เมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในอินโดนีเซีย ปรับเพิ่มจากลิตรละ 7,650 รูเปียห์ หรือ 18 บาท 74 สตางค์ เป็นลิตรละ 10,000 รูเปียห์ หรือ 24 บาท 50 สตางค์
ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล จากราคาลิตรละ 5,150 รูเปียห์ หรือ 12 บาท 62 สตางค์ เพิ่มเป็น 6,800 รูเปียห์ หรือ 16 บาท 66 สตางค์
ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า รัฐบาลใช้เงินอุดหนุนด้านพลังงาน เพราะต้องการควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่ประชาชนยังสามารถแบกรับได้
"ลูกชุบไทย" โดนใจชาวจีน ขายลูกละ 15-30 บาท มีวางขายแทบทุกร้านขนม
1 ปีมีครั้งเดียว! "ปรากฏการณ์กุ้งเดินขบวน" ที่แก่งลำดวน 1-30 ก.ย.นี้
แต่ปัจจุบัน งบประมาณในส่วนนี้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว และจะเพิ่มขึ้นอีก รัฐบาลจึงจำเป็นต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ และนี่คือทางเลือกสุดท้าย
ที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียทุ่มงบประมาณมหาศาล เพื่อควบคุมราคาน้ำมันและเงินเฟ้อในประเทศ เฉพาะปีนี้ รัฐบาลอัดงบตรึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไปแล้ว 502 ล้านล้านรูเปียห์ หรือ 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่ตั้งไว้ถึง 3 เท่า จากปัจจัยราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูง บวกกับสกุลเงินรูเปียห์อ่อนค่าลงหากรัฐบาลไม่เพิ่มราคาน้ำมันในประเทศ คาดว่าจะต้องใช้เงินอุดหนุนมากถึง 698 ล้านล้านรูเปียห์
สำหรับอินโดนีเซีย ถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียน และอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันยังต่ำกว่า 5% ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7%