จุดหมายต่อไปของเพโลซีคือการเยือนเกาหลีใต้ ซึ่งเมื่อช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 21.00 น.ตามเวลาประเทศไทย เครื่องบินของ เพโลซี ได้ลงจอดที่ฐานทัพอากาศโอซานของสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้แล้ว โดยเพโลซีมีกำหนดพบปะกับ คิม จิน เพียว ประธานรัฐสภาเกาหลีใต้ในวันนี้ (วันพฤหัสบดี) แต่มีรายงานว่าเธอจะไม่เข้าพบประธานาธิบดี ยุน ซ็อก-ย็อล เนื่องจากต้องการเวลาพักผ่อน
"เกาะไต้หวัน"และความพร้อมทางการทหาร
จีนแผ่นดินใหญ่ออกบทลงโทษ "องค์กร" เกี่ยวพัน "เอกราชไต้หวัน"
ขณะที่ ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ในภูมิภาคที่ตึงเครียดขึ้นหลังจากที่ เพโลซี เดินทางเยือนไต้หวัน โดยระบุว่าจุดยืนของรัฐบาลเกาหลีใต้ คือ การรักษาช่องทางการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง บนพื้นฐานที่คำนึงถึงสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค ผ่านการเจรจาและความร่วมมือ เป็นสำคัญ
สำหรับเพโลซี เดินทางออกจากไต้หวันเมื่อวานนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นไต้หวัน (17.00 เวลาประเทศไทย) แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ขึ้นเครื่องบินโบอิ้ง C-40C จากสนามบินไทเปซงซาน เพื่อเดินทางออกจากไต้หวัน และมุ่งหน้าสู่ประเทศเกาหลีใต้ โดยเพโลซีทวีตข้อความว่า ได้พบปะกับประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิงเหวิน เพื่อ เน้นย้ำถึงการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อระบอบประชาธิปไตยของไต้หวัน ซึ่งรวมถึงเรื่องความมั่นคงและเสถียรภาพ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และธรรมาภิบาล
นอกจากนี้ เพโลซีกล่าวว่า ชื่นชมความเป็นผู้นำที่ผ่านมาของ ไช่ อิงเหวิน และย้ำว่าการมาเยือนครั้งนี้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ จะไม่ทิ้งไต้หวัน
ส่วนกระทรวงกลาโหมไต้หวันรายงานว่า จีนเตรียมการซ้อมรบเพิ่มในเขต 12 ไมล์ทะเลและเขตน่านฟ้าของไต้หวัน ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เจ้าหน้าที่กลาโหมของไต้หวันรายหนึ่งบอกกับผู้สื่อข่าวว่า สิ่งที่จีนเตรียมการจะทำจะ "เท่ากับว่าเป็นการปิดกั้นไต้หวันทางทะเลและทางอากาศ"
นอกจากนี้กระทรวงกลาโหมไต้หวันยังเปิดเผยว่าเครื่องบินของกองทัพจีน 27 ลำได้บินเข้ามาในเขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวัน จำนวนนี้มีถึง 22 ลำที่บินลุกล้ำผ่านเส้นเขตแดน อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมไต้หวันยืนยันว่าเครื่องบินเหล่านี้ได้บินเข้าพื้นที่ได้ไม่นาน จึงได้ส่งเครื่องบินขึ้นประกบ เพื่อมห้เครื่องบินเหล่านนั้นออกจากพื้นที่ไป
ขณะที่ หลอ ผิงเฉิง โฆษกคณะรัฐมนตรีไต้หวัน ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ว่า ทางการได้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ เช่นโรงงานผลิตไฟฟ้า และ สนามบินต่างๆ รวมทั้งยกระดับการเฝ้าระวังด้านความมั่นคงด้านคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานรัฐทุกแห่ง
โดยจากการประเมินเอว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าไต้หวันจะเผชิญกับสงครามทางจิตวิทยาที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยจะมีการใช้ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอมต่างๆเพื่อโน้มน้าวใจของประชาชนชาวไต้หวัน ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ไต้หวันเคยพบความเคลื่อนไหวจากฝ่ายจีนแผ่นดินใหญ่ที่พยายามทำให้ชาวไต้หวันหยุดสนับสนุนรัฐบาลไต้หวัน
"เพื่อเป็นการปกป้องตัวเราเองจากข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช่นนี้ เราต้องทำงานร่วมกับกระทรวงกลาโหมและขอร้องพี่น้องประชาชนยึดถือข้อเท็จจริงตามที่กระทรวงกลาโหมชี้แจง เพราะไม่เช่นนั้นแล้วข่าวลือต่างๆจะกระทบกับความเชื่อมั่น ถ้าเราไม่ช่วยกันสกัดกั้นการแพร่กระจายของข้อความเหล่านี้ ก็จะส่งผลกระทบต่อความสงบ เราขอชื่นชมทุกคนที่ให้ความร่วมมือ"
ขณะที่ นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบาเนเซ ผู้นำออสเตรเลีย ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นโดยตรงต่อการเยือนไต้sวันของเพโลซี แต่ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการแข่งขันด้านยุทธศาสตร์และความตึงเครียดในภูมิภาคได้เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปัจจุบันจีนมีท่าทีแข็งกร้าวมากกว่าในอดีต
อย่างไรก็ตาม อัลบาเนเซ ยืนยันว่า ออสเตรเลียยังมีจุดยืนที่ชัดเจนนั่นคือไม่สนับสนุนการกระทำเพียงฝ่ายเดียวที่ส่งผลให้สถานะของไต้หวันเกิดการเปลี่ยนแปลง และ พร้อมจะทำงานกับพันธมิตรเพื่อส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน
ส่วนอีกหนึ่งพันธมิตรสำคัญของสหรัฐ อย่างญี่ปุ่นได้แสดงความกังวลต่อความตึงเครียดในภูมิภาคนี้เช่นกัน โดยนายฮิโรคาสุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงว่า เป็นกังวลต่อกรณีที่จีนเตรียมจัดการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในน่านน้ำรอบเกาะไต้หวัน ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันอสทิตย์นี้ เพื่อตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเดินทางเยือนเอเชียของนางเพโลซี
ขณะที่ สำนักข่าวยู่หยวนทานเทียน (Yuyuantantian) ของจีนออกบทความวิเคราะห์ผลกระทบจากการเยือนไต้หวัน ของ เพโลซี่ โดยได้เตือนว่าขณะนี้สหรัฐฯกำลังเผชิญกับสภาวะถดถอยและเงินเฟ้อ จึงควรให้ความร่วมมือกับจีนมากกว่าที่จะดึงดันทำให้ความสัมพันธ์เลวร้ายลงไปอีก ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และประชาชนชาวอเมริกัน
กต.ย้ำไทยยึดมั่น "นโยบาย จีนเดียว” หวังทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น-เคารพอธิปไตย
“เพโลซี” เยือนไต้หวัน เติมเชื้อไฟสหรัฐฯ-จีน | 3 ส.ค.65 | รอบโลก DAILY