เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายกำลังจับตาสำหรับการเดินทางเยือนไต้หวันของ “แนนซี เพโลซี” ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ เมื่อคืน (2 ส.ค.) ที่ผ่านมา แม้จะมีข่าวออกมาก่อนหน้านั้นว่า เพโลซีน่าจะไปเยือนจริง แต่บางคนก็มองว่า เพโลซีไม่น่าจะกล้าเสี่ยงให้ความขัดแย้งบานปลาย
แต่หลังจากเพโลซีเดินทางถึงไต้หวันไม่นาน สื่อต่างประเทศ Washington Post ได้เผยแพร่บทความที่เพโลซีเป็นคนเขียนเอง เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า “ทำไมเธอจะต้องนำคณะผู้แทนรัฐสภาสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนไต้หวันให้ได้”
รัสเซีย-เกาหลีเหนือหนุนนโยบายจีนเดียว ชี้สหรัฐฯ พยายามแทรกแซงจีน
จีนเตรียมซ้อมรบด้วยกระสุนจริงรอบไต้หวัน ตอบโต้การเยือนของ “เพโลซี”
จีนประณาม “แนนซี เพโลซี” เยือนไต้หวัน เตือนอย่าเลือกทางเดินที่ผิดและอันตราย
เธอบอกว่า "เมื่อ 43 ปีที่แล้ว รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ ได้ลงนามในกฎหมาย นั่นคือพระราชบัญญัติความสัมพันธ์ไต้หวัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักที่สำคัญที่สุดของนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
พระราชบัญญัติความสัมพันธ์ของไต้หวันกำหนดความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ต่อไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตย โดยให้กรอบการทำงานสำหรับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการทูตที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในความเป็นพันธมิตรที่สำคัญ มันส่งเสริมมิตรภาพอันลึกซึ้งที่หยั่งรากลึกในผลประโยชน์และค่านิยมที่เรามีร่วมกัน นั่นคือการกำหนดอนาคตตนเองและการปกครองตนเอง ประชาธิปไตยและเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิมนุษยชน
และสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นที่จะสนับสนุนการป้องกันของไต้หวัน “จากความพยายาม ใด ๆ ในการกำหนดอนาคตของไต้หวันด้วยวิธีการอื่นที่มิใช่สันติวิธี … ภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงของพื้นที่แปซิฟิกตะวันตกเป็นเรื่องที่สหรัฐฯ มีความกังวลอย่างมาก”
วันนี้ สหรัฐฯ ต้องจดจำคำมั่นสัญญานั้นไว้ให้ได้ เราต้องยืนหยัดเคียงข้างไต้หวัน ไต้หวันเป็นผู้นำด้านธรรมาภิบาล โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันในการจัดการกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการดำเนินการด้านสภาพอากาศ เป็นผู้นำในด้านสันติภาพ ความมั่นคง และพลังทางเศรษฐกิจ ด้วยจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ วัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม และความสามารถทางเทคโนโลยีที่คนทั้งโลกอิจฉา
ทว่า ระบอบประชาธิปไตยที่มีชีวิตชีวาและแข็งแกร่ง ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เสรีที่สุดในโลกโดย Freedom House และปกครองโดยประธานาธิบดีหญิง ไช่อิงเหวิน กำลังตกอยู่ภายใต้การคุกคาม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้เพิ่มระดับความตึงเครียดกับไต้หวันอย่างมาก สาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ได้เพิ่มการลาดตระเวนเครื่องบินทิ้งระเบิด เครื่องบินขับไล่ และเครื่องบินสอดแนมใกล้กับและแม้กระทั่งเหนือเขตป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวัน ส่งผลให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปว่า กองทัพจีน “มีแนวโน้มว่าจะเตรียมผนวกรวมไต้หวันเข้ากับสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วยกำลัง”
