เมื่อคืนที่ผ่านมา ( 19 ก.ค.) ประธานาธิบดีปูตินเดินทางถึงกรุงเตหะรานเมืองหลวงของอิหร่าน นอกจากพบกับประธานาธิบดีไรซีแล้ว ปูตินยังเข้าพบกับอยาตอลเลาะห์ คามาเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านด้วย
สำนักข่าว The Guardian และ Al Jazeera รายงานตรงกันว่า ผู้นำสูงสุดของอิหร่านได้บอกกับประธานาธิบดีปูตินว่า “ปฏิบัติการทางการทหารของรัสเซียในยูเครน” เป็นเรื่องที่ถูกต้องและชอบธรรมแล้ว
รัสเซียใช้ขีปนาวุธ ‘คินชัล’ ทำลายโรงเก็บอาวุธในยูเครน
รัสเซียโจมตีคลังน้ำมันเมืองโอเดสซา
การเยือนอิหร่านครั้งนี้ชัดเจนว่า ประธานาธิบดีปูตินต้องการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน เพราะขณะนี้ทั้งสองมีสิ่งที่เหมือนกันมากขึ้นเรื่อยๆ
อิหร่านกับรัสเซียคือชาติที่อยู่ฝั่งเดียวกันในสงครามซีเรีย โดยทั้งคู่คือชาติที่สนับสนุนประธานาธิบดีบาร์ซา อัลอัสซาด อิหร่านกับรัสเซียถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกเหมือนกัน
ในกรณีของอิหร่าน การคว่ำบาตรเกิดขึ้นต่อเนื่องมากว่า 40 ปีแล้ว นับตั้งแต่ปี 1979 ที่อิหร่านเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า การปฏิวัติอิสลาม เมื่อประชาชนจำนวนมากเพื่อโค่นล้มระบอบกษัตริย์ ขับไล่พระเจ้าชาร์ที่มีสหรัฐเป็นผู้หนุนหลังออกนอกประเทศ
หลังจากนั้นอิหร่านก็เริ่มโครงการพัฒนานิวเคลียร์โดยระบุว่า เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง
ขณะที่รัสเซียถูกสหรัฐฯและชาติตะวันตกคว่ำบาตรหลังเข้ารุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เท่ากับว่าตอนนี้อิหร่านและรัสเซียมีศัตรูร่วม นั่นก็คือ สหรัฐและชาติตะวันตก การจับมือกันจึงเป็นเรื่องที่ทั้งคู่จะได้ประโยชน์
ประโยชน์ที่อิหร่านจะได้คือ มีพันธมิตรในการรับมือกับศัตรูในภูมิภาคอย่างซาอุดีอาระเบียและอิสราเอลซึ่งมีสหรัฐฯหนุนหลัง
ก่อนหน้าการเยือนอิหร่านของประธานาธิบดีปูติน ผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่งจะไปเยือนอิสราเอลและซาอุดีอาระเบียมา โดยเขาประกาศว่า สหรัฐจะไม่ละทิ้งตะวันออกกลางอีกต่อไปในวันที่นี่กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน
หลังการเยือนของประธานาธิบดีไบเดน มีสัญญานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิสราเอลดีขึ้นเรื่อยๆ โดยทั้ง 2 ชาตินี้อยู่คนละขั้วกันเนื่องจากความต่างด้านอุดมการณ์
ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในตะวันออกกลางสนับสนุนปาเลสไตน์ ต่อต้านรัฐอิสราเอลที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1948
ในปี 2022 ดูเหมือนซาอุดิอารเบียกับอิสราเอลอาจลบเลือนความบาดหมางในอดีตได้บ้าง
หนึ่งในสัญญานคือ การที่ซาอุดีอาระเบียอนุญาตให้เครื่องบินจากอิสราเอลบินเข้าประเทศได้โดยตรงหลังเสร็จสิ้นการเยือนของผู้นำสหรัฐ
ความใกล้ชิดที่มากขึ้นระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิสราเอลทำให้อิหร่านโดดเดี่ยว การจับมือกับรัสเซียจึงเป็นหลักประกันว่าอิหร่านยังมีพันธมิตร
แล้วรัสเซียจะได้ประโยชน์อะไรจากการไปเยือนอิหร่านครั้งนี้มีกระแสข่าวว่า สิ่งที่รัสเซียอาจจะได้คือ ความช่วยเหลือด้านอาวุธจากอิหร่านเพื่อใช้ในสงครามยูเครน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ แถลงว่าอิหร่านกำลังวางแผนจัดหาอากาศยานไร้คนขับแบบที่ติดอาวุธได้จำนวนหลายร้อยลำให้กับรัสเซียเพื่อใช้ในการทำสงครามในยูเครน
หลังการหารือของผู้นำอิหร่านและรัสเซีย ไม่มีรายงานยืนยันว่าทั้งคู่ตกลงเรื่องนี้ได้หรือไม่ แต่ถึงจะตกลงกันไม่ได้ สิ่งที่รัสเซียได้จากการเยือนอิหร่านของประธานาธิบดีปูตินในครั้งนี้คือ ได้พันธมิตรในการต้านอิทธิพลของสหรัฐฯและชาติตะวันตก
อย่างไรก็ตาม การเป็นพันธมิตรของอิหร่านกับรัสเซียก็มีความท้าทายอยู่ เพราะทั้งคู่คือ ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก มีรายได้หลักมาจากการค้าน้ำมัน
นั่นหมายความว่า ทั้งคู่เป็นคู่แข่งทางการค้ากันและตอนนี้รัสเซียกำลังรุกคืบตลาดน้ำมันของอิหร่าน ด้วยการลดราคา ทำให้ลูกค้าที่เคยซื้อน้ำมันจากอิหร่านหันมาซื้อน้ำมันจากรัสเซียแทน โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่อย่างจีน
