เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่ฐานทัพอากาศซากีของรัสเซีย ที่ตั้งอยู่ที่เมืองนาวาโฟดารอฟกา ทางภาคตะวันตกของแคว้นไครเมีย จนเกิดไฟไหม้และควันดำจำนวนมาก แต่เจ้าหน้าที่ทางการของแคว้นไครเมียออกมาบอกว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ภาพถ่ายทางดาวเทียมจากบริษัทแพลนเน็ท แล็บส์ (Planet Labs) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการภาพถ่ายทางดาวเทียมสัญชาติอเมริกัน ได้เผยให้เห็นสภาพในฐานทัพอากาศ ที่พื้นดินเต็มไปรอยดำ กินพื้นที่เป็นวงกว้างจากเพลิงที่ลุกไหม้ อาคารโดยรอบพังถล่ม
“ยูโรไมดาน” จุดเริ่มต้นที่ไร้จุดจบของการผนวกไครเมีย
รัสเซียกลายเป็นชาติที่ถูกคว่ำบาตรมากที่สุด
เครื่องบิน รุ่นซุคฮอย-29 และ ซุคฮอย-30 อย่างน้อย 9 ลำที่จอดไว้ได้รับความเสียหาย การสูญเสียเครื่องบินรบถึง 9 ลำภายในเวลาเดียวกันเช่นนี้ ถือเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ของกองทัพอากาศรัสเซียนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
จนตอนนี้ยังไม่มีคำอธิบายใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ออกมา มีเพียงคำแถลงจากทั้งฝั่งรัสเซียและยูเครนที่ออกมาปฏิเสธไปในทิศทางเดียวกันว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการโจมตีทางการทหาร
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ที่ออกมาแถลงสถานการณ์ประจำวันเมื่อวันอังคารผ่านมาก็ไม่ได้กล่าวถึงเหตุระเบิดโดยตรง แต่จุดที่ทำให้หลายฝ่ายสนใจคือ ผู้นำยูเครนพูดชัดเจนว่าไครเมียเป็นของยูเครน และให้สัญญาว่า สักวันจะยึดคาบสมุทรไครเมียกลับคืนมาให้ได้
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (10 ส.ค.) ประธานาธิบดีของยูเครนได้กล่าวว่า วันที่กองทัพรัสเซียจะหนีออกจากภูมิภาคดอนบาสและไครเมียต้องมาถึงแน่นอน โดยมีวิธีการคือสร้างความเสียหายให้แก่กองทัพรัสเซียมากกว่านี้
หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าผู้นำยูเครนกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างอยู่หรือไม่ เพราะคำพูดในครั้งนี้ของผู้นำยูเครนดูมีความมั่นใจว่ายูเครนจะเอาชนะรัสเซียได้
บางคนบอกว่านี่อาจเป็นแค่การสร้างขวัญกำลังใจตามปกติ ในขณะที่บางคนบอกว่ายูเครนอาจพร้อมที่จะโต้กลับรัสเซียแบบจริงจัง เนื่องจากกำลังจะได้อาวุธเพิ่มเติมจากชาติพันธมิตรตะวันตก
เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้พูดขณะรายงานสถานการณ์ประจำวันว่า ในวันพรุ่งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของประเทศพันธมิตรตะวันตกกำลังจะประชุมร่วมกันที่กรุงโคเปเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เพื่อหารือเรื่องการส่งอาวุธให้ยูเครนเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี ในขณะที่ยูเครนกำลังจะได้อาวุธเพิ่มเติมจากชาติตะวันตก ทางฝั่งรัสเซียก็ยังเปิดฉากโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคตะวันออกและภาคใต้
เมื่อวานนี้มีรายงานว่า กองทัพรัสเซียได้โจมตีเมืองมาร์ฮาเนทส์ ในแคว้นดนีโปรเปตรอฟสก์ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของยูเครน ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 10 ราย และอาคารบ้านเรือนอีกกว่า 20 หลังได้รับความเสียหายอย่างหนัก
อีกพื้นที่หนึ่งที่ถูกโจมตีอย่างหนักคือ แคว้นซาโปริซเซีย โดยเมื่อวานนี้มีรายงานว่ากองทัพรัสเซียได้โจมตีเขตคูชูฮุม ซึ่งอยู่ในเขตชานเมืองซาโปริสเซียด้วยขีปนาวุธ จนอาคารบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย
นอกจากสถานการณ์การสู้รบแล้ว วันนี้มีอีกหนึ่งประเด็นความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับนักรบกองพันอาซอฟ ที่ยอมจำนนในโรงงานเหล็กอาซอฟสตอล ที่แคว้นมาริอูปอลเมื่อสามเดือนก่อน
โดยคนที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้คือ เดนิส ปูชิลิน ผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนของแคว้นโดเนตสก์
ปูชิลินระบุว่า การพิจารณาคดีนักรบอาซอฟที่ถูกจับจากโรงงานเหล็กอาซอฟสตอลเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ที่เมืองมาริอูปอล ซึ่งจะเป็นการพิจารณาคดีแบบเปิด ที่สามารถให้บุคคลภายเข้าร่วมฟังคำตัดสินพร้อมกัน
โดยทหารกองพันอาซอฟนี้ถูกรัสเซียกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มขวาจัด และทางรัสเซียได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นผู้ก่อการร้าย
อย่างไรก็ดี ในมุมมองของยูเครนทั้งหมดคือ ผู้เสียสละ ที่ยอมปักหลักสู้อยู่ที่โรงงานเหล็กอาซอฟสตอลจนวินาทีสุดท้าย ก่อนที่ทางการรัสเซียจะยื่นคำขาดให้ทั้งหมดยอมมอบตัว และพาตัวไปจำคุกในแคว้นโดเนตสก์ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
