สำนักข่าวรัฐบาลกลางจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ส่งสารร่วมแสดงความยินดีกับ นายรานิล วิกรมสิงเห ประธานาธิบดีคนใหม่ของศรีลังกา หลังได้รับเลือกจากรัฐสภาให้นั่งดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ
ประธานาธิบดีสี ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีน และศรีลังกาที่มีมานานถึง 65 ปี โดยระบุว่าที่ผ่านมาทั้งสองประเทศได้ร่วมส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคีบนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน ความเสมอภาค และผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการอยู่ร่วมกันอย่างฉันมิตร
ปธน.ศรีลังกา สาบานตนรับตำแหน่ง
นายกฯ ศรีลังกา ประกาศ “เศรษฐกิจพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง”
ศรีลังกาเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ คาดใช้เงินมากกว่า 30,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสี ยังระบุว่า ตนเองเชื่อมั่นว่าศรีลังกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีวิกรมสิงเห จะเอาชนะปัญหาอุปสรรคนี้ได้อย่างแน่นอน และศรีลังกาจะฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและสังคมได้ในไม่ช้า ซึ่งตัวของประธานาธิบดีสีก็พร้อมเสมอที่จะสนับสนุน และให้การช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถให้กับประธานาธิบดีวิกรมสิงเห และชาวศรีลังกา ในความพยายามที่จะทำให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้
สำหรับศรีลังกา ได้กู้ยืมเงินจีนมาแล้วอย่างน้อย 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้นักวิเคราะห์ประมาณการณ์ว่าตัวเลขหนี้สินจริง ๆ ของศรีลังกาที่กู้ยืมมาจากจีนอาจพุ่งเป็นเกือบสองเท่าจากตัวเลขดังกล่าว
นอกจากจีนเป็นเจ้าหนี้ของศรีลังกาแล้ว กองทุนระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่ายังมีอินเดีย และญี่ปุ่นด้วย โดยอินเดียได้ให้ศรีลังกากู้ยืมเงินจำนวน 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนญี่ปุ่นก็ให้กู้ยืมเงินอีกอย่างน้อย 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังมีประเทศร่ำรวยอื่น ๆ ที่ให้ศรีลังกากู้ยืมเงินอีก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ล่าสุด ประธานาธิบดีวิกรมสิงเห กำลังพยายามเจรจากับ IMF อย่างหนักเพื่อขอความช่วยเหลือด้านเงินกู้เพิ่มเติมอีกจำนวน 3,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 3 ปี โดยเขาเชื่อว่า สถานการณ์ของศรีลังกาในเวลานี้ อยู่ในเกณฑ์ที่จะสามารถขอรับความช่วยเหลือจาก IMF ได้
