหมายของการล็อบบี้คือนายกเทศมนตรีแต่ละเมือง และหน่วยงานด้านการขนส่ง บริษัทยังได้จ่ายเงินให้กับนักวิชาการที่มีชื่อเสียงหลายแสนดอลลาร์ เพื่อผลิตงานวิจัยที่สนับสนุนข้อเรียกร้องของบริษัทเกี่ยวกับประโยชน์ของรูปแบบธุรกิจของอูเบอร์
อูเบอร์ประสบความสำเร็จในบางประเทศ และก็ถูกต่อต้านอย่างหนักในบางประเทศ ซึ่งทางอูเบอร์ก็พยายามใช้ประโยชน์จากแรงต้านนั้น
ในเดือน ม.ค. 2016 เมื่ออูเบอร์พยายามยึดตลาดยุโรปจนนำไปสู่การประท้วงของคนขับแท็กซี่ในเบลเยียม สเปน อิตาลี และฝรั่งเศส
ท่ามกลางการประท้วงหยุดงานของแท็กซี่และการจลาจลในปารีส คาลานิกได้สั่งให้ผู้บริหารอูเบอร์ในฝรั่งเศสตอบโต้ด้วยการสนับสนุนให้คนขับอูเบอร์จัดการประท้วงบ้าง และบอกว่า “ผมคิดว่ามันคุ้มค่า ... ความรุนแรงจะรับประกันความสำเร็จให้เรา”
เอกสารลับระบุว่า มีการให้ใช้นโยบาย “เสี้ยม” แบบเดียวกันนี้ในอิตาลี เบลเยียม สเปน สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ด้วย
ด้านโฆษกของคาลานิกออกมากล่าวว่า คาลานิกไม่เคยแนะนำว่าอูเบอร์ควรใช้ประโยชน์จากความรุนแรง และข้อมูลใด ๆ ที่บอกว่าเขามีส่วนร่วมในการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องเท็จ
โฆษกของคาลานิกยังกล่าวว่า การขยายกิจการของอูเบอร์นั้น “นำโดยผู้นำกว่าร้อยคนในหลายสิบประเทศทั่วโลก และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงตลอดเวลา และได้รับการอนุมัติอย่างเต็มที่จากผู้ออกกฎหมาย ฝ่ายนโยบาย และมีการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่แข็งแกร่งของอูเบอร์”
หลังจากที่มีข่าวการรั่วไหลของเอกสารลับ 124,000 ฉบับนี้ ทางบริษัทอูเบอร์ก็ได้ออกมายอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีต และยืนยันว่า อูเบอร์เปลี่ยนไปแล้วตั้งแต่ปี 2017 หลังมีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารเป็น ดารา โคสโรว์ชาฮี
“เราจะไม่แก้ตัวสำหรับพฤติกรรมในอดีตของบริษัทที่ไม่สอดคล้องกับค่านิยมในปัจจุบันของเราอย่างชัดเจน ... แต่เราขอให้สาธารณชนตัดสินเราจากสิ่งที่เราทำในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (หลังปี 2017) และสิ่งที่เราจะทำในปีต่อ ๆ ไป”
โฆษกของอูเบอร์ในปัจจุบันยังทราบถึงความผิดพลาดในอดีตในการปฏิบัติต่อคนขับ แต่กล่าวว่า ไม่มีใคร รวมถึงคาลานิก ที่ต้องการให้เกิดความรุนแรงต่อคนขับอูเบอร์ “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อดีตซีอีโอของเราเคยกล่าวไว้เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วที่เราจะไม่ยกโทษให้อย่างแน่นอน ... แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้และรู้สึกอย่างยิ่งคือ ไม่มีใครในอูเบอร์มีความสุขกับการใช้ความรุนแรงต่อคนขับ”
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP
ตร.ญี่ปุ่น ยอมรับอารักขา “อาเบะ” หละหลวม ปมถูกยิงด้านหลัง
รัสเซียผ่านร่างกฎหมายใหม่ บังคับบางธุรกิจจัดหาทรัพยากรจำเป็นให้กองทัพ
โควิดวันนี้ (11ก.ค.65) ดับเพิ่ม 24 ราย ปอดอักเสบไม่ลด เฉียด 800 ราย