เมื่อวานนี้ ( 15 ส.ค.) วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้เดินทางไปเปิดงาน The international military-technical forum “Army-2022” ซึ่งเป็นงานนิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารที่จัดขึ้นที่เมืองคูบินกา ในแคว้นมอสโกของรัสเซีย
ในพิธีเปิด ผู้นำรัสเซียได้กล่าวขอบคุณบรรดาผู้ผลิตอาวุธของรัสเซีย ที่ผลิตอาวุธให้กับกองทัพรัสเซียนำไปใช้ปฏิบัติภารกิจในสนามรบ พร้อมทั้งยืนยันว่ารัสเซียจะเดินหน้าพัฒนาอาวุธต่อไป
เกิดเพลิงไหม้-ระเบิดคลังอาวุธในไครเมีย ยังไม่ทราบสาเหตุ
รัสเซีย เสียเครื่องบินรบหลายลำจากเหตุระเบิดในไครเมีย
นอกจากนี้ ปูตินยังได้กล่าวชื่นชมผู้นำหลายประเทศที่เป็นพันธมิตรกับรัสเซียและไม่ยอมก้มหัวให้กับประเทศที่เป็นมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ พร้อมกับย้ำว่า รัสเซียให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในอเมริกาใต้ เอเชีย หรือ แอฟริกา
และได้อย่างประกาศอย่างชัดเจนว่า รัสเซียพร้อมแบ่งปันอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ให้กับประเทศที่เป็นพันธมิตรของรัสเซีย
โดยบรรยากาศในงานดังกล่าว บรรดาผู้ผลิตอาวุธและกองทัพรัสเซียได้นำอาวุธยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่หลายชนิดมาจัดแสดง ซึ่งส่วนที่เป็นไฮไลต์ของงานมี 2 ส่วน
ส่วนแรก เป็นการแสดงแบบจำลองสถานีอวกาศของรัสเซียที่มีชื่อว่ารอสส์ (Ross) ซึ่งหน่วยงานด้านอวกาศของรัสเซียหรือ รอสคอสมอส (Roscosmos) ได้นำมาจัดแสดงต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก หลังจากพัฒนามาหลายปี
ยูริ บอริซอฟ ผู้อำนวยการของรอสคอสมอสอธิบายว่า ในอนาคตนักบินอวกาศของรัสเซียจะใช้สถานีอวกาศแห่งนี้ทำกิจการด้านอวกาศต่าง ๆ แทนการใช้สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก
โดยบอริซอฟเปิดเผยเพิ่มเติมว่า รัสเซียมีแผนจะออกจากสถานีอวกาศนานาชาติในปี 2024 หรือ ในอีก 2 ปีข้างหน้า
สำหรับไฮไลต์ส่วนที่สองคือ การเปิดตัวโมเดลหุ่นยนต์สุนัขรุ่น M-81 (เอ็มแปดหนึ่ง) ในชุดนินจาพร้อมติดอาวุธชนิดอาร์พีจี-26 (RPG-26) ซึ่งเป็นอาวุธต่อต้านรถถังไว้บนหลัง
โดยหุ่นยนต์ M-81 เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ปฏิบัติการได้ทั้งกับกิจการทางการทหารและพลเรือน ขณะเกิดสงคราม
ในกิจการทางการทหาร หุ่นยนต์นี้จะถูกใช้เพื่อโจมตีรถถังของศัตรู ส่วนในกิจการพลเรือน หุ่นยนต์จะถูกใช้เพื่อเข้าไปสำรวจพื้นที่สงครามและบรรทุกยาต่าง ๆ สำหรับพลเรือนที่ติดอยู่ในพื้นที่ที่อาจยากต่อการเข้าถึงของมนุษย์
การเปิดตัวโมเดลหุ่นยนต์ติดอาวุธชิ้นนี้สร้างความฮือฮาและความตกใจให้กับโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก เนื่องจากนี่เป็นหนึ่งในการเปิดตัวหุ่นยนต์ติดอาวุธอย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในโลก
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่มีการเปิดตัวหุ่นยนต์สุนัขดังกล่าว สื่อต่างประเทศที่นำเสนอข้อมูลด้านอาวุธก็พยายามหาข้อมูลว่า รัสเซียพัฒนาสุนัขติดอาวุธได้อย่างไร โดยสังเกตจากกล้องบริเวณใบหน้าของหุ่นยนต์
จนในที่สุดก็พบคำตอบว่า หุ่นยนต์สุนัขดังกล่าวอาจเป็นหุ่นยนต์สุนัขรุ่นยูนิทรี โก วัน (UNITREE GO1) ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัทยูนิทรี และสามารถหาซื้อได้ตามเว็บไซต์ช็อปปิ้งออนไลน์อย่างอาลิบาบาของจีน ในราคา 3,730 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว ๆ 132,00 บาทเท่านั้น