ถ้าเราไปดูตัวเลขการนำเข้าน้ำมันของจีนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีการนำเข้าน้ำมันของจีนจาก 4 ประเทศ คือ รัสเซีย อิหร่าน แองโกลาและคองโก ตามลำดับ
เดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นช่วงที่รัสเซียบุกยูเครน ปรากฎว่าจีนซื้อน้ำมันจากรัสเซียน้อยลง ก่อนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องในเดือนต่อๆมาจนถึงปัจจุบันหลังจากที่รัสเซียหั่นราคาลง
ในวันที่จีนซื้อน้ำมันรัสเซียมากขึ้น มีช่วงที่อิหร่านขายน้ำมันให้จีนได้น้อยลง ก่อนจะที่ยอดขายจะเริ่มกลับมาหลังอิหร่านลดราคาน้ำมันให้จีน
โดยข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานอย่าง Kpler ระบุว่า อิหร่านลดราคาน้ำมันที่ขายให้จีนลงประมาณ 10 ดอลลาร์ต่อ 1 บาร์เรล เพื่อรักษาตลาดไว้ไม่ให้รัสเซียแย่งไป
ความเป็นพันธมิตรไม่ง่ายถ้าเป็นคู่แข่งทางด้านการค้ากัน ถ้าแข่งขันขายของอย่างเดียวกันในตลาดเดียวกัน เช่นในกรณีของอิหร่านและรัสเซีย
ทั้ง 2 ชาติจะก้าวข้ามความท้าทายนี้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์อะไรที่อยู่บนโต๊ะเจรจา ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยว่าทั้งคู่ตกลงอะไรกันไปบ้าง
แต่ถึงไม่มีรายละเอียดของข้อตกลง การพบกันของผู้นำอิหร่านและรัสเซียเป็นสิ่งที่เพียงพอในการชี้ว่า ระเบียบความมั่นคงโลกกำลังถูกจัดใหม่ โดยมีพลังงานอย่างน้ำมันเป็นตัวขับเคลื่อน
ในวันที่จีนซื้อน้ำมันจากรัสเซียมากขึ้น ประเทศที่ลำบากหนักสุดคือ แองโกลา ปริมาณน้ำมันที่จีนซื้อจากแองโกลาและคองโกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากแองโกลา
ประเทศที่ประชากรกว่าร้อยละ 48 อยู่ภายใต้เส้นความยากจนแห่งนี้กำลังลำบากหลังยอดขายพลังงานที่เป็นรายได้หลักของประเทศตกลง
สิ่งที่ประเทศเหล่านี้ทำคือ การหาลูกค้าใหม่ หลังจากจีนซื้อของน้อยลง ทั้งแองโกลาและคองโกหันไปขายพลังงานให้กับสหภาพยุโรปซึ่งกำลังหนีจากการพึ่งพาพลังงานรัสเซีย
นี่คือ การเซ็นสัญญาซื้อก๊าซธรรมชาติระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลี ลุยจี ดี มาโย กับรัฐมนตรีคมนาคมของแองโกลาเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
จากแองโกลา รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีเดินทางต่อไปที่คองโก ซึ่งเป็นอีกประเทศที่เดือดร้อนจากการที่จีนซื้อน้ำมันน้อยลง โดยได้เซ็นสัญญาซื้อก๊าซกับรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมัน ของคองโก บรูโน ฌอง ริชาร์ด อิทูอา ก่อนที่จะประกาศว่า อิตาลีจะไม่ยอมให้รัสเซียให้พลังงานมาข่มขู่หรือ Blackmail อย่างเด็ดขาด
อิตาลีพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียถึงร้อยละ 45 ของก๊าซทั้งหมดที่ใช้ในประเทศ ในวันที่รัสเซียไม่ขายพลังงานให้ อิตาลีต้องรีบหาแหล่งพลังงานทดแทน
นอกจากจากคองโกและแองโกลา เมื่อวานนี้ มาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลีก็เพิ่งจะลงนามพลังงานมูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับประธานาธิบดีของแอลจีเรีย
ยุโรปเกือบทุกชาติกำลังเร่งหาพลังงานจากแหล่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติจากประเทศที่ไม่เคยทำมาค้าขายกัน
แต่ถึงจะหาแหล่งพลังงานจากที่อื่นได้ แต่คาดว่าปริมาณดังกล่าวน่าจะไม่เพียงพอในการรับมือกับฤดูหนาวที่จะมาถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รัสเซียยุติการส่งก๊าซธรรมชาติจากท่อ Nord Stream 1 ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซหลักจากรัสเซียมายุโรป
วันนี้คณะกรรมาธิการยุโรปมีการประชุมกันและเสนอแผนลดการใช้พลังงานให้ได้ราวร้อยละ 10-15 เพื่อให้มีพลังงานเพียงพอเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว
และสิ่งนี้คือการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของประเทศต่างๆครั้งใหญ่ เป็นการจัดระเบียบโลกใหม่โดยมีพลังงานเป็นตัวแปรหรือตัวขับเคลื่อน
การจับมือระหว่างรัสเซียกับอิหร่านคือสิ่งที่ต้องจับตามองในฐานะที่เป็นประเทศผลิตพลังงานรายใหญ่ และในวันที่อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เกือบสำเร็จแล้ว