PRC ยังได้นำการต่อสู้เข้าสู่โลกไซเบอร์ โดยโจมตีหน่วยงานรัฐบาลไต้หวันในแทบจะทุก ๆ วัน ในเวลาเดียวกัน จีนยังบีบคั้นไต้หวันทางเศรษฐกิจ กดดันบริษัทระดับโลกให้ตัดสัมพันธ์กับเกาะไต้หวัน ข่มขู่ประเทศที่ร่วมมือกับไต้หวัน และห้ามนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนไปไต้หวัน
ในการเผชิญกับความก้าวร้าวของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) การมาเยือนของคณะผู้แทนรัฐสภาสหรัฐฯ ของเราควรถูกมองว่าเป็นคำยืนยันที่แน่ชัดว่า สหรัฐฯ จะยืนหยัดกับไต้หวัน ซึ่งเป็นพันธมิตรในระบอบประชาธิปไตยของเราในขณะที่ปกป้องตนเองและเสรีภาพของตน
การมาเยือนของเรา ไม่มีทางขัดแย้งกับนโยบายจีนเดียวที่มีมาช้านาน โดยเป็นไปตามพระราชบัญญัติความสัมพันธ์ไต้หวันปี 1979 ประชาคมร่วมระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และข้อตกลง 6 ประการ
30 ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าเดินทางไปกับคณะผู้แทนรัฐสภาไปยังประเทศจีน ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เราคลี่ป้ายขาวดำที่เขียนว่า “แด่ผู้ที่เสียชีวิตเพื่อประชาธิปไตยในจีน” ตำรวจในเครื่องแบบไล่ตามเราเมื่อเราออกจากจัตุรัส นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สถิติด้านสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายของจีนและการเพิกเฉยต่อหลักนิติธรรมยังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ยังคงกุมอำนาจไว้อย่างเหนียวแน่น
การปราบปรามอย่างโหดร้ายของ CCP ต่อเสรีภาพทางการเมืองและสิทธิมนุษยชนของฮ่องกง กระทั่งการจับกุมบาทหลวงคาร์ดินัล โจเซฟ เซน ทำให้คำมั่นสัญญาเรื่อง “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ถูกลงไปในถังขยะโดยปริยาย
ในทิเบต CCP ได้พยายามลบล้างภาษา วัฒนธรรม ศาสนา และอัตลักษณ์ของชาวทิเบต ในซินเจียง จีนกำลังก่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ และทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ CCP ยังคงจับกุมนักเคลื่อนไหว ผู้นำทางศาสนา และคนอื่น ๆ ที่กล้าท้าทายระบอบการปกครอง
เราไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ในขณะที่ CCP คุกคามไต้หวันและประชาธิปไตย
อันที่จริง การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นในยามที่โลกต้องเผชิญกับทางเลือกระหว่างระบอบเผด็จการกับประชาธิปไตย ในขณะที่รัสเซียทำสงครามกับยูเครนโดยไตร่ตรองล่วงหน้าและผิดกฎหมาย สังหารผู้บริสุทธิ์หลายพันคน แม้กระทั่งเด็ก มีความจำเป็นที่สหรัฐฯ และพันธมิตรของเราต้องแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เราไม่เคยยอมจำนนต่อเผด็จการ
เมื่อฉันนำคณะผู้แทนรัฐสภาไปยังกรุงเคียฟ ยูเครน ในเดือน เม.ย. ฉันได้บอกประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ว่า เราชื่นชมการปกป้องประชาธิปไตยของเขาเพื่อยูเครนและเพื่อประชาธิปไตยทั่วโลก
ในการเดินทางไปไต้หวัน เราเคารพในคำมั่นสัญญาของเราต่อระบอบประชาธิปไตย ตอกย้ำว่า เราต้องเคารพเสรีภาพของไต้หวันและประชาธิปไตยทั้งหมด"
เรียบเรียงจาก Washington Post
ภาพจาก AFP
สถานทูตจีน ออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลไทย สนับสนุนจุดยืนอย่างที่เคยเป็น
จีน-สหรัฐฯ ตึงเครียด ทำสงครามการค้าส่อลากยาว ไทยอาจโดนหางเลข