ไม่ว่ารัสเซียจะได้หุ่นยนต์ดังกล่าวมาด้วยวิธีการใด ก็ยากที่จะปฏิเสธว่าการแสดงและพัฒนาอาวุธ ตลอดจนการประกาศหาพันธมิตรเพิ่มด้วยวิธีการสนับสนุนด้านอาวุธของรัสเซีย กำลังสร้างความกังวลให้กับหลายฝ่าย
เพราะเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในวันที่สงครามในยูเครนยังดำเนินอยู่ โดยเฉพาะที่แคว้นซาโปริซเซีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่มีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ถึง 6 เครื่อง หากเกิดความเสียหาย หายนะจะรุนแรงกว่าเหตุการณ์ที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลหลายเท่า
ขณะที่ ภาพถ่ายจากดาวเทียมของบริษัทแพลนเน็ต แล็บส์ พีบีซี PLANET LABS PBC ที่เปรียบเทียบภาพมุมสูงบริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียในวันที่ 7 สิงหาคม และ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา
โดยภาพในวันที่ 13 สิงหาคมเห็นได้ชัดว่ามีจุดสีดำเป็นวงกว้างหลายจุด ซึ่งเป็นผลมาจากการโจมตีเกิดขึ้นใกล้กับพื้นที่โรงงานเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ตอนนี้ทั้งฝั่งยูเครนและรัสเซียต่างโทษกันไปมาว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
อย่างไรก็ดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครนได้ออกมาแถลงชัดเจนว่า รัสเซียคือผู้ที่โจมตีพื้นที่รอบ ๆ โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ อีกทั้งยังเก็บอาวุธและกระสุนไว้ในพื้นที่ของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์
และถ้าประชาคมโลกไม่คว่ำบาตรเพื่อตอบโต้รัสเซีย ประชาคมโลกจะกลายเป็นผู้แพ้ทันที เพราะลมจะพัดพาสารกัมมันตรังสีที่รั่วไหลไปทั่วยุโรป
ขณะเดียวกันสเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกเลขาธิการสหประชาชาติได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า องค์การสหประชาชาติสามารถเป็นตัวกลางในการอำนวยความสะดวกให้กับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA ลงพื้นที่ไปตรวจสอบความเสียหายของโรงไฟฟ้าซาโปริซเซียได้ ถ้ายูเครนและรัสเซียยินยอม
นอกจากที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียแล้ว อีกจุดหนึ่งที่มีรายงานเหตุรุนแรงคือที่แคว้นไครเมีย โดยสื่อของรัสเซียรายงานว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่คลังเก็บอาวุธที่นั่นอีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งมีเหตุระเบิดในฐานทัพซากีของรัสเซียไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาตามเวลาบ้านเรา สำนักข่าวทาสส์ (TASS) และ อาร์ไอเอ (RIA) รายงานตรงกันว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โรงไฟฟ้าและคลังเก็บอาวุธเมืองชานกี (DZHANKOI) บนคาบสมุทรไครเมีย
ด้านเซอร์เก อักซโยนอฟ ผู้ว่าการแคว้นไครเมียได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานการณ์ทันทีและรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสองราย
ส่วนสาเหตุของการระเบิดนั้น ผู้ว่าการแคว้นไครเมียกล่าวว่า จะมีการตรวจสอบและชี้แจงหลังจากที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียและทีมสืบสวนเก็บข้อมูลเสร็จสิ้